ขณะนี้สหรัฐได้ประกาศอย่างเป็นทางการและเป็นการทั่วไปว่ามีความต้องการที่จะจัดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ในประเทศอาเซียนประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยมีเป้าหมายการโจมตีคือประเทศจีน เกาหลีเหนือ และอิหร่าน
ในขณะที่ประเทศอาเซียนมีท่าทีในภาพรวมว่าไม่ยอมรับให้มีการจัดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ในประเทศอาเซียน เพราะทุกประเทศย่อมรู้ดีว่าหากมีการจัดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ในประเทศใดในกลุ่มอาเซียนแล้วก็ย่อมตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้ทั้งจากจีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือเช่นเดียวกัน
และอานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์นั้นย่อมส่งผลกระทบไปถึงประเทศอาเซียนอื่น แม้มิได้ใช้เป็นพื้นที่ติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์นั้นก็ตาม แม้กระนั้นสหรัฐก็ยังมีความพยายามที่จะตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ในประเทศอาเซียนให้จงได้
ซึ่งประเทศอาเซียนทั้งสิบประเทศนั้นก็มีความชัดเจนแล้วว่าพม่า กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย ไม่ยอมให้มีการติดตั้งเด็ดขาด ส่วนเวียดนามแม้จะเป็นมิตรกับขั้วอำนาจทุกฝ่าย แต่ก็มีท่าทีที่จะไม่ยอมให้มีการติดตั้งเช่นเดียวกัน
สำหรับฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียนั้นกำลังระมัดระวังการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งทั้งสองประเทศนี้รู้ดีว่าโลกปัจจุบันนี้ใครเป็นนักล่าอาณานิคมโดยใช้กลวิธีแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นจึงได้ยกระดับความร่วมมือกับประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้เป็นพิเศษ จึงไม่มีวันที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์จะยอมให้ติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์
จึงคงเหลือแต่ไทย สิงคโปร์ และบรูไน ซึ่งบรูไนนั้นไม่เหมาะที่จะเป็นพื้นที่ติดตั้งและบรูไนก็ไม่เล่นด้วย ส่วนสิงคโปร์แม้เป็นประเทศเล็กแต่ก็มีความเฉลียวฉลาด และดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับทุกขั้วอำนาจ ทั้งทำมาค้าขายกันเอิกเกริกอยู่แล้ว สิงคโปร์จึงไม่มีวันยอมให้ติดตั้งเช่นเดียวกัน
ดังนั้นประเทศไทยจึงตกเป็นเป้าหมายที่จะต้องรับแรงกดดันทุกวิถีทางและอย่างหนักหน่วง เพื่อติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ตามที่สหรัฐได้แถลงไว้ให้จงได้ และเหตุการณ์ที่บริษัทสหรัฐมาขอให้รัฐบาลถมทะเลภาคตะวันออก อ้างว่าเพื่อทำคลังสินค้าและท่าเรือนั้น ก็กำลังถูกจับตาว่าอาจแปรสภาพหรือสามารถแฝงใช้ในการติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย
เพราะพัฒนาการด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ในปัจจุบันนี้สามารถตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้ทั้งบนบกและในทะเล โดยเฉพาะพื้นที่ที่ทำเป็นท่าเรือ ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือถาวรหรือเป็นท่าเรือลอยน้ำก็ได้
กองทัพรัสเซียได้เคยแสดงแบบการติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์บนท่าเรือลอยน้ำบ้าง บนเกาะเล็กๆ บ้าง และแถบคลังสินค้าบ้าง โดยมีพื้นที่อาณาบริเวณที่สามารถควบคุมได้
ดังนั้นการเข้ามาขอถมทะเลเพื่อตั้งคลังสินค้าและท่าเรือของบริษัทสหรัฐจึงถูกระแวงว่าอาจจะแฝงไว้ในการติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ก็เป็นไปได้
เหตุนี้ในการเดินทางไปประชุมสหประชาชาติของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ซึ่งอาจจะมีการประชุมทวิภาคีกับสหรัฐ จึงต้องเตรียมตัวเตรียมการเจรจาให้พร้อม เพราะอาจมีหัวข้อหารือเรื่องนี้ก็ได้ ดังนั้นจึงต้องให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีให้มีกำลังใจและสติปัญญาที่จะรับมือกับเรื่องราวที่อาจจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้
เมื่อหวนย้อนดูประวัติศาสตร์ยุครัตนโกสินทร์ก็จะพบว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงภัยถึงขั้นจะสิ้นชาติสองครั้งมาแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นในยุครัฐบาลทหารหรือรัฐบาลทหารจำแลง นั่นคือ
ครั้งแรก เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมวงไพบูลย์บูรพาแห่งเอเชียกับญี่ปุ่นและประกาศสงครามกับประเทศสัมพันธมิตรและญี่ปุ่นซึ่งเป็นฝ่ายอักษะก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามในที่สุด
แต่โชคดีที่ประเทศไทยมีคนดีมีฝีมือมาช่วยกอบกู้ไว้ได้ทันท่วงที นั่นคือนายปรีดี พนมยงค์ ที่ได้จัดตั้งขบวนการเสรีไทยและเชื่อมโยงกับกลุ่มสัมพันธมิตรในยุคสงคราม ครั้นสงครามสิ้นสุดโดยประเทศไทยตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ร่วมกับญี่ปุ่น ขบวนการเสรีไทยก็ประกาศให้การประกาศสงครามของรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นโมฆะ จึงทำให้ประเทศไทยรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้
ครั้งที่สอง เกิดขึ้นในรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร ที่ประเทศไทยเข้าร่วมกับสหรัฐทำสงครามเวียดนาม โดยยอมให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพขนาดใหญ่ ทั้งฐานทัพบกและฐานทัพอากาศ รวมทั้งส่งทหารไทยเข้าไปร่วมรบในเวียดนาม ด้วย
สหรัฐได้ใช้กองบิน B52 จากสนามบินในประเทศไทยไปถล่มประเทศเวียดนามและใช้ประเทศไทยเป็นฐานใหญ่ในการทำสงครามเวียดนามหลายสิบปี สังหารผลาญชีวิตประชาชนเวียดนามหลายล้านคน เป็นโศกนาฏกรรมใหญ่ในประวัติศาสตร์ของโลกที่คนทั้งหลายต้องเรียนรู้ไปตลอดกาลนาน
ในที่สุดสงครามที่ไม่เป็นธรรมก็ต้องพ่ายแพ้ สหรัฐพ่ายแพ้สงครามแล้วก็ขนทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์กลับประเทศ ปล่อยให้ประเทศไทยซึ่งเป็นมิตรร่วมรบยืนรับหน้าอยู่กับแสนยานุภาพของประเทศสังคมนิยม โดยมีกองทัพเวียดนามที่เจนศึกและฮึกเหิมเพราะเพิ่งชนะสหรัฐมาหยกๆ จำนวนถึง 300,000 คน จ่ออยู่ที่ชายแดน
ในขณะที่โซเวียต ลาว และพันธมิตรหนุนช่วยเวียดนามอย่างเต็มที่
โชคดีที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีและยอดขุนพลที่ปรีชาสามารถต่อเนื่องมาสองยุค คือ รัฐบาล พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ และรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้กอบกู้สถานการณ์ได้ โดยขอให้ประเทศจีนร่วมมือเคลื่อนกำลังทหาร 500,000 คน รถถัง 5,000 คัน เครื่องบิน 3,000 ลำ บุกเวียดนามทางตอนเหนือ เป็นเหตุให้เวียดนามต้องถอนทหารกลับไปรับศึกจีน ประเทศไทยจึงอยู่รอดปลอดภัยมาถึงวันนี้
รัฐบาลสองยุคสองจอมพลได้ทำให้ประเทศไทยเกือบถึงขั้นจะสิ้นชาติมาแล้ว ดังนั้นในยุคปัจจุบันนี้จึงต้องถือประวัติศาสตร์นี้เป็นบทเรียน และครั้งนี้ถ้าเกิดเหตุขึ้นก็คงจะไม่โชคดีเหมือนสองครั้งที่ผ่านมาเป็นแน่ ดังนั้นประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจึงต้องยืนข้างรัฐบาลในการแสดงจุดยืนเรื่องนี้ไม่ให้ประเทศไทยเป็นฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ถล่มจีน เกาหลีเหนือ และอิหร่านเป็นอันขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี