กรณีบริษัทผู้ประกอบกิจการ “สุกี้เอ็มเค” ทุ่มเงินกว่า 2 พันล้านบาทเข้าซื้อกิจการ “แหลมเจริญซีฟู้ด” เป็นข่าวในแวดวงธุรกิจอาหารที่น่าสนใจ
เพราะ “สุกี้” และ “อาหารทะเล” ทั้งสองยี่ห้อ ล้วนมีชื่อเสียงทั้งคู่
1.เอ็มเค ในที่นี้ คือ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
กิจการคนไทยที่ไปได้ดีมาก รายได้ต่อปีราว 1.7 หมื่นล้านบาท มีผลกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกปี
ปี 2559 กำไร 2,099 ล้านบาท
ปี 2560 กำไร 2,425 ล้านบาท
ปี 2561 กำไร 2,574 ล้านบาท
2.ล่าสุด ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2562 ของบริษัทเอ็มเคฯ ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
บริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและบริการ 4,470 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 221 ล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากการขยายสาขาของร้านอาหารเอ็มเคสุกี้และร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ
โดยรายได้จากการขายและบริการครึ่งปีแรกของปี 2562 อยู่ที่ 8,822 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3)
กำไรขั้นต้น (หมายถึงรายได้จากการขายและบริการหักด้วยต้นทุนขายและบริการซึ่งรวมถึงต้นทุนวัตถุดิบ ค่าขนส่ง และค่าจัดเก็บสินค้า) ในไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 3,085 ล้านบาท(เพิ่มขึ้นร้อยละ 6)
กำไรสุทธิ เฉพาะไตรมาส 2 ปี 2561 คิดเป็น 689 ล้านบาท
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,398ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 107 ล้านบาท (เติบโตร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน)
ดูแนวโน้มแล้ว กำไรทั้งปี ก็น่าจะเติบโตต่อเนื่องไปอีกหนึ่งปี
3.จะเห็นว่า กิจการร้านอาหารสุกี้ (กิจการหลักของเอ็มเคฯ) มีผลประกอบการที่น่าสนใจมาก ในท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรง หลากหลาย และวิถีของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในโลกธุรกิจยุคนี้
4.เอ็มเคสุกี้ฯ ได้ใช้บริษัทลูก คือ บริษัท คาตาพัลท์ จำกัด ซึ่งเอ็มเคถือหุ้น 99.99% ทุ่มเงิน 2,060 ล้านบาท ในการเข้าถือหุ้น 65% ในร้านอาหารแหลมเจริญซีฟู้ด ของบริษัท แหลมเจริญ ซีฟู้ด จำกัด
คาดว่าการเข้าลงทุนจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2562
จึงเรียกว่า สุกี้เอ็มเค กินอาหารทะเลแหลมเจริญ
5.น่าสนใจว่า เงินที่นำมาซื้อกิจการครั้งนี้ ส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินหมุนเวียนของเอ็มเคฯ เอง
ในขณะที่มีข่าวร้านอาหารกิจการไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี ปิดกิจการ แต่รายได้และกำไรของเอ็มเคฯ โดยรวม เติบโตต่อเนื่องทุกปี ถึงขนาดล่าสุด เจียดเงินบางส่วนมาซื้อกิจการร้านอาหารทะเลชื่อดังได้อีกต่างหาก
แน่นอนว่า เหตุผลหนึ่ง น่าจะเป็นการยุทธศาสตร์สร้างความเข้มแข็ง กระจายความเสี่ยง ไม่พึ่งแต่ “สุกี้” อย่างเดียวตลอดไป (77% ของรายได้มาจากสุกี้) เพราะการเปลี่ยนแปลงของรสนิยมผู้บริโภคเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้
แต่กิจการ “อาหารทะเล” ที่สอยเข้ามาอยู่ในเครือข่ายเพิ่มเติมนั้น (ร้านอาหารอื่นๆ ก็มีอยู่แล้ว) ก็เป็นประเภทอาหารที่เชื่อได้ว่า ไม่ว่าจะยุคไหนๆ คนก็คงจะกินอาหารทะเล และจะเห็นว่า สมัยก่อน รสนิยมคนกินอาหารทะเลก็จะต้องกินร้านตามชายทะเล ร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ แต่เชื่อว่า รสนิยมของผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนไป หันมากินในร้านตามห้างที่มีมาตรฐานรสชาติที่ตนเองชื่นชอบ และมีความมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น
ร้านแหลมเจริญเดิม ก็เติบโตมาจากร้านแหลมเจริญ จังหวัดระยอง ก่อนที่ปัจจุบัน จะมีมากมายหลายสาขาในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ
ที่สำคัญ วิถีคนเมืองยุคใหม่ ก็เริ่มมีการสั่งซื้ออาหารไปรับประทานที่บ้าน หรือที่ห้องพัก มากขึ้นเรื่อยๆ
กรณีดีลธุรกิจครั้งนี้ น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่กระตุ้นความตื่นตัวในการรับมือกับโลกธุรกิจสมัยใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจทางธุรกิจอาหารในบ้านเราได้อย่างดี
ในทางธุรกิจร้านอาหาร การซื้อ แหลมเจริญซีฟู้ด เข้ามาอยู่ในมือยังไม่มีใครทราบแน่ว่าจะประสบความสำเร็จในการทำร้านอาหารหรือไม่แต่ที่แน่ๆ ทันทีที่มีข่าวซื้อกิจการนี้ ราคาหุ้นเอ็มเคฯ ขยับขึ้นพรวดพราดล่าสุด มูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นนั้น สูงกว่ามูลค่าของดีลนี้เสียอีก!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี