เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560 ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ (ศาลปราบโกง) พิพากษาจำคุก 2 ปี นายยงยุทธวิชัยดิษฐ (อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา ม.157 ขณะดำรงตำแหน่งรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณีไปเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่มีคำสั่งให้การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใดๆ อันเกี่ยวกับที่ดินธรณีสงฆ์อัลไพน์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขณะนี้ คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์
แต่เป็นข้อยืนยันชัดแจ้งอีกครั้งว่า ที่ดินดังกล่าวมีสถานะเป็นธรณีสงฆ์
ทว่าปัจจุบัน กลับอยู่ในความครอบครองของเอกชน
1. ที่ดินอัลไพน์โด่งดังขึ้นมาครั้งแรก สมัยรัฐบาลไทยรักไทย ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ
มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รมว.มหาดไทย และ นายสมบัติ อุทัยสาง รมช.มหาดไทยในขณะนั้น เมื่อปี 2545
2. เรียกได้ว่า เป็นการทุจริตที่ดินธรณีสงฆ์
ที่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมยกที่ดินย่านปทุมธานี เนื้อที่เกือบพันไร่ ให้กับวัดธรรมิการามวรวิหาร แต่กลับถูกนักการเมืองและพวกร่วมกันเล่นแร่แปรธาตุ อาศัยอำนาจรัฐ เปลี่ยนแปลงโอนให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ก่อนถูกขายต่อให้บริษัทอัลไพน์ เรียลเอสเตท
และขายต่อจนตกอยู่ในมือของบริษัทครอบครัวอดีตนายกฯ ทักษิณ
3. นางเนื่อมเสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2514
ที่ดินต้องเป็นธรณีสงฆ์ทันทีตามกฎหมาย
แต่หลังจากที่นายเสนาะ เทียนทอง เข้ามาเป็นรมช.มหาดไทย สั่งการเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2533 ว่าไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามฯได้มาซึ่งที่ดินมรดก เท่ากับว่า เปิดทางให้มูลนิธิฯเข้ามาจัดการทรัพย์สิน ก่อนที่จะมีการขายต่อไปให้บริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งมีคนตระกูลเทียนทองถือหุ้น
4. บริษัทอัลไพน์ฯ ซื้อมาในราคา 142 ล้านบาท
แต่เอาไปจำนองได้ถึง 220 ล้านบาท ภายในวันเดียวกัน
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2533
หลังจากนั้น ก็เอาไปพัฒนา ทำบ้านจัดสรร สนามกอล์ฟหรู
ในที่สุด ก็ขายหุ้นบริษัทที่ครอบครองที่ดินต่อไปให้คนตระกูลชินวัตร ถูกวิจารณ์ในขณะนั้นว่าเป็นดีลการเมืองด้วยในตัว
5. เดือนก.พ. ปี 2544 นายชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์ เลขาฯกฤษฎีกา ได้ตอบข้อหารือของอธิบดีกรมการศาสนา ตามหนังสือ นร 060/0178 ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ ดำเนินการแจ้งอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ประธานกรรมการมูลนิธิมหามกุฏฯ เพื่อทราบและดำเนินการต่อไป
20 ธันวาคม 2544 นายสมศักดิ์ เอี่ยมไธสง รองอธิบดีกรมที่ดิน (รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรมที่ดิน) สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนที่ดิน เพราะเป็นที่ธรณีสงฆ์
ขณะนั้น ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
อำนาจคับบ้านคับเมือง
หลังจากนั้น ปรากฏว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองปลัดมหาดไทยขณะนั้น ได้อาศัยอำนาจปลัดมหาดไทย เพิกถอนคำสั่งอธิบดี เอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชนที่ถือครองที่ธรณีสงฆ์อยู่
ซึ่งก็คือบริษัทของทักษิณนั่นเอง
หลังจากนั้น นายยงยุทธก็ได้ดิบได้ดี เกษียณแล้วก็ได้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีมหาดไทย ยุครัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
6. ในคำพิพากษาของศาลปราบโกง ตอกย้ำชัดเจนว่า
ที่ดินดังกล่าว เป็นที่ธรณีสงฆ์ทันทีที่นางเนื่อมถึงแก่ความตาย แม้จะยังมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นชื่อวัดก็ตาม
ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมใหญ่) ที่กรมที่ดินนำมาพิจารณาประกอบการทำคำสั่งเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดิน และคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน จึงเป็นคำสั่งที่ถูกต้อง
จำเลย (นายยงยุทธ) พิจารณาและสั่งให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน โดยจงใจละเลยข้อเท็จจริงต่างๆ ข้างต้น
ทั้งยังจงใจตีความและใช้กฎหมายให้ผิดเพี้ยนไปจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
ศาลปราบโกงชี้ว่า จำเลยเคยเป็นอธิบดีกรมที่ดินมาก่อน ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองปลัดกระทรวง ย่อมทราบดีว่า กรณี รมช.มหาดไทยไม่อนุญาตให้วัดเป็นผู้รับโอนมรดกเกินกว่า 50 ไร่ ก็มีแค่กรณีของนายเสนาะ เทียนทอง รมช.มหาดไทย (ขณะนั้น) เป็นกรณีเดียว หากพิจารณาคำสั่งโดยละเอียด ย่อมจะพบความไม่ปกติในคำสั่งของนายเสนาะ ที่ก้าวล่วงในการดำเนินการของเจ้าอาวาส
ศาลเห็นว่า จำเลยต้องใช้ความรู้ความสามารถ พิจารณาอย่างรอบคอบ ระมัดระวังในข้อกฎหมาย ให้สมกับความรู้และความสามารถในการดำรงตำแหน่งมาหลายตำแหน่ง จนได้รักษาการในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่จำเลยเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ลำดับที่ 3 ใน 7 ลำดับ
ยิ่งกว่านั้น ศาลยังชี้ด้วยว่า การกระทำของนายยงยุทธ เป็นการทำลายศรัทธาผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างนางเนื่อม ที่ระบุชัดไว้ในพินัยกรรมว่า ขอให้นำทรัพย์สินที่ได้หลังจากการมรณกรรมของตน นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเป็นจตุปัจจัยถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ จึงพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
ขณะนี้ คดียังไม่ถึงที่สุด นายยงยุทธยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี
7. น่าคิดว่า การกระทำอุกอาจข้างต้น อาศัยอำนาจรัฐ อำนาจการเมือง เล่นแร่แปรธาตุธรณีสงฆ์ ผู้ได้รับผลประโยชน์ในทางธุรกิจตัวจริง ยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
ที่ธรณีสงฆ์ยังถูกครอบครองโดยเอกชน
นอกจากคำสาปแช่ง จะมีใครทำอะไรให้เกิดความถูกต้องบ้าง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี