l ความคิดสร้างสรรค์ของคน มีอยู่ชั่วชีวิต แต่ต้องมีหลักการสำคัญที่จะต้องเข้าใจและพัฒนาขึ้นเอง เจี๊ยบ & โจ๊ก ลูกรัก
l 1. ผลงานวิจัยล่าสุดของอาจารย์จาก Ohio State University ชื่อ Bruce Weinberg และคณะที่ปรากฏลงในนิตยสาร De Economist พบว่าจริงๆ แล้วคนจะขึ้นถึงจุดสูงสุดของการคิดสร้างสรรค์ใน 2 ช่วง คือ ช่วงอายุ 20 กว่า และ 50 กว่า
- ช่วงอายุ 20 กว่า ขึ้นสูงสุดในอายุ 27 - 29 นั้นความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นเป็นแบบ Conceptual คือการคิดออกนอกกรอบ ท้าทายต่อความคิดเดิมๆ และสามารถคิดไอเดียใหม่ๆ ได้โดยฉับพลัน
- ความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นในช่วง 50 กว่านั้น สูงสุดที่อายุ 57 เป็นแบบ Experimental ที่สะสมความรู้มาจากประสบการณ์และวิชาชีพ ทำให้สามารถค้นหาวิธีการที่จะวิเคราะห์ บูรณาการ และแปลความหมายของข้อมูลได้ในมุมมองใหม่ๆ.....
โดยข้อสรุปกล่าวว่า ร่างกายเรามีช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมหรือการทำงานที่แตกต่างกัน ก็คงจะต้องหาของตนเองให้เจอเท่านั้นเองครับ
อายุเท่าไรที่คนจะสร้างสรรค์ที่สุด? : รศ.ดร.พสุเดชะรินทร์
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647140
l 2.แต่ประสบการณ์ของ “พ่อ” ที่ได้สรุปทบทวนชีวิต “การพัฒนาสร้างสรรค์” ของตนเอง และมีหลักการสำคัญทาง วิทยาศาสตร์การพัฒนาของร่างกายจิตใจและสมองของมนุษย์ที่มนุษย์สามารถพัฒนาสร้างสรรค์ได้ตลอด
และหลักสำคัญของพุทธศาสนา ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ คือ
“ความคิดสร้างสรรค์ของคนเรา” ขึ้นอยู่ที่การพัฒนาและสร้างขึ้นเพราะ มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ที่สามารถฝึกได้ ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ (ขุ.ธ.25/33) แปลว่า ในหมู่มนุษย์นั้น ผู้ที่ฝึกแล้วเป็นผู้ประเสริฐสุดมนุษย์ประเสริฐเพราะเป็นสัตว์ที่ฝึกได้ และอีกด้านหนึ่ง คือ “มนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องฝึก” จึงจะประเสริฐสุด
l จากธรรมกถาแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)
“...มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ และต้องฝึก...ความดีเลิศประเสริฐของมนุษย์นั้น อยู่ที่การเรียนรู้ฝึกศึกษาพัฒนาตนขึ้นไป มนุษย์จะเอาดีไม่ได้ ถ้าไม่มีการเรียนรู้ฝึกฝนพัฒนาตน เพราะฉะนั้น เราจึงพูดเต็มว่า “มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐด้วยการฝึก”... ...การที่ชีวิตเป็นอยู่ดำเนินไป ก็คือ การที่ต้องเคลื่อนไหวพบประสบการณ์ใหม่ๆ เจอสถานการณ์ใหม่ๆ ซึ่งจะต้องรู้จัก ต้องเข้าใจ ต้องปฏิบัติหรือจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง... เรียกสั้นๆ ก็คือ สิกขาหรือการศึกษา...ฝรั่งบางพวกว่าชีวิตคือการต่อสู้ บ้างก็ว่าชีวิตเป็นความฝัน แต่ถ้าพูดตามหลักพระพุทธศาสนา ชีวิตคือการศึกษา...”
l 3.ชีวิตและประสบการณ์ของตัวพ่อ : ณวันที่อายุ ก้าวย่างขึ้น ปี 70
- คำสอนที่มาจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์และพระสงฆ์องค์เจ้า ที่ผ่านมาในชีวิตคือ “การสรุปทบทวนชีวิตเป็นประจำ” จะทำให้เราเข้าใจชีวิต การปรับปรุงตนให้เป็นคนดียิ่งขึ้นคือ การมองอดีตที่ผ่านมา“อะไรดี ไม่ดี อะไรที่ทำให้เราสุข ไม่ทุกข์ อะไรที่ทำให้เรามีชีวิตดีขึ้น ฯลฯ”
เพื่อที่เราจะได้ใช้ชีวิตในปัจจุบันได้ถูกต้อง เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น
- จากการสรุปบทเรียนเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้ข้อสรุปที่สำคัญของชีวิต คือ “คนเราสามารถสร้างและพัฒนาชีวิตของตนได้ จากการฝึกฝน ทำอย่างต่อเนื่องประจำ” อะไรที่ยาก ที่ไม่เข้าใจ ที่คิดไม่ออกหากเราทำประจำ ทำซ้ำๆ : จะกลายเป็น เรื่องง่าย, เข้าใจ, คิดได้ สิบกว่าปีมานี้ “ตัวเรา” ดูทำอะไรได้มากขึ้นดีขึ้น รู้มากขึ้น, แต่ก็ยังมีเรื่องที่เรา “ไม่รู้” อีกมาก
- ใช้หลัก “อริยสัจ 4” ทุกข์ สมุหทัยนิโรธ มรรค : แก้ปัญหา แก้ทุกข์ที่ต้นเหตุ
มีหลักการ 3 ประการ คือ
หนึ่ง : เรื่องที่สามารถแก้ไขได้ทันที
สอง : เรื่องที่ยาก ต้องอาศัยความพยายามการเอาจริง และการร่วมมือกับผู้ที่เหมาะสม
สาม : เรื่องที่แก้ไม่ได้ หรือ ยังแก้ไม่ได้ ต้องรอ เงื่อนไข ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงให้มาถึงก่อน
แต่เรื่องแปลกแต่จริง “ผู้นำส่วนมาก” มักคิดและทำในข้อ 3, เมื่อทำไม่ได้ “จะโกรธ ด่าคนอื่นแทนตัวเอง”
- หัวใจที่สำคัญ คือ “การทำด้วยการให้ ทำด้วยความสุข” ได้เท่าไหร ก็ทำเท่านั้น และพยายามทำความเข้าใจมากขึ้น จากการศึกษาจากผู้นำที่มีประสบการณ์ทั้งจากชีวิตจริงและตำราฯ
- “ใช้ความรู้ สติปัญญา และความเป็นจริง” นำทาง มิใช่ อคติ อวิชชา ความอยากฯ ที่ไม่เป็นจริง
- การรับฟัง : ให้มาก “มากกว่า” การพูดคุยโอ้อวด การตอบโต้ ความต้องการเอาชนะ
- ไม่พูด ในเรื่องที่ไม่รู้จริง เรื่องที่เขาเล่าว่า,ไม่ฟันธง 100% ต้องเป็นอย่างนี้ อย่างนั้น
- หัวใจสำคัญอีกข้อหนึ่ง คือ “เอาจริงมีเป้าหมาย ทำงานหนัก มีแผนงาน และตารางเวลาทำงาน” การทำงานหนักสม่ำเสมอ ทั้งการทำงานการศึกษา การติดตามข้อมูล การรักษาสุขภาพ การให้ฯ แล้วนำสิ่งที่ได้รับฟังมา มาสรุปด้วยตนเอง นำมาปรับปรุงแก้ไขข้ออ่อน เสริมข้อดี ให้กับตนเองมากขึ้น
l ทุกวันนี้ “พ่อ” ทำงานวันละ 10 ชั่วโมง,ทำด้วยความรัก ความสุข และรักษาสุขภาพ กาย ใจรู้สึกว่า “ตนทำอะไรได้มากขึ้นกว่าสมัยยังหนุ่ม” แต่ก็ไม่เคยเสียดายเวลาที่ผ่านไป, เพราะ “เรา” ทำดีที่สุดแล้ว เพราะ “เราเพิ่งมาสรุปและเข้าใจชีวิตดีขึ้นในช่วงวัยใกล้เกษียณ”
l สุดท้าย มีของฝาก ถึงเพื่อนมิตร :การปรับปรุงสังคม ต้องเริ่มจากการปรับที่ตัวเอง ก่อน
พาหุสัจจะ แปลว่า ความเป็นผู้ได้สดับมาก หมายถึงการได้ศึกษาเล่าเรียนมาก การมีความรู้ประสบการณ์มาก ผู้มีภาวะอย่างนั้น คือ “พหูสูต” : ซึ่ง “ผู้นำ” และทุกคนสามารถสร้างและพัฒนาขึ้นได้ หากตั้งใจจริง
“สุ จิ ปุ ลิ วินิมุตโต กถํ โส ปณฺฑิโต ภเว”แปลว่า ผู้ปราศจาก สุ จิ ปุ ลิ จะเป็นบัณฑิตได้อย่างไร
- สุ จิ ปุ ลิ = ฟัง คิด ถาม จด
https://i.ytimg.com/vi/fmcZzflDbNc/maxresdefault.jpghttps://krujun111.files.wordpress.com/2012/09/562856_115285835279724_1734461097_n.jpg
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี