ใกล้เข้ามาทุกทีๆ สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 28 ที่ประมาณกันว่าน่าจะเป็นวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์2562 โดยจำนวนพรรคการเมืองที่มีสิทธิส่งผู้สมัครเป็น สส. 500 ที่นั่ง มีไม่น้อยกว่า 70-80 พรรคการเมือง แต่จะมีคนที่สอบผ่านเข้าสภาคว้า 500 ที่นั่ง จากหลายๆ พันคน ซึ่งได้มีการแบ่งออกเป็น3 กลุ่มคือ
กลุ่มที่สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษที่หนีคดีอาญา ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย, พรรคอนาคตใหม่, พรรคไทยรักษาชาติ กลุ่มตรงกลาง ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์พรรคเก่าแก่อันดับหนึ่งของประเทศไทย กลุ่มพรรคที่สนับสนุนคณะทหารคสช.ประกอบด้วยพรรคพลังประชารัฐ, พรรคชาติไทยพัฒนา, พรรคภูมิใจไทย, พรรคชาติพัฒนา, พรรคประชาชาติ, พรรคประชาชนปฏิรูป, พรรคพลังพลเมืองไทย, พรรครวมพลังประชาชาติไทยฯลฯ
สำหรับนักการเมืองที่ถูกจับตามองว่าจะเป็นผู้นำรัฐบาลคนต่อไปหลังเลือกตั้งทั่วไปนั้น ได้แก่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ตามด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นต้น โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์นั้นยังรอจนนาทีสุดท้ายจึงจะมีการระบุว่าจะเป็นรายชื่อแคนดิเดต 1 ใน 3 คนของพรรคพลังประชารัฐ โดยยังไม่ออกมาระบุในขณะนี้เพราะต้องการไม่ให้ถูกโจมตีว่าสืบอำนาจจากคณะ คสช.
การที่คณะคสช.ต้องก่อรัฐประหาร ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 นั้นเพราะเป็นทางเลือกในการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดความวุ่นวายทางด้านการเมืองเป็นช่วงที่รัฐบาลรักษาการของระบอบทักษิณ ชินวัตร คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร ยังไม่ยอมลุกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังการประกาศยุบสภา
ด้วยเหตุนี้คณะทหาร คสช.จำต้องรัฐประหารเพราะตามรัฐธรรมนูญเก่าปี 2550 นั้นไม่มีทางออกใดเลยเว้นไว้เสียแต่ว่าต้องรัฐประหารเพื่อจัดการบริหารประเทศกันใหม่ ในเมื่อฝ่ายกุมอำนาจรัฐนั้นหมดความเชื่อถือไปแล้วเพราะพยายามใช้เสียงในสภาพยายามออกพ.ร.บ.ล้างความผิดให้ระบอบทักษิณซึ่งถูกต่อต้านจาก กปปส. ที่มาจากคนชั้นกลางในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
กปปส.นั้นอาจจะไม่ใช่คนไทยส่วนใหญ่ในประเทศ แต่กปปส.เป็นคนไทยที่เป็นมหาเศรษฐีและคนชั้นกลางในประเทศไทยในขณะนั้นที่ไม่พอใจพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคในระบอบทักษิณ พรรคเพื่อไทยใช้เสียงสส.กับสว.ที่เป็นสมัครพรรคพวกพยายามเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยให้ทักษิณคนโกงพ้นผิดให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกๆ ในระบอบประชาธิปไตยที่มีการออกกฎหมายแบบนี้ขึ้นมาในโลก ซึ่งประเทศไหนในโลกนี้ไม่มีชาติใดกล้าทำมาก่อนจะมีให้เห็นคือพรรคเพื่อไทยนี่ละได้ทำขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ด้วยเหตุผลดังกล่าวคนดังๆ ในบ้านในเมืองแทบจะทุกคนจากการเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยทุกๆ สถาบันจึงได้สนับสนุน กปปส.ให้ออกมาขับไล่รัฐบาลของระบอบทักษิณออกไปเมื่อไม่ยอมออกคณะทหารคสช.ก็ต้องยกกำลังออกมาไล่คนโกงไล่โจรปล้นแผ่นดินดังกล่าว
เมื่อไม่ออกก็จำต้องปลอบด้วยปืน ตอนนี้จะมีการเลือกตั้งประชาชนที่สนับสนุนคสช.หรือสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ก็ต้องมารวมตัวกันตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นฐานกำลังป้องกันไม่ให้ระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจทางการเมืองได้อีกโดยชูนโยบายสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนโดยใช้ฐานจากประชาชนที่ยังยากจน 14 ล้านคนเป็นฐานคะแนนเสียงของพรรคนั่นเอง
เป็นที่ทราบว่าระบอบทักษิณและคนเสื้อแดงมีฐานเสียงประมาณ 15 ล้านเสียงในขณะที่ประเทศไทยมีประชากรรวม 67 ล้านคน และมีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมดประมาณ 45 ล้านคนถ้าหากจะเป็นรัฐบาลให้ได้ก็ต้องมีประชาชนสนับสนุน 24-25 ล้านคนหมายถึงการมีสส.ในสภาสนับสนุน265 คน และมีสว.ที่จะหนุนอีก 250 เสียงในการเลือกตัวนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงในสภาประมาณ 515 คน จากจำนวน 750 คน
ตัวเลข 265 คน นี่แหละจะมีรัฐมนตรีทั้งหมด 36 คน หมายความว่าคนเป็นรัฐมนตรีต้องมีสส.สนับสนุน 7 คนในขณะที่ฝ่ายค้านในสภาล่างจะมีเสียงประมาณ 235 เสียง นี่คือ สูตรที่ลงตัวคล้ายๆ สมัยที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีสมาชิกวุฒิสภาสนับสนุนอีก 250 คนด้วย นั่นคือเป้าหมายของผู้สนับสนุนพลเอกประยุทธ์กำหนดไว้คือสูตรๆ นี้คือ การรวมเสียงในสภาให้ได้ 265 คน ดังนั้นหากเพื่อไทยมีสส.ในสภามากที่สุด สมมุติมี 200 เสียง ก็ไม่ได้บอกว่าจะได้เป็นผู้ตั้งรัฐบาลแต่อย่างใดเพราะยังไม่เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร คือ 251 เสียง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี