การเลือกตั้งของไทยน่าจะแน่นอน ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นี้
ข่าวเรื่องการเมืองเป็นเรื่องใหญ่สำหรับสื่อ สื่อในเมืองไทยมีบทบาทมากเรื่องการเมือง
ยังจำได้เกือบ 20 ปีที่ผมเคยเป็นโฆษกองค์กรกลางว่า สื่อสนใจเรื่องการเมืองมาก และออกมาทางด้านลบเป็นส่วนใหญ่ ข่าวดีจะไม่พูด ไม่สร้างสรรค์เลย
การรู้ทันสื่อของไทยเป็นเรื่องสำคัญ ต้องจับประเด็นให้ได้ว่า อะไรสำคัญและไม่สำคัญ ยิ่งในปัจจุบันสื่อ Social Media มีบทบาทสูงขึ้น
เรื่องรัฐมนตรี 4 คนเข้าไปเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว คือ
1.นายอุตตม สาวนายน
2.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
3.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์
4.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล
ประกาศเป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐแต่ไม่ลาออก ซึ่งอาจารย์วิษณุบอกไม่ผิดกฎหมาย
ในความเห็นของผม แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ในด้านจริยธรรมหรือธรรมาภิบาลไม่เหมาะสม
จะเปรียบเทียบให้เห็นว่า ในประเทศสหรัฐ ซึ่งถือเป็นแม่แบบของประชาธิปไตย การเมืองของเขาถือว่า เก่าแก่กว่าเรา ยังมีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล อย่างน้อย 2 เรื่อง
เรื่องแรก ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้เวลาราชการไปหาเสียงเป็นประจำ เดือนหนึ่ง 2 ครั้ง ใช้เงินและเวลาของหลวง ไม่เห็นมีสื่อใดในสหรัฐโจมตีว่า ขาดธรรมาภิบาล ซึ่งแต่ในเมืองไทย ผิดกฎหมายที่ใช้ของหลวง เวลาราชการและงบของราชการ ไม่ได้ผิดแค่ธรรมาภิบาล
ยิ่งไปกว่านั้น การแต่งตั้งผู้พิพากษาคนใหม่ของศาลฎีกาในสหรัฐ ต้องเสนอชื่อโดยประธานาธิบดี
ในเมืองไทยเป็นเรื่องของกต. คณะกรรมการตุลาการ ไม่มีนักการเมืองยุ่งเกี่ยวเลย มีการโจมตีว่า การเมืองมายุ่งเกี่ยว ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการเมืองไทยแล้ว กต.เป็นองค์กรอิสระ เป็นตัวแทนศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น มีผู้ทรงคุณวุฒิมาจากการเลือกตั้งของวุฒิสมาชิก 2 คน
การพิจารณาของผู้พิพากษาศาลฎีกาของสหรัฐเต็มไปด้วยปัจจัยทางการเมือง จึงขาดจริยธรรมเป็นอย่างมากเพราะคนที่ทรัมป์เสนอชื่อมีประวัติด่างพร้อยเคยถูกโจมตีเรื่องลวนลามผู้หญิง
สื่อไทยจะวิจารณ์อะไร ก็ดูเหตุการณ์ในต่างประเทศด้วย ไม่ใช่โจมตีการเมืองทางลบ สื่อไทยก็ต้องมีความรู้เปรียบเทียบด้วย ตัวผมเองอยากให้ 4 รัฐมนตรีลาออกเพื่อเป็นแบบอย่างของการปฏิรูปการเมืองไทย แต่ถ้าเปรียบเทียบธรรมาภิบาลของอเมริกาในเรื่องการเมือง เมืองไทยยังมีมาตรฐานดีกว่า รัฐมนตรีอย่างน้อย 2 คนคือ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูลก็เป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพ
อาทิตย์นี้ ผมเริ่มการพัฒนาผู้นำของสำนักอนามัยของกทม.ประมาณ 30 คน จะทำต่อไปอีก 4 ครั้ง
ครั้งแรกประทับใจมาก เพราะผู้เข้าร่วมเป็นแพทย์มีความรู้ดี กทม.มีความมุ่งมั่นที่จะดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะที่มีปัญหาสมองเสื่อม ใช้แนวทางการเรียนแบบ LearningHow to Learn กระตุ้นให้ทุกคนไปสู่ความเป็นเลิศให้นำไปคิดและนำไปทำ อย่างน้อย 2 เรื่อง
คือ เรื่อง 2R’s เขาบอกว่า น่าสนใจมาก ความจริงReality คือ ปัญหาผู้สูงอายุ มีมากในกทม. แต่ทำอย่างไรจึงจะทำกันจริงและแก้ปัญหาคือ ตรงประเด็นRelevance จึงเกิดขึ้น ผมยกตัวอย่างว่า กทม.อย่าทำคนเดียว ต้องมี Network โดยเฉพาะหน่วยงานราชการอื่นๆ ชุมชนและนักวิชาการ ภาคธุรกิจ แต่ต้องมี 5 อย่าง
(1) ศรัทธาระหว่างกันคือ Trust
(2) ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง กัดไม่ปล่อย
(3) เน้น นับถือ หรือ Respect
(4) เน้น win/win
(5) เน้น ศักดิ์ศรีของผู้ร่วมงาน
ส่วนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม น่าสนใจมากเพราะผู้จัดเป็น นักศึกษาปริญญาโท เชิญครูประถม มัธยมของจังหวัดนครปฐมมาร่วมฟังร่วมกันคิด ในศาสตร์พระราชากับการเรียนการสอน ผมประทับใจในการทำ Workshop สามารถทำงานมีคุณภาพมาก น่าชื่นชม ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมติดอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งประเทศ ขอบคุณท่านอธิการบดี ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้วที่มาร่วมในพิธีเปิดและร่วมฟังด้วย ผมหวังว่า จะมีโอกาสได้ร่วมงานกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมต่อไป
จีระ หงส์ลดารมภ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี