กรณีพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างเขมรกับไทยนั้นรัฐบาลเก่งมาก! เก่งพ่นน้ำลายไปวันๆ ทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้งพ่อนายกฯ ด้วย พ่นทีไรก็เหมือนให้ท้ายเขมรทุกทีไป ส่วนเขมรก็ข่มขู่เหยียดหยามสารพัด ซึ่งก็แปลกใจอย่างไม่แปลกใจว่าทำไมรัฐบาลจึงไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่กลับเป็นคนไทยและทหารที่เดือดเนื้อร้อนใจที่มีรัฐบาลเฮงซวย ไร้ฝีมือ ไร้ความรับผิดชอบจนน่าสมเพช คิดถึงแต่อำนาจและผลประโยชน์เฉพาะตนเท่านั้น
ประชาชนจึงโกรธแค้นทั้งรัฐบาลไทยและเขมรจนกลายเป็นกระแสแรงขึ้นทุกวัน บางส่วนเรียกร้องให้ทหารรัฐประหาร บางส่วนบอกให้รบกับเขมรถ้ารุกล้ำเขตแดน บางส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก กระทั่งเรียกร้องให้คนที่นำทักษิณเข้ามาในประเทศไทยรับผิดชอบ
ขณะที่ “นายแบก-นางแบก” คนดังทั้งหลายก็พูดประสานเสียงกับนายกฯ รัฐมนตรีกลาโหม และทักษิณว่าใช้ความรุนแรง ไม่มีประโยชน์ ขอให้ใช้การเจรจา พ่อนายกฯ กับนายกฯก็บอกว่า “คุยกันแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เป็นเพื่อนบ้านที่ดี พูดคุยกันได้”
กลายเป็นว่าเรื่องของประเทศชาติคุยกันส่วนตัวแค่คน 2 คน 2 ตระกูล! คุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ตกลงกันแบบไหนอย่างไรก็ไม่บอก แต่เขมรกลับข่มขู่ให้ไทยไปขึ้นศาลโลก คนไทยส่วนมากก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
เมื่อคนไทยส่วนมากยิ่งโกรธจนกลายเป็น“กระแสชาตินิยมมาแรง” ก็เชียร์และให้กำลังใจทหารกันล้นหลาม จึงทำให้พรรคส้มที่เอาแต่หาโอกาสบ่อนเซาะทหารและพระมหากษัตริย์ต้องโดดเข้า “กอดรัด” กระแสชาตินิยมไว้แน่นอย่างจะไม่ให้พรากจากกัน!
(ภูมิธรรมที่ประกาศจะปลดแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ต้องตระบัดสัตย์ ไม่ปลดแล้ว แต่จะไปเยี่ยมทหารเพื่อให้กำลังใจ กระโดดเข้ากอดรัดกระแสชาตินิยมเช่นกัน)
พรรคส้มนั้น “หันหลังกลับ” อย่างงงๆ เพราะแม้แต่คนที่ปากกล้าด่าทหาร ไม่เอาทหาร ดูถูกเหยียดหยามทหารว่า “มีทหารไว้ทำไม” “คุณจะไปรบชนะใครได้” แซะพระมหากษัตริย์มาตลอดหลายปี ก็ออกมาลอยหน้าชื่นชมทหาร ให้กำลังใจทหาร!
แถมยังบอกให้พรรคเพื่อไทยจัดการปัญหาอย่าง “มืออาชีพ” นั่นคือการตำหนิพรรคเพื่อไทยว่าไม่ได้เป็นมืออาชีพ
จึงมีคนจำนวนมากที่เคยเกลียดชังพรรคส้มเปลี่ยนเป็นยินดี! บางส่วนคิดว่าพรรคส้มกลับใจแล้ว!
แต่ผมไม่เชื่อว่าพรรคส้มกลับใจ
ผมไม่เชื่อก็เพราะ 1.พรรคส้มพูดกลับไปกลับมาหลังพรรคก้าวไกลโดนยุบ ว่าจะไม่แก้-ไม่ยกเลิกมาตรา 112 แล้ว เพราะเกรงว่าจะเป็นเหตุให้โดนยุบพรรคประชาชนอีก แต่ไม่ถึง 2 เดือนต่อมาหัวหน้าพรรคก็ออกมาพูดใหม่ว่า “ไม่เปลี่ยนแปลงอุดมการณ์” คือจะแก้และยกเลิกมาตรา 112 ต่อไป
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกอยากล้มเจ้าไม่พอใจ(โดนปั่นหัวไว้เยอะและนานมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่จนฝังหัวไปแล้ว) พรรคประชาชนเกรงจะเสียคะแนนจากคนกลุ่มนี้ซึ่งมีจำนวน
มหาศาล จึงต้องเอาใจว่าไม่เปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ จากนั้นก็เงียบมาจนวันนี้ รวมทั้งการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ด้วย คนทั่วไปจึงไม่รู้แน่ว่าจะเอาอย่างไร
2. ในสภาวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่พิธาเป็นแคนดิเดต ก็ปฏิเสธข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทยว่าถ้าไม่ยุ่งกับเรื่องมาตรา 112 พรรคภูมิใจไทยจะยกมือให้ แต่พิธายืนยันจะแก้
มาตรา 112 ผลสุดท้ายจึงกลายเป็น “นายกฯว่าว” มาจนวันนี้ และกำลังเลือนหายไปกับวันเวลาที่ลับเลย
3. ตอนโดนยุบพรรคก้าวไกลก็โกรธแค้นศาลรัฐธรรมนูญ โกรธแค้นไปถึงพระมหากษัตริย์ว่าอยู่เบื้องหลังการยุบพรรค เมื่อวันนี้เลี้ยวกลับกะทันหันมารักชาติ ชื่นชมทหาร จึงไม่มีเหตุผล
อื่นใด นอกจากกลัวหลุดกระแส เพราะมันมีผลไปถึงการเลือกตั้งทั้งสนามเล็กและสนามใหญ่ในอนาคต
เพราะกระแสชาตินิยมกำลังเร่งแรงขณะเดียวกันกระแสล้มเจ้าไม่เอาทหารก็แผ่วจางลงซ้ำคนที่เคยเลือกพรรคก้าวไกลก็รู้เช่นเห็นชาติกันมากขึ้นว่าพรรคส้มนั้นตั้งมาเพื่อล้มเจ้า
ถ้าไม่กอดรัดกระแสชาตินิยมไว้ให้แน่นในวันนี้ เลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าที่คุยโวว่าจะแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ก็อาจจะเหลือไม่เท่าเดิม
เป็นพรรคที่กลับกลอกหลอกแดกคะแนนเสียงทุกวิธี ทั้งในนโยบายและนอกนโยบาย ผมจึงไม่เชื่อว่าพรรคส้มจะสรรเสริญทหารด้วยความจริงใจ เพราะทหารคือผู้พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ที่พวกเขาต้องการล้มล้าง
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี