ก่อนอื่นต้องแยกการพิจารณาเป็นสองประเด็นระหว่างกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ สส. กรุงเทพฯ เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ ลงไปแสดงกิริยาที่สังคมไม่ยอมรับ
และเรื่องปัญหาข้อเท็จจริงในการบุกรุกที่ดินสาธารณะโดยภาคเอกชนบางรายในเขตจังหวัดภูเก็ต เพราะสองสิ่งนี้เป็นคนละเรื่องกัน
ในที่นี้จะขออนุญาตไม่พูดซ้ำในประเด็นการแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมของ สส. เขตหลักสี่ เพราะเห็นว่าได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปมากมายแล้ว แต่จะขอนำประเด็นที่สังคมให้ความสนใจมาก คือคำถามที่ว่าเหตุใดจึงมีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตมายมายอยู่บนที่ดินในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ตได้ ทั้งๆ ที่เมื่อมองด้วยสายตาแล้ว ไม่น่าจะอนุญาตให้สร้างอาคารและบ้านเรือนในพื้นที่ที่น่าสงสัยได้ โดยเฉพาะตามบริเวณหน้าผาริมทะเล หรือบนยอดภูเขา
เป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ภูเก็ตมีโรงแรม รีสอร์ท อาคารบ้านเรือน และคอนโดมิเนียมจำนวนไม่ใช่น้อยเข้าไปปลูกสร้างบนพื้นที่ที่ได้กล่าวในข้างต้น ภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่สาธารณชนได้เห็นจนเจนตามาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว แต่สิ่งที่ค้างคาใจสาธารณชนคือเหตุใดจึงมีการอนุญาตให้ปลูกสร้างได้ และยังมีคำถามด้วยว่าหน่วยงานที่เป็นผู้ให้อนุญาตการก่อสร้างใช้เกณฑ์อะไรในการอนุญาต แต่คำถามที่สำคัญมากกว่าคือเอกสารสำคัญในการครอบครองที่ดิน หรือโฉนดที่ออกมานั้น ถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมายครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์จริงหรือ
ภาพประหลาดในเชิงอุบาทว์ที่ปรากฏต่อสายตาสาธารณชนมายาวนานแล้ว และยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ ภาพของโรงแรมขนาดใหญ่ คอนโดมิเนียมขนาดใหญ่
ที่ผุดขึ้นตามหน้าผา และบนภูเขาสูงในจังหวัดภูเก็ต ภาพเช่นนี้คือเครื่องประจานความไม่ชอบมาพากลภายในจังหวัดภูเก็ตได้อย่างชัดแจ้งที่สุด
ข้อมูลที่ผู้เขียนได้จากคนภูเก็ตคือ มีปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในจังหวัดภูเก็ตจริง เช่น บุกรุกที่ดินของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ที่ดินของป่าไม้ และที่ดินของ ส.ป.ก. รวมถึงที่ดินสาธารณประโยชน์ และป่าชายเลน และพบว่าหลายคดีอยู่ในชั้นศาล และพบด้วยว่าผู้ที่เข้าไปครอบครองที่ดินที่น่าสงสัยเหล่านั้น มักเป็นนักการเมืองทั้งระดับชาติ และระดับท้องถิ่น นายทุนระดับชาติ และระดับข้ามชาติ รวมถึงผู้มีอิทธิพลในเขตจังหวัดภาคใต้ รวมถึงนายทุน และผู้มีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ต
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2562 นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำคณะลงไปหารือร่วมกับนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในจังหวัดภูเก็ต โดยประชุมหารือในข้อปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาตามกรอบอำนาจหน้าที่ และยอมรับว่ามีปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐเกิดขึ้นจริง แต่ปัญหายังไม่รุนแรงมากนัก โดยระบุว่าปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนมั่นใจว่าคนไทยรู้แจ้งเห็นจริงมาโดยตลอดว่ายังคงมีปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐเกิดขึ้นเป็นประจำในประเทศไทย ไม่ใช่แค่ในจังหวัดภูเก็ตเท่านั้น แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และราคาที่ดินมีมูลค่าสูง ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมายาวนานแล้ว แต่ไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้ นั่นเป็นเพราะผู้มีอิทธิพลการเมืองและอิทธิพลการเงินยังคงมีอำนาจเหนือความถูกต้องในสังคมไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี