หลังจาก กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) มีหน่วยก่อตั้งขึ้นมาใหม่ คือ กองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ (บก.ถปพ.) โดยดึงกองกำกับการปฏิบัติพิเศษ (ปพ.) ที่เป็นเขี้ยวเล็บของกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าไปร่วมด้วยเหตุนี้ ผบก.ป. จึงหากำลังพลทดแทนพร้อมกับตั้งหน่วย กองกำกับการสนับสนุน และเสริมเขี้ยวเล็บใหม่ชื่อ CSD S.W.A.T. TEAM
หัวหน้าหน่วยคนแรกปรากฏชื่อ พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สนับสนุน บก.ป. หรือ ผกก.มด ได้รับมอบหมายคุมขุมกำลัง ภายใต้ความคาดหวังของผู้บังคับบัญชา เพื่อเสริมศักยภาพให้ กองปราบปราม มีขีดจำกัดเพิ่มมากขึ้น สิ่งแรกทุกคนที่เข้ามาร่วม หน่วยสวาท ต้องผ่านหลักสูตรพิเศษอย่างน้อย 1 หลักสูตร ผกก.มด ได้เป็นแบบอย่างให้กับหน่วย สิ่งสำคัญต้องรับสภาพการทำงาน เบื้องหลัง
พ.ต.อ.วิจักขณ์ ย้อนประวัติว่า มีแรงจูงใจอยากเป็นตำรวจเหมือนพ่อ ตัดสินใจสอบเข้า รร.เตรียมทหาร จบ นรต.รุ่น 50 เริ่มรับราชการ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง นายเวร ผบก.จว.นครศรีธรรมราช ขึ้น สว.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต รอง ผกก.สส.จว.พังงา จากนั้นเข้ามากองปราบปรามเป็น รอง ผกก.6 บก.ป. ขึ้น ผกก.5 บก.ปอศ. และมา ผกก.สนับสนุน
โดยตามคำสั่งของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กก.สนับสนุน จะประกอบด้วย 7 ฝ่าย 1.ปฏิบัติการพิเศษ หรือ CSD S.W.A.T. TEME 2.รถสายตรวจ ที่มีอยู่ทั่ว กทม.กำหนดไว้ 9 เขตตรวจ 3.งานวิเคราะห์ 4.งานเครื่องมือพิเศษ 5.งานประชาสัมพันธ์ 6.งานรักษาการ ดูแลความปลอดภัยและรักษาความเรียบร้อยทั้งหมดในเขตที่ตั้ง บก.ป. และ 7.ธุรการ
ความจริงไม่ใช่หน่วยใหม่เพียงเปลี่ยนชื่อ กก.ปฏิบัติการพิเศษ มาเป็น กก.สนับสนุน โดยสามารถทำงานยืดหยุ่นได้มากขึ้น อย่าง หน่วยสวาท เมื่อปฏิบัติภารกิจในสถานการณ์ปกติจะ Soft ลง หรือกับเป้าหมายที่มีความรุนแรงจะเพิ่ม Level ขึ้น ในส่วนของงานวิเคราะห์หรือเครื่องมือพิเศษต้องมี Specialist เช่น ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ อย่างน้อยพื้นฐานควร Support ให้ตัวเลขทำงานได้ง่ายและบรรลุวัตถุประสงค์
“กองกำกับการสนับสนุน บก.ป. แม้จะเปลี่ยนชื่อจากหน่วยเดิม ก็เปรียบเสมือนเป็นหน่วยที่ตั้งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวคน หรือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงอำนาจหน้าที่ที่ต้องการบุคลากร ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญตามหน้างานแต่ละด้าน ผมมีหน้าที่กำหนดทิศทาง หรือรูปแบบของแต่ละงาน ให้สามารถเดินไปได้โดยเร็วและได้ผลมากที่สุด ตามเป้าหมายที่ผู้บังคับบัญชาตั้งไว้ หัวใจหลักคือคนที่เข้ามาต้องพัฒนาความคิด ให้อยู่ในกรอบแบบเดียวกันก่อน”
นามเรียกขาน ปก.7 กล่าวต่อว่า ตนเคยเข้าฝึกหลักสูตร S.W.A.T. เพราะมองว่าตำรวจฝ่ายสืบสวน ต้องไปเข้าค้นบ้านผู้ต้องหาบ่อยครั้ง เมื่อครั้งตนเป็นสารวัตรสืบสวนพูดตรงๆ คือแบบ ถึงลูก
ถึงคน ยุทธวิธีที่ใช้ถามว่ามีไหมก็มี แต่ไม่ได้เป็นรูปแบบขนาดนั้น พอเข้าบางจุดเสร็จแล้วมานั่งคิดดูว่า ถ้าคนร้ายฮึดสู้หรือเราเคลียร์บ้านไม่หมด ซึ่งมีหลายครั้งโชคดีไม่เกิดอันตราย จึงมีความคิดเรื่องความปลอดภัย
ฉะนั้นมีความรู้เรื่องสืบสวนอย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้เรื่องยุทธวิธีการเข้าจับกุมหรือเข้าตรวจค้น พอเรามีโอกาสขึ้นมาอยู่ตรงนี้และได้คุมกำลัง โดยมีสายสืบนอกเครื่องแบบที่จะต้องเข้าไป แน่นอนว่าอันตรายกว่าอยู่ในเครื่องแบบ ทำงานทุกสถานการณ์ต้องมีการ Safe มากที่สุด
“ต้องจบอย่างน้อย 1 หลักสูตรของ ตร. เช่น หลักสูตรต่อต้านการก่อการร้าย นเรศวร 261, อรินทราช 26, มนุษย์กบซีล หรือหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในประเทศ แล้วมารวมกันใหม่ภายใต้ชื่อ CSD S.W.A.T. TEME”
รูปแบบการทำงานเป็นภาพอยู่ข้างหลัง สำหรับตรงนี้ทุกคนต้องรับสภาพให้ได้ เพราะไม่ได้ Show Off และไม่ได้อะไรทั้งนั้นบอกแล้วหน่วยชื่อ กก.สนับสนุน มีหน้าที่สนับสนุนการทำงานของ บก.ป. รวมถึง บช.ก. หรือตามที่ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร.ร้องขอมาเท่านั้น โดยตนจะเจาะจงเรื่องของข้อมูลเป็นหลัก ถือเป็นสิ่งสำคัญยุคนี้ไม่ว่าจะภาครัฐ เอกชน ใครเข้าถึงข้อมูลได้เร็ว ลึก ชัดเจนกว่าคนนั้นชนะ
ผกก.วัย 44 ปี ชาวภูเก็ต ทิ้งท้ายว่า มารับตำแหน่งยอมรับรู้สึกท้าทาย ตนไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าไปถึงไหน เพียงแต่ต้องพัฒนาหน่วยไปเรื่อยๆ ให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งที่ทำได้คือทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด ภาคภูมิใจเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้น กก.สนับสนุน
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี