สัปดาห์ที่แล้ว ผมได้รับเกียรติจากดร.โชคชัย สุทธาเวศ ครบรอบ60 ปี
ไปร่วมอภิปรายแสดงมุทิตาจิตกันที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาคม
จำได้เมื่อเหตุการณ์ 14 ตุลา ก่อน 2 อาทิตย์นั้น ผมได้ไปร่วมด้วย แต่ผมได้ทุนเดินทางไปเรียนปริญญาเอกเสียก่อน จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์สำคัญอย่างยิ่งของไทย ผมภูมิใจที่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะอาจารย์ธรรมศาสตร์ เพื่อความเป็นธรรมเหตุการณ์ผ่านไปกว่า 45 ปี คนรุ่นหลังๆ ลืมบทบาทของธรรมศาสตร์ ไปมาก
นอกจากนั้น ธรรมศาสตร์ยังมีบทบาทในการลดความเหลื่อมล้ำของภาคแรงงาน ทำให้มีกฎหมายประกันสังคม ซึ่งศ.นิคม จันทรวิทุร ทำหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนและขอให้ผมในฐานะผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มีส่วนร่วมด้วย
บทบาทของผม 2 ด้าน คือ
1. กฎหมายประกันสังคม ออกไม่ได้ในอดีต เพราะนายจ้างยุคนั้นเอาเปรียบลูกจ้าง ต้องการจ้างงานราคาถูกและไม่ให้ลูกจ้างมีสิทธิเสรีภาพ โดยเฉพาะ
เรื่องการรักษาพยาบาล
2. ระบบประกันสังคมไม่ใช่ 30 บาทรักษาทุกโรค ใครเข้าระบบต้องจ่าย นายจ้าง 1/3 ลูกจ้าง 1/3 รัฐบาล 1/3
ผมได้ช่วยอาจารย์นิคมหาทางออกที่เหมาะสม ต้องการช่วยแรงงานที่เสียเปรียบไม่มีหลักประกัน ส่วนผมพยายามให้นายจ้างเข้าใจว่า กฎหมายประกันสังคมช่วยประเทศทุกๆ ฝ่ายให้ Win-Win แต่ทำอย่างไร นายจ้างจะเข้าใจ
ผมจึงต้องใช้แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์เสนอไปว่า ถ้าลูกจ้างมีหลักประกันที่ดี มีความมั่นคงในชีวิต เขาจะมีความสุขในการทำงานมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ที่นายจ้างจ่ายไปช่วยให้คุณภาพชีวิตเขาดีขึ้นหรือเศรษฐศาสตร์เรียกว่า Productivity สูงขึ้น เขาทำงานมีคุณภาพมากขึ้น ผลตอบแทนต่อธุรกิจดีขึ้น เพราะมีความมั่นคงในชีวิตและครอบครัว
ที่น่าสนใจคือ มีการประชุมที่ธรรมศาสตร์โดยให้ทุกฝ่ายมาคุยกัน ผมจำได้ว่า การประชุมมีตำรวจสนใจมาที่ธรรมศาสตร์มากที่สุด ผมอยู่บนเวทีด้วย ได้พูดให้เห็นว่า นายจ้างเป็นผู้ได้ไม่ใช่เสียอย่างเดียว ซึ่งได้เห็นว่า ลูกจ้างกว่า 15 ล้านคน มีความมั่นคง ใช้เงินจริงๆ ไม่มากนายจ้างอนุมัติกฎหมายออกมาทำให้ลูกจ้างมีหลักประกันว่า มีคุณภาพชีวิตที่ดี งานที่ทำก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
อาจารย์โชคชัยในยุคนั้นน่าจะอายุ20 กว่า ได้มาช่วยอาจารย์นิคมด้วย ผมได้เห็นความมุ่งมั่นและความกตัญญูต่ออาจารย์นิคมและผมต้องขอขอบคุณอาจารย์นิคมที่ให้เกียรติสนับสนุนให้ผมทำงานมีบทบาทในการก่อตั้งและบริหารสถาบันทรัพยากรมนุษย์ในธรรมศาสตร์อยู่นาน
ช่วงที่ผมเข้าทำงานอยู่มี
-ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์
-ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์
-ศ.คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี
ซึ่งเป็นบุคคลที่เข้าใจหลักของประเทศคิดใหญ่และทำใหญ่
แต่บัดนี้ เวลาผ่านไปกว่า 45 ปี ธรรมศาสตร์กลายเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่งปานกลางทุกๆ เรื่อง แต่ไม่เด่นสักเรื่องแต่ช่วงนี้ ธรรมศาสตร์ช่วยสังคมเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ หลายอย่าง ทำให้ผมก็ภูมิใจที่ได้รับใช้ประเทศ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การอภิปรายวาระ 60 ปีมีผู้ใหญ่มากมาย ในที่สุดมีข้อสรุปว่า เราควรจะสร้าง Civil Society (ประชาสังคม) ให้มาทำงานหารือกัน พรรคราชการควรจะลดบทบาทลง ควรเน้นประชาชนมากกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ผมหวังว่า อาจารย์โชคชัยคงนำไปคิดต่อ มีอาจารย์หลายๆ คนมีแนวคิดที่ดี แต่ผมเน้นให้จะสร้าง Civil Society อยากให้เกิด Action คือ รวมตัวกันสร้างพลังต่อรอง
เมื่อจบงานของอาจารย์โชคชัย ผมบินไปสกลนคร เป็นจังหวัดเมืองรอง แต่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมหลายด้าน
เช่น ปราสาทพระธาตุภูเพ็ก วัดพระธาตุเชิงชุม วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ และยังมีหนองหารซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่มากๆ
จังหวัดนี้ ผมขอแนะนำให้ผู้อ่านวางแผนเดินทางได้ง่าย เพราะมีสนามบินที่มีเที่ยวบินมาก มีเกจิอาจารย์เก่งๆ อยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก เช่น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสร้างพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์และพระองค์เคยเสด็จฯมาประทับบ่อยครั้ง
สกลนครเต็มไปด้วยป่าที่สมบูรณ์ มีวัฒนธรรมหลากหลายมากๆ ขณะนี้มีคณะกรรมการชุดหนึ่ง มีคุณกรพชร สุขเสริม เป็นประธานจะบูรณะปราสาทพระธาตุภูเพ็กให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
ปราสาทขอมโบราณแห่งนี้เชื่อกันว่า ใครไม่มีบุญ ไม่ได้ขึ้น เพราะอยู่ไกลและสูงชัน ผมโชคดีมากที่ได้ขึ้น ตื่นตี 3 ขึ้นตี 5 ตื่นมาแล้วสดชื่นอยากขึ้น
ผมอายุ 74 ถ้าไม่มีพลังพิเศษ คงไปไม่ถึง
กลับลงมามีการประชุมหน่วยงานรัฐ ประชาชนและพระอาจารย์ของวัดพระธาตุภูเพ็ก ประชุมให้ทุกๆ คนมีส่วนร่วมสร้างปราสาทพระธาตุภูเพ็กให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่อไป
ถึงจะไม่มีงบประมาณ แต่ผมบอกชาวบ้านว่า จะทำหลักสูตรผู้นำชุมชนและตัวแทนชาวบ้านละแวกนั้น มีความคิดเห็นร่วมกันและขอความร่วมมือเทศบาลฯโดยชาวบ้านจะร่วม 50 คน
วันรุ่งขึ้นผมมาบรรยายที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร มีนักศึกษามาฟัง 300 คน แรก ผมนึกว่า เขาถูกเกณฑ์มา ปรากฏว่าเขามาแบบอยากรู้ เป็นเด็กที่มีคุณภาพมาก เมื่อผมพูดเสร็จ ได้เชิญคุณพิชญ์ภูรี จันทรกมล และคุณกรพชรร่วมบรรยาย แบ่งกลุ่มทำ Workshop ให้นำเสนอ ซึ่งได้รับข้อเสนอสิ่งดีๆมากมาย การสร้างแรงบันดาลใจเช่นนี้ ต้องมีคนข้างนอกมาช่วยสร้างพลังที่ซ่อนไว้ข้างในมากมายที่ดีมาก
ผมบอกนักศึกษาว่า จะกลับมาอีก เสนอโครงการพัฒนาผู้บริหารที่นี่ ถึงจะไม่มีงบประมาณ จะเชิญผู้นำนักศึกษา 10 คนมาร่วมหลักสูตรพัฒนาผู้นำท้องถิ่นโดยจะจัดขึ้นเดือนพฤศจิกายน
ผมจึงอยากให้ผู้อ่านที่ชอบธรรมชาติ ไหนๆ ก็ได้ 1,000 บาทแล้ว ลองหาโอกาสไป “สกลนคร” รับประกันไม่ผิดหวังครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี