l เจี๊ยบ & โจ๊ก ลูกรัก
ก่อนที่จะนำไปสู่ : ฐานะและบทบาทของ “คนสร้างชาติ” ในประเภทต่างๆ
ต้องบอกเล่าถึงภารกิจที่สำคัญบางประการ ของ “ผู้มาทำหน้าที่สำคัญนี้ การสร้างชาติ” คือ การแก้วิกฤติของประเทศไทย มีทางออกได้ทางใดบ้าง ที่เป็นไปได้จริง และนำพาภารกิจใหญ่ไปได้ โดยยึดสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์ปัจจุบัน มิใช่เป็นเรื่องเฟ้อฝัน หรือล่องลอย แบบนักเลือกตั้งทั่วไปคิด
*** โดยการคิดในลักษณะนี้ เป็นแนวทางที่ประเทศต่างๆ สามารถผ่านจากเหวลึกหรือถ้ำมืดตัน ออกมาได้จริงไม่ได้เป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบ แต่ไม่เป็นจริง, โดยการเดินเส้นทางนี้ จะต้องมีระยะผ่าน ระยะปรับตัวและเป็นระยะของการสร้างความเข้มแข็งและยกระดับคุณภาพ ของทุกฝ่ายที่ปรารถนาร่วมกันในการสร้างชาติ
l ซึ่งขอพูดอย่างเป็นรูปธรรม ที่เป็นจังหวะและขั้นตอน ที่จะแก้วิกฤติและนำพาประชาชนออกจากถ้ำได้ขั้นตอนแรก ได้เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่การออกแบบรัฐธรรมนูญ ปี 2560, มีโรดแมป 20 ปี และจากการเลือกตั้งทั่วไป ต้นปี 2562 : เป็นการแก้วิกฤติของประชาชนและประเทศชาติ
แนวทางนี้ เป็นการเดินตามเส้นทางเก่า แต่ต้องมีเงื่อนไขและคุณภาพใหม่ ที่เป็นปัจจัยเป็นคุณการเลือกตั้งครั้งนี้ มีคุณภาพใหม่ประกอบในบางส่วนจากรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ 2560 ซึ่งเป็นการจำกัดบทบาทของอำนาจเก่าฯ ที่จะหวนกลับมา จากการเลือกตั้งทั่วไปที่ยังเป็นระบบเดิม
u คือ เป็นแนวทางส่งเสริมคนดีให้บริหารปกครองบ้านเมือง และปิดกั้น ขจัดคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจฯ
l 1) แต่ต้องไม่ประมาทระบอบทักษิณ ที่มีโอกาสไม่น้อย เพราะกลไกการเลือกตั้ง ยังมีข้ออ่อนมาก ทำให้เขาสามารถใช้อำนาจทุน สื่อมวลชน และอำนาจรัฐบางส่วน เข้าแทรกแซงให้เอาชนะเลือกตั้งได้
2) ขณะเดียวกัน ต้องหาทางสร้างความเข้าใจ กับ “กลุ่มที่มีอคติต่อรัฐ ทหาร และสถาบันฯ ที่หลากหลาย” แต่มีอารมรณ์ความรู้สึกไม่พอใจกับ การบริหารของรัฐบาลประยุทธ์ โดยเหตุใหญ่ที่สำคัญ คือ การไม่ศึกษาข้อมูลและข้อเท็จจริง ถึงผลงานที่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ได้ทำไป เพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งมีผลงานเป็นรูปธรรมสัมผัสได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดข้ออ่อนในระบบและโครงสร้างการเมืองเก่าที่ทำไม่ได้ผลอย่างที่ใจเราปรารถนาหรือฝันอยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเมื่อไม่ถูกใจ ก็วิพากษ์ใหญ่โตเกินความเป็นจริง แต่หลักสำคัญ ที่เป็นข้อบกพร่องและผิดพลาดมาตลอด ของคนกลุ่มนี้ คือ “ยึดแนวทางสมบูรณ์แบบ” และค้านไปหมด ใครทำอะไรไม่ดี ไม่ได้ดังใจ จนทำให้ดูเเป็นแนวร่วมมุมกลับ กับฝ่ายทักอ้อ
3) หลักการที่ถูกต้อง ต้องใช้การเปรียบเทียบ ถึงความร้ายกาจความเสียหายที่ประชาชนได้รับจากรัฐบาลทักปู และนอมินี กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ ซึ่งเราสามารถสรุปได้ว่า “รัฐบาลประยุทธ์ ดีกว่ามากๆ”
4) หากเปรียบเทียบกับฝ่ายทักษิณเพื่อไทยเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ จะเห็นว่า “แม้จะมีข้อขัดแย้งกันมากมายแต่ในยามรบ ในสงครามเลือกตั้ง “พวกเขา ยึดเป้าหมายชัดเจน” โจมตี ศัตรูหลักของเขา ซึ่งในบางช่วง เป็นพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในช่วงนี้ คือ รัฐบาลประยุทธ์ และพรรคแนวร่วมฯ
5) เรื่องนี้ ต้องฝากให้ “แกนนำเชิงอุดมการณ์ ฝ่ายประชาชน ต้องนำไปสรุปประเมินและทบทวนให้ดี” จะได้ไม่เสียใจ ที่ตัวเองและพวกพ้อง มีส่วนช่วยให้ฝ่ายทักษิณ อาจพลิกกลับมาเอาชนะการเลือกตั้งได้
u แต่หากพรรครัฐบาลพรรคร่วม ได้มือร่วมต่อสู้คัดค้านต่ออำนาจระบบทุนสามานย์ เอาชนะการเลือกตั้งได้
คือ ในระบบสส. ทั้งระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อ ได้เสียงมากกว่าครึ่งหนึ่ง คือ 250 จาก 500 และมีเสียงสว. อีก 250 เสียง สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จะได้กลับคืนมาเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา 500 จาก 750 และประธานรัฐสภาฯ ก็จะมาจากฝ่ายรัฐบาล ด้วยเสียงข้างมากของ สส., มากกว่า 250 จาก 500 รัฐบาลประยุทธ์ ก็จะสามารถบริหารประเทศต่อเนื่องตามโรดแมป ได้และในอีกด้านหนึ่ง สส.ของฝ่ายทักษิณ ที่คงอยู่ในตระกูลเพื่อทักอ้อชิน คงจะห่อเหี่ยวกันไปและตัวทักเอง จะต้องถูก กระบวนการยุติธรรม ดำเนินคดีที่ตัดสินไปแล้ว และกำลังจะตัดสินอีกหลายคดี
l แนวทางนี้ ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ที่มีใจมุ่งมั่น เอาจริง จะต้องมีเป้าหมาย 3 ส่วน คือ
1) การลงคะแนนให้ พรรครัฐบาลและพรรคร่วมฯ สามารถชนะการเลือกตั้งได้ เพื่อการเป็นรัฐบาล
2) การลงคะแนนให้พรรคร่วมรัฐบาล ที่มีอุดมการณ์ มีแนวทางและเป้าหมายในการสร้างชาติได้จริง ซึ่งต้องพิจารณาหาพรรคที่เป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง ให้ได้เสียงมากพอสมควร เพื่อทำหน้าที่
หนึ่ง การร่วมส่วนในการทำให้คะแนนเสียงของพรรครัฐบาล สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และได้พลเอกประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี
สอง เป็นหลักประกัน ให้แนวทางนโยบายที่ดีของรัฐบาล ก้าวและมุ่งไปสู่ทางที่ดีและถูกต้องได้จริง คือ การมีพรรคดีคนดี ที่มีอุดมการณ์ ได้เป็นหลักค้ำประกัน ให้ทิศทางแนวทางและนโยบายของพรรครัฐบาลก้าวไปสู้เป้าหมายที่ได้วางไว้
3) การดึงและพัฒนา อดีต สส.ที่มีแนวคิดเก่า คือ เคยมีข้ออ่อน ในช่วงที่เคยร่วมกับพรรคเพื่อไทยและนอมินีซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี (ฝ่ายทักษิณ ) ซึ่งทำให้ทำสิ่งที่ดีได้ยากแต่เมื่อเข้ามาอยู่ในพรรครัฐบาล “สภาพแวดล้อมที่ดี สามารถสร้างและปรับคนที่มีข้ออ่อน ให้ดีขึ้นได้”
คือ ให้สามารถปรับแก้ไขตนให้เป็นสส.ที่ดีและมีบทบาทเพื่อประชาชนและประเทศได้รัฐบาล ตามแนวทางและนโยบาย และโรดแมป 20 ปี ของรัฐบาลได้
คือ เมื่อสถานที่ดี ผู้นำที่ดี พรรคร่วมที่ดี สามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้ แล้วเขาก็จะเปลี่ยนพฤติกรรม
2.การใช้ “การเป็นรัฐบาลประยุทธ์” ดำเนินการสร้างและพัฒนาประเทศและแก้ปัญหาให้ประชาชน ช่วงของการเป็นรัฐบาล นายกประยุทธ์ ต้องระดมความคิดทีมงานหลักฯ วางแผน กำหนดการจัดขั้นตอน จังหวะก้าว ที่จะเดินหน้าปฏิรูปการเมือง สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และกระบวนการยุติธรรมให้บรรลุการปรับระบบโครงสร้างเป็นธรรม ที่สำคัญ คือ การพัฒนาคุณภาพคน ให้เป็น Active Citizen โดยใช้แนวทาง “พระราชาสอนตกเบ็ด” ให้แล้วเสร็จ ภายในไม่เกินสองปี ส่วนเวลาที่เหลือ เป็นการตรวจสอบ ปรับปรุงแก้ไข
พลเอกประยุทธ์ และคณะรัฐบาล รวมทั้งพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล จะต้อง “จัดทำแผนยุทธศาสตร์ร่วมกัน” วางเป้าหมายที่จะทำในช่วงเวลาที่มีอยู่ ให้เกิดผลเป็นที่ประจักษ์ คู่ไปกับการทำความเข้าใจประชาชนที่จะต้องร่วมมือกับรัฐบาล ผลักดันการปฏิรูปประเทศการเมืองและสังคม ไปพร้อมกับการสร้างคุณภาพคนต้องตระหนักว่า “นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ที่จะสร้างบ้านแปงเมืองให้ประสบความสำเร็จโดยต้องเอาจริง ต้องฝ่าฟันปัญหาวิกฤติทั้งภายในและต่างประเทศ ที่โถมเข้ามาอย่างหนัก ให้ผ่านไปได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี