ช่วงนี้ จึงมีข่าวคราวการคาดการณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
1. คนในข่าวที่มาแรงที่สุด คือ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา (ผู้ว่าหมูป่า)
ล่าสุด เจ้าตัวขอไม่พูด ไม่ตอบ ไม่อธิบายใดๆ ยืนยันว่าบทบาทปัจจุบัน คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นข้าราชการที่ทำงานเพื่อประชาชน
ขณะนี้ เจ้าตัวยังมีอายุราชการอีก 5-6 ปี
ดูรูปการณ์แล้ว ถ้าเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปลายปีนี้ คงจะไม่มีชื่อผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ลงสนาม
2. ที่น่าจะชัดเจนแน่นอน คือ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีคมนาคม ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ และเป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.
นายพานทองแท้ ชินวัตร ถึงกับประกาศหนุนเต็มที่ “รู้สึกยินดีมากๆ หากนายชัชชาติ จะตอบรับที่จะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นว่า พรรคจะได้รับชัยชนะในการชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม”
ขณะที่เจ้าตัว ยังไม่แสดงท่าทีตอบรับออกมาชัดเจน (ล่าสุด ยังโชว์ภาพตีปิงปองอยู่)
3. พรรคพลังประชารัฐ และพรรคอนาคตใหม่ ก็แสดงท่าทีว่าจะส่งคนลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. แน่นอน
แต่ยังไม่ออกตัวแรงเหมือนพรรคเพื่อไทย
เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ครองแชมป์ผู้ว่าฯ กทม. มาหลายสมัย
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า มีบุคคลที่เหมาะสมหลายคนที่มีศักยภาพพร้อมทำงานให้กับประชาชนพี่น้องชาวกทม. พรรคพร้อมทำงานรับใช้ ส่วนพรรคจะส่งผู้สมัครคนใด คณะกรรมการบริหารพรรคจะเป็นผู้พิจารณาผู้ที่มีความเหมาะสมลงแข่งขันต่อไป
4.แน่นอนว่า พรรคประชาธิปัตย์จะต้องถูกจับตามองในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้มากเป็นพิเศษ
นอกจากเพราะผลการเลือกตั้ง สส.ในพื้นที่ กทม.ครั้งล่าสุด ที่พรรคไม่ได้สส.เขตเข้าสภาเลยแม้แต่คนเดียวแล้ว ยังเป็นเพราะสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถือได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์คือแชมป์เก่า หลายสมัย
ไม่ว่าจะเป็นนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ล้วนแต่เคยชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ (แม้แต่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ คสช.แต่งตั้ง ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับพรรคประชาธิปัตย์)
ยิ่งกว่านั้น บุคลากรของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถ และเป็นที่รู้จักของคน กทม. ก็ดูเหมือนจะมีมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะทั้งอดีตผู้ว่าฯ กทม. อดีต สส.กทม. จำนวนหลายสิบคนที่อยู่ในข่ายมีศักยภาพทำงานบริหาร กทม.ได้เลยโดยไม่ต้องทดลองงาน
ชื่อที่ปรากฏในสื่อ ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีคลัง หรือแม้แต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นแค่เพียงรายชื่อบางส่วนเท่านั้น
แต่สำคัญที่สุด คือ การตัดสินใจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาว กทม. จะพร้อมสนับสนุนคนของพรรคประชาธิปัตย์ให้บริหารจัดการ กทม.อีกหรือไม่?
5.หากพิจารณาการตัดสินใจลงคะแนนของคน กทม. จะพบว่า มีลักษณะการตัดสินใจที่อิงกับสถานการณ์การเมือง สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นๆ สูงมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ
ผลการเลือกตั้ง สส.ครั้งที่ผ่านมา เหตุที่พรรคประชาธิปัตย์สอบตกเรียบ ก็เพราะฐานเสียงเดิมหันไปเทคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐ และบางส่วนหันไปลงคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ ก็น่าจะเนื่องด้วยสถานการณ์การเมือง เหตุการณ์การเมือง หรือกระแสการเมืองเฉพาะหน้าในขณะนั้น
เคยมีงานวิจัย เรื่อง กลยุทธ์การสื่อสารโน้มน้าวใจผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง : กรณีศึกษา “การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครปี 2547” ผลการศึกษายังสะท้อนสภาพการณ์ทางการเมืองในพื้นที่ กทม.ได้ดีจนถึงปัจจุบัน
โดยผลการวิจัย พบว่า ชาวกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง ที่มีบุคลิกค่อนข้างแปรปรวน รักง่ายหน่ายเร็ว มักเป็นไปตามกระแส
ถ้ามีผู้มาใช้สิทธิเกินร้อยละ 30 จะเป็นเรื่องของกระแส เช่น
พลตรีจำลอง ศรีเมือง สมัยแรก (พ.ศ. 2528) ได้ 480,233 คะแนน ผู้มาใช้สิทธิ 34.65% สมัยที่สอง (พ.ศ. 2533) ได้ 703,671 คะแนน ผู้มาใช้สิทธิ 35.85%
นายพิจิตต รัตตกุล (พ.ศ. 2539) ได้ 768,994 คะแนน ผู้มาใช้สิทธิ 43.53%
นายสมัคร สุนทรเวช (พ.ศ. 2543) ได้ 1,016,096 คะแนน ผู้มาใช้สิทธิ 58.87%
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน (พ.ศ. 2547) ได้ 911,441 คะแนน ผู้มาใช้สิทธิเกินคาดหมายสูงถึง 62.50%
น่าที่จะเป็นสิ่งตอกย้ำเรื่อง “กระแส” และ อารมณ์ “คนกทม.”
นอกจากนี้ กลยุทธ์การสื่อสารโน้มน้าวใจที่ได้ผล คือ “การตลาดนำการเมือง” โดยการรณรงค์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะมีสีสัน หวือหวา ตั้งแต่การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย การกำหนดภาพลักษณ์ผู้สมัครด้วยรูปแบบสไตล์ และโทนสี รวมทั้งการใช้สโลแกน เพลง หมายเลข ตลอดจนถือฤกษ์ยามในวันรับสมัคร เน้นความโดดเด่น จดจำได้ เพื่อให้เกิดการซื้อ หรือลงคะแนนเสียงให้
ผู้วิจัยยังได้ให้ข้อเสนอแนะ 2 ประการ คือ ประการที่หนึ่ง ให้นำการตลาดการเมือง (Political Marketing ) ของ ฟิลลิป นิฟเฟนเนกเกอร์ (Phillip Niffenegger) มาประยุกต์ใช้ และประการที่สอง นำการตลาดสุนทรียศิลป์ (Marketing Aesthetics) มาช่วยในการกำหนดกลยุทธ์การสื่อสารโน้มน้าวใจ
6. ด้วยพื้นฐานสภาพการณ์ทางการเมืองเช่นนี้ ทำให้สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ยังเปิดกว้าง
ลองคิดดู ถ้ามีตัวบุคคลที่มีชื่อเสียง และโดนใจคน กทม. ประกาศอาสาเข้ามาบริหาร กทม. ย่อมเป็นตัวแปรที่มีผลต่อการตัดสินใจการเลือกตั้งแน่ๆ
ลองดูตัวอย่างง่ายๆ พอมีชื่อของ “ผู้ว่าหมูป่า” ปรากฏในหน้าข่าว ก็เรียกเสียงฮือฮาได้แล้ว
สมมุติว่า ถ้ามีคนอย่าง... สมมุตินะสมมุติ.. คนอย่าง คุณตูน บอดี้สแลม “อาทิวราห์ คงมาลัย” ถ้าเกิดมีคนแบบนี้ลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. เชื่อว่าจะเกิดการพลิกผัน เกิดจุดเปลี่ยนในสนามเลือกตั้ง กทม.แน่นอน
สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จึงยังเปิดกว้างสำหรับทุกพรรคการเมือง รวมถึงผู้สมัครอิสระด้วย
ประการสำคัญ คะแนนเสียงเลือกตั้ง สส.ครั้งที่ผ่านมา ไม่ใช่ตัวกำหนดว่าการลงคะแนนในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
พรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง สส.ในพื้นที่ กทม. รวมกันกว่า 1.4 ล้านคะแนน มากกว่าพลังประชารัฐที่ได้ 1,047,000 คะแนน
และมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้แค่ 471,000 คะแนน
ก็ใช่ว่าจะลำพองใจได้ ว่าจะชนะเลือกตั้งสนามผู้ว่าฯ กทม.แบบนอนมา มันบ่แน่ดอกนาย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี