ช่วงที่ผมตั้งสถาบันทรัพยากรมนุษย์ใหม่เกือบ 40 ปีมาแล้ว เมื่อถึงวันแรงงานผมมีโอกาสได้ออกความเห็นและได้ไปร่วมวันแรงงานที่สนามหลวงเสมอๆ
บทบาทนี้เป็นรุ่นน้องๆ ในสังคมไทย ทำหน้าที่แทนทั้งนายจ้างและลูกจ้าง และเป็นบทบาทของอาจารย์ที่ทำงานในสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย
ในปัจจุบันต้องทำหน้าที่ต่อไปให้สมกับบทบาทของสถาบันทรัพยากรมนุษย์
ไม่มีใครรู้หรอก ถ้าไม่มีการปฏิวัติในยุคพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ป่านนี้คนที่ได้เป็นปลัดกระทรวงคนแรก คือ นายจีระ หงส์ลดารมภ์ บทบาทของกระทรวงแรงงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแต่เกิดการปฏิวัติเสียก่อน ถ้าไม่เช่นนั้น ผมถูกวางตัวให้เข้าไปช่วยดูกระทรวงแรงงานโดยเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน ผมพูดเสมอว่า กรมแรงงานต้องไม่ใช่กระทรวงมหาดไทย สาขา 2 ควรย้ายมาเป็นกระทรวงแรงงาน ก็ยังเป็นข้าราชการที่เน้นกฎระเบียบ ไม่ได้เน้นปลูกหรือพัฒนา
คนในสังคมไทยนึกว่า กระทรวงแรงงานทำเฉพาะเรื่องสวัสดิการและคิดว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อยู่กับกระทรวงความมั่นคงของมนุษย์ ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรมนุษย์ที่เข้าใจการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงถูกมองเป็นเรื่องเล็ก งบประมาณมีไม่มาก ไม่มีกฎหมายรองรับว่า นายจ้างกับลูกจ้างและกระทรวงแรงงานจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อปรับความรู้ที่ไม่ใช่เทคนิค Hard Skill แต่ต้องเป็น Soft Skill คือ
ความสุข
ความรักในงานที่ทำ
ความเคารพนับถือ
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ยิ่งวันนี้เจอ AI และ Robotics หลายๆ เรื่อง
พีท บัตติเกิก
ผมขอฝากเพื่อนำไปพิจารณางบประมาณที่จะต้องพัฒนาแรงงานไทย ต่อไป ประเทศไทยจะไม่มีคำว่า แรงงานไร้ฝีมือ ประเทศไทยต้องการจำนวนเป็นแสนๆ ล้านๆ และควรจะต้องออกกฎหมายมีความจำเป็นที่พัฒนาทุนมนุษย์ช่วง 25-50 ปี ในการปรับความรู้และทักษะที่เหมาะสมกับ AI เช่น ความคิดสร้างสรรค์ เรื่องความสุข การทำงานร่วมกันการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ลองนึกถึงแรงงานอายุ 25-50 ปี ที่ต้องพัฒนาฝีมือและความรู้อย่างมากมาย
งบประมาณที่ควรจะมีมากๆ ควรจะเป็นแสนๆ ล้านที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน แทนที่จะใช้คำว่า ฝีมือ skill อาจจะต้องใช้คำว่า สมรรถนะ Competency อยากให้ผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรมนุษย์คนใหม่ที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ริเริ่มสิ่งเหล่านี้ในวันแรงงานปีนี้และที่สำคัญอยากให้สังคมไทยมองผู้นำแรงงานและผู้นำนายจ้างเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรม ประเทศไทยยังมีโอกาสเพราะแรงงานในสาขาอุตสาหกรรมลดลงมากๆ แต่จะขยายในสาขาใหม่ๆ เช่น โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว ดิจิทัล และอื่นๆอีก ขอพูดในฐานะผู้ก่อตั้งและคิดว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้นำในเรื่องนี้
สุดท้ายเรื่องการเลือกตั้ง 2020 ของอเมริกากำลังจะมาถึงในเดือนพฤศจิกายน 2020 แน่นอน ทรัมป์อายุ 73 แล้ว คงลงสมัครต่อ
ที่น่ากลัวคือ กว่า 10 คน ที่สมัครอีกพรรคหนึ่งคือ เดโมแครต อายุมากๆ ทั้งนั้น เบอร์นี แซนเดอร์ส อายุ 76 ปี ซึ่งขับเคี่ยวกับ ฮิลลารี คลินตัน เกือบชนะ โจ ไบเดิน อายุ 76 เช่นกัน อดีตรองประธานาธิบดีสมัยโอบามาประกาศว่า ก็จะลง อายุ 76
ท่านผู้อ่านครับ คุณพ่อผมเคยสอนไว้ว่า ลูกตุ้มที่ถ่วงแรงๆ จะสวิงกลับ
นายกเทศมนตรีจากเมืองเซาต์เบนด์ รัฐอินเดียนา พีท บัตติเกิก ซึ่งอายุแค่ 37 ปี เป็นผู้สมัครที่คนไทยน่าสนใจและติดตามหลายเรื่อง เช่น
1.อายุน้อยมาก
2.เป็นเกย์และแต่งงานเปิดเผย
3.มีการศึกษาดี จบมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทุน Rhodes Scholarship ที่ Oxford และไปเป็นทหาร เป็นคุณสมบัติที่ครบถ้วนมาก
ช่วงนี้ คนยังไม่รู้จัก แต่ผมได้ดูติดตามเขาอยู่ คิดว่า พีทอาจจะเป็นตัวแปรที่น่าสนใจได้อีกคนหนึ่งเพราะผู้ลงสมัครส่วนมากอายุมากแล้ว ซึ่งไม่ใช่ปัญหาแต่ผมคิดว่า การมีคนหนุ่มซึ่งชอบการเมือง น่าจะทำให้การเลือกตั้งในอเมริกาครั้งนี้น่าสนใจ
พีทเกิดที่อเมริกาแต่ครอบครัวอพยพมาจากมอลตา เป็นประเทศเล็กๆ ทางตอนใต้ของอิตาลี เขาเป็นคนที่น่าสนใจมากคนหนึ่ง ในบรรดาผู้สมัครเกือบ 20 คน ผมจึงขอแนะนำว่า การเลือกตั้งในอเมริกา 2020 ไม่ใช่มีแต่คนแก่ 70 ขึ้น อาจจะมีม้ามืดหนุ่มวัย 37 ซึ่งถ้าได้เป็น ก็จะเป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
พิธีเปิดหลักสูตร “การพัฒนาผู้นำและผู้บริหารของมหาวิทยาลัยในยุค 4.0 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต” (หลักสูตร 9 วัน) ได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี