ทันทีที่เสนาบดีของทุกกระทรวงสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามกฎหมาย หลังจากที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภาไปแล้ว “เจ้ากระทรวงทั้งหลาย” ต่างเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ เป็น “ฮีโร่” ขึ้นมาอย่างทันใด เหมือนหนังแอ๊กชั่นสุดมันของฮอลลีวู้ด

“เสือปืนไว” และ “เจ้าแม่ปืนกล” ต่างออกมา“โชว์ไอเดีย” อัน “สุดเจ๋ง” และแสดงศักยภาพอัน “สุดยอด”เพื่อช่วยเหลือประชาชนผ่านสื่ออย่างไม่ชักช้า

เห็นได้จาก เสนาบดี “พรรคภูมิใจไทย” หัวหน้าพรรคที่คุมกระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการพรรคที่คุมกระทรวงคมนาคมต่างเป็น “คลินต์ อีสต์วู้ด ชักปืนเร็ว” ออกมา “ยิงบั้งไฟ” ราวกับจะแข่งกับ “เฮียคิม จอง อึน” ที่ขยัน “ยิงขีปนาวุธ” จนกลายเป็นข่าวใหญ่

“กัญชา” จึงเป็น “ยาหอมสูตรใหม่” ที่ชาวบ้าน “สูดดม” อย่างชื่นใจ “เหยียบคันเร่งได้ 120” จึงกลายเป็น “ของขวัญชิ้นใหญ่” ที่ทำให้ “นักซิ่ง” ต่างได้เฮ

เห็นได้จาก “หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา” ที่จับค้อน “ตีเหล็กขณะที่ยังร้อน” ด้วยการ “โหนกระแส” กรณีคดีรุกป่าของ “รีสอร์ท 88 การ์มองเต้” จนได้รับเสียงเชียร์จากชาวบ้านและชาวเมือง

แน่นอนอยู่แล้ว “รัฐมนตรีพรรคการเมืองอื่นๆ”ที่ร่วมรัฐบาล ต่างก็ “ลุยการทำงาน เพื่อโชว์ความเป็นฮีโร่” เช่นกัน

แต่ที่ “น่าจะ” เป็น “ฮีโร่แห่งฮีโร่” คงต้องยกโป้งให้แก่ “ท่านกะปิตัน” ที่กลายเป็น “ลุงอัศจรรย์”แยกร่างทำงานได้ยิ่งกว่า “นาร้ายณ์ นารายณ์” ในหนังอิน-ตะ-ระ-เดีย

“ลุงอัศจรรย์” นอกจากต้องดูแลผลงานของทุกกระทรวงอย่างเข้มข้น ยังมีหน้าที่ “รับผิดชอบโดยตรง” กับการลงไป “ล้วงงาน ล้วงคนและล้วงลูก” ในหน่วยงาน “ยอดหิน” อย่างเช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานดีเอสไอ กระทรวงกลาโหม และประธานครม.เศรษฐกิจ อีกด้วย

สื่อจอมซนปากบุก ซุกปากบอนบางราย“ได้วิเคราะห์” ว่า “ยุคลุงตู่ภาค 1” ท่านกะปิตันเป็น “ซูเปอร์ฮีโร่” ได้ เพราะมี “ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์หมายเลข 44” อยู่ในมือ

แต่ใน “ยุคลุงตู่ภาค 2” ท่านกะปิตัน ก็มี “ดาบ 7 สี มณี 7 แสงและขีปนาวุธ 7 ลูก” อยู่ในมือเช่นกัน เพราะมีอำนาจกำกับ “หน่วยงานมากอิทธิฤทธิ์” ที่เป็น “ซูเปอร์พลัง” พอๆ กับดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม