“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” อุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา“จรรยาบรรณ” หนักแน่น ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขอเริ่มที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจประเทศไทยเสียก่อน...
nn ล่าสุดจากการเปิดเผยของเลขาฯสภาพัฒน์ ระบุว่า “หนี้ครัวเรือน” ของไทยทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยตัวเลขเมื่อสิ้นไตรมาสแรกของปี 2562 “หนี้ครัวเรือน” เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2561 หรือเท่ากับ 13 ล้านล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 78.7 ของจีดีพี เป็นเหตุให้อันดับหนี้ครัวเรือนของไทย ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 11 ของโลก และเป็นที่ 2 ของเอเชีย รองจาก “เกาหลีใต้” โดยหนี้ที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องคือ สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และรถยนต์ที่ขยายตัวขึ้นถึงร้อยละ 10.2 ขณะที่ภาพรวมของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มลดลง กอปรกับความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยกู้ตามกฎเหล็ก “มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV” ของแบงก์ชาติ ทำให้ภาพรวมสินเชื่อบ้านชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หนี้ครัวเรือนของไทยจะไม่เกินร้อยละ 80 ของจีดีพีแน่นอน หากว่าจีดีพีของไทยสามารถขยายตัวในอัตราร้อยละ 3 ตามเป้าหมาย...
nn ตรงกันข้ามในภาวะที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวหรือเติบโตลดลง ภาพรวมคดีอาชญากรรมกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 โดยคดีส่วนใหญ่เป็น “คดียาเสพติด”...
nn ส่วนข่าวร้อนส่งท้ายสุดสัปดาห์ “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน”รัฐนาวาลุงตู่-ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะฝ่าคลื่นลมไปได้กี่มากน้อย แม้ “ซินแสภาณุวัฒน์พันธุ์วิชาติกุล” จะออกมาทำนายทายทักว่า “ดวงรัฐบาลแข็งโป๊ก” ลุงตู่จะสามารถอยู่ยาวไปถึง 8 ปีทีเดียว ก็ขอเอาใจช่วย...
nn “ไม้หน้าสาม” เห็นต่างกับคำพยากรณ์ขึ้นมาในบัดดล ไม่ใช่พรรคฝ่ายค้านแข็งแกร่ง แต่รัฐบาลจะพังก็เพราะเจาะยางเลื่อยขาเก้าอี้กันเองเสียมากกว่า เรื่องนี้มีคำตอบ ซึ่งเป็นผลพวงมาจาก “แก๊งอกหัก” พลาดท่าจากตำแหน่ง “อัครเสนาบดี” เรียกว่าแค้นฝังหุ่นกันเลยทีเดียว...
nn จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อยู่ๆ “ลูกท็อป-วราวุธ ศิลปอาชา” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะตกเป็น “ตำบลห่ากระสุน”ถูก “ธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์”-นักเรียนซ้ำชั้น-สส.สอบตกพรรคพลังประชารัฐ” ร่อนหนังสือและคลิปเสียงการซื้อขายตำแหน่งบิ๊กขรก.ในทส. ต่อ “บิ๊กป้อม”-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้ตรวจสอบลูกท็อปรับสินบนก้อนโต 600 ล้านบาท ในการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการในทส. ซ้ำยังลงลึกไปด้วยว่ามีการจ่ายเงินก้อนแรกไปแล้ว 300 ล้านบาท ขณะที่ “วราวุธ ศิลปอาชา” ออกมาตอบโต้ทันควันขู่จะดำเนินการฟ้องร้องธีทัชฐ์ให้ถึงที่สุด งานนี้รมต.บอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเรื่องที่น่าละอายเช่นนี้ ขอให้คิดถึงความเป็นจริงด้วย หากข้าราชการระดับอธิบดีมีเงินถึง 600 ล้านบาท แล้วระดับปลัดกระทรวงจะมีเงินขนาดไหน สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นความจริงแน่นอน ดังนั้นการพูดอะไร ผู้พูดควรใช้วิจารณญาณและวุฒิภาวะมากกว่านี้ ไม่ใช่เพียงรับข้อมูลจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแล้วเอามาพูดต่อ “ไม้หน้าสาม” เคยสะกิดต่อมสำนึกรมต.ลูกท็อปก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งว่า มีขบวนการใส่สีตีข่าวที่เสียผลประโยชน์จากวาสนาถนัดซื้อขายเก้าอี้ แต่พอตัวเองพ้นจากอำนาจไป ก็พยายามที่จะวิ่งเต้นฝากเด็กของตัวเองให้อยู่ในตำแหน่งที่มีผลประโยชน์มากๆ ไม่สำเร็จจึงร่วมกับสื่อบางสำนัก (เคยบอกแล้วว่าใส่แจ๊กเกตสีใด) และนักการเมือง ข้าราชการในทส.บางคนสร้างความปั่นป่วน เรื่องนี้ไม่มีอะไรสลับซ้ำซ้อน และเชื่อว่าหมากเกมนี้ “วราวุธ”น่าจะไปจับเข่าคุยกับอธิบดีกรมอุทยานฯ “ธัญญา เนติธรรมกุล” ก็จะถึงบางอ้อ!!! ไปสืบเสาะถึงที่มาที่ไปของการกุข่าวสินบน 600 ล้านบาท ก็ล้วนแต่เป็นคนใกล้ๆ ตัว บ้างก็อยู่ฝ่ายการเมือง แต่อกหักพลาดเก้าอี้รมว.ทส. บ้างก็เป็นขรก.กังฉินนักวิ่งล้างผลาญงบหลวงมาอย่างยาวนาน แต่เสียผลประโยชน์ ว่าแต่ “ลุงป้อม” ที่ออกมารับลูกกับเรื่องนี้ยืนยันว่า ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย จะสามารถคลี่ปมสินบน 600 ล้านไปในทิศทางใด ล้วนแต่เป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างจดจ่อเลยทีเดียว...
nn สุดท้ายผีก็โผล่ขึ้นมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจนได้ ไม่นอกเหนือเกินความคาดหมายสำหรับการหายตัวไปของแกนนำชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง “บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ” เป็นระยะเวลา 5 ปีที่ลูกๆ และเมียรักของบิลลี่เฝ้ารอคอยการกลับมาของเขา แต่สุดท้ายก็พบแค่ซากชิ้นส่วนกระดูกของสามีถูกค้นพบอยู่ภายในถังน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้น้ำลึกสะพานแขวนใกล้ๆ กับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี งานนี้ต้องขอยกนิ้วให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แม้จะทำงานล่าช้าไปบ้าง แต่ก็น่าเห็นใจ “ไม้หน้าสาม”เชื่อเหลือเกินว่า ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างมากมายกว่าจะสามารถค้นหาซากบิลลี่ได้ อีกทั้งงานการข่าวต้องแม่นยำ จนนำไปสู่การพิสูจน์ดีเอ็นเอในถังน้ำมันตรงกับแม่ของบิลลี่ “ปฏิบัติการอุ้มฆ่า” ไม่ใช่โจรกระจอกหน้าไหนจะทำได้ง่ายๆ ทว่าต้องเป็นผู้มีอำนาจ จึงจะสามารถสั่งทีมงานลงมือสังหารอย่างเหี้ยมโหดและยังปิดบังอำพรางศพได้นานถึง 5 ปี ย่อมไม่ธรรมดา...
nn มีคำถามว่าเหตุจูงใจแห่งการสังหารครั้งนี้เกิดจากอะไร “ดีเอสไอ” คงมีคำตอบไว้พร้อมแล้ว เพราะก่อนที่บิลลี่จะปิดฉากชีวิตเขาได้บอกกับเมียและคนสนิทว่า ถ้าเขาหายสาบสูญไปไม่ต้องเสียเวลาตามหา ขอให้รู้ว่า “ไอ้...” เป็นคนอุ้มฆ่า- “ไม้หน้าสาม” ขอย้อนกลับไป
เมื่อราวปี 2554 สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บัญชาการงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ได้เกิดเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ด้วยมีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังบุกเผาหมู่บ้านกะเหรี่ยงแห่งนี้จนวอดวาย พร้อมยัดข้อหาว่าเป็นชาติพันธุ์ที่ “สร้างปัญหาบ่อนทำลายชาติ พัวพันยาเสพติด” ปฏิบัติการครั้งนั้น มีเฮลิคอปเตอร์ตกถึง 3 ลำด้วยกัน อดีตผอ.พล 9 ก็เสียชีวิตในภารกิจนี้ด้วย บิลลี่ถือเป็นแกนนำคนสำคัญที่จะเปิดพยานปากเอกที่เดินหน้าช่วยต่อสู้คดีให้กับปู่ของเขาอายุร้อยกว่าปี ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ บิลลี่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำหน้าที่เป็นล่ามแปลระหว่างต่อสู้คดีในศาล จากนั้นไม่นานบิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมในข้อหาบุกรุกพร้อมของกลางรวงผึ้งป่า โดยครั้งนี้มี “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งมีพยานต่างรู้เห็นเป็นข่าว แต่ชัยวัฒน์และเจ้าหน้าที่อุทยานฯยืนยันว่า ได้ปล่อยตัวบิลลี่ไปโดยไม่ได้ส่งตัวดำเนินคดีในฐานะผู้บุกรุกอุทยานฯแต่อย่างใด และก็ได้ต่อสู้จนถึงศาลฎีกาเป็นอันถึงที่สุดแห่งคดีแล้ว “ชัยวัฒน์” บอกว่ารู้สึกน้อยใจที่สังคมกำลังเพ่งมองมาที่เขา และลูกน้อง หากทำจริงจะนำซากศพหลักฐานมาทิ้งใกล้ที่ทำงานของตัวเองหรือ???? พร้อมยืนยันจะต่อสู้คดีถึงที่สุด หากมีการฟ้องร้องเขา ก็ต้องพิสูจน์กันไป อย่างไรก็ตามน่าสนใจว่านี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญหรือไม่ที่ยูเนสโกชักใบเหลืองเบรกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตีทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในขณะที่กรมอุทยานฯแจกแจงว่าตระเตรียมเอกสารส่งประกวดไม่ทัน!!! อย่างไรก็แล้วแต่ต้องขอเอาใจช่วยดีเอสไอคลี่ปมปริศนาการตายของบิลลี่ในฐานะชาติพันธุ์ที่อ่อนแอไม่มีโอกาสทางสังคมมากมายนักในการต่อสู้กับอำนาจรัฐ ถ้าประเทศไทยสามารถปิดคดีเหล่านี้ได้ ก็จะได้รับการยอมรับจากทั่วโลก แต่ถ้าจับแพะชนแกะมวยล้มต้มคนดู ก็เห็นทีว่าสิทธิมนุษยชนบ้านเมืองเราจะเป็นคำถามใหญ่ที่ชาวโลกเคลือบแคลงสงสัยและหวาดหวั่นไปอีกนานเท่านานเลยทีเดียว...
nn ดีใจกับอิสรภาพของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้พระราชทานอภัยโทษ เป็นนักโทษชั้นดี และอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ ติดคุกมา 3 ปี 1 เดือน ทั้งที่น่าจะได้รับการปล่อยตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่มีการตีความกฎหมายกฎระเบียบผิดพลาด เพราะถูกมองว่าเป็นนักโทษต้องความผิดเกี่ยวกับสถาบันการเงิน แต่กรณีสนธินี่โชคดีด้วยมีผู้ต้องขังรายหนึ่งต้องคดีเดียวกับเขาใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอภัยโทษ โต้แย้งว่ากรรมการผู้จัดการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมิใช่สถาบันการเงิน ที่ดีใจและชื่นชมกับสนธิก็ไม่ได้หมายความว่า “ไม้หน้าสาม” เป็นขุนพลเสื้อสีเหลืองหรือเป็นสลิ่มแต่อย่างใด หากแต่เคยอาศัยร่วมชายคา “ผู้จัดการ” ประกอบอาชีพ อีกทั้งชื่นชมสนธิที่เป็นลูกผู้ชายพอผิดก็ก้มหน้าก้มตารับผิดไป ไม่เหมือนกับอดีตนายกฯสองศรีพี่น้องที่โกงบ้านกินเมืองแล้ว “หนีอาญาแผ่นดิน” อย่าง “มหาโจรหน้าเหลี่ยมทักษิณ” กับ “นารีขี่ม้าขาวผู้ประกาศขอตายคาสนามประชาธิปไตยยิ่งลักษณ์” อย่างนี้คือตัวอย่างของนักการเมือง ที่ปล่อยให้ลิ่วล้อ-ขี้ข้าโจร ติดคุกยกเข่งแทนตัวเองที่ผินกายไปเป็น “สัมภเวสี”เร่ร่อนบ่อนทำลายชาติตราบจนทุกวันนี้...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี