ในการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ครั้งที่ 5 ณ โรงแรมโซฟิเทล ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีเรื่องสำคัญที่ 10 ประเทศอาเซียนพิจารณาร่วมกันและกลายเป็นประเด็นข่าวฮือฮา คือ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2034
ที่ประชุมมีมติเสนอ 5 ประเทศร่วมกันจัดทำข้อมูลทางเทคนิคประกอบการเสนอตัว ประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยมอบหมายให้ประเทศไทยเป็นหลัก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้ตอบรับมติที่ประชุมว่าประเทศไทยมีความยินดีและเห็นชอบตามมติที่ประชุม อย่างไรก็ดี ต้องนำผลการประชุมครั้งนี้ไปนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีของไทยทราบและให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อเตรียมการเสนอตัวการเป็นเจ้าภาพของ 5 ประเทศ โดยกำหนดให้มีการประชุมครั้งแรกที่ประเทศมาเลเซีย
1. ก่อนจะดำเนินการต่อไปประการใด อยากให้ผู้เกี่ยวข้องได้เปิดใจ อ่านข้อเขียนของคนรักฟุตบอลท่านหนึ่ง ได้แก่ แอดมินแฟนเพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง ได้วิเคราะห์ถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา แบบไม่มีคำหวาน ไม่มีคำป้อยอ
ใจความบางตอน เช่น
“...ในใจแอดมิน คิดว่าจะยื่นไปทำไม ในเมื่อรู้ว่าไม่ได้อยู่แล้ว
แต่จะบอกว่าโอกาส 0% ก็จะโหดร้ายไป เพราะปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ทุกอย่างในโลกอะนะ งั้นทิ้งโอกาสความเป็นไปได้ไว้สัก 0.1% ก็แล้วกัน ส่วนตัวบอกได้เลยว่า เสียเวลาโดยใช่เหตุ ที่คิดจะไป Bid คือแค่ไปร่วมประชุมสัมมนา ออกแบบโลโก้ ฯลฯ นี่ก็ผลาญงบประมาณประเทศไปฟรีๆแล้ว เพราะถ้าศึกษาข้อมูลแต่แรกก็รู้อยู่แล้วว่า มันแทบไม่มีทางเลยที่อาเซียนจะได้รับเลือก
ทำไมผมคิดแบบนั้น นี่คือเหตุผลครับ
(1) สนามมีไหม? ในฟุตบอลโลก 2026 จะมีชาติที่เข้ารอบสุดท้ายทั้งหมด 48 ทีม มีสนามที่ต้องใช้ทั้งทัวร์นาเมนต์ 16 สนาม อันนี้เราไม่รู้ว่าในบอลโลก 2034 จะเพิ่มจำนวนชาติเข้ารอบเป็นมากกว่า 48 ทีมหรือเปล่านะครับ ถ้ามากกว่า 48 จำนวนสนามก็ต้องเพิ่มขึ้นอีก แต่ตอนนี้ตีกลมๆ ว่าใช้ 16 สนามก่อน
16 สนาม เท่ากับว่า 5 ประเทศ ต้องมีสนามคุณภาพ ระดับเกรดเอ เฉลี่ยประเทศละ 3 สนาม
- ในรอบแบ่งกลุ่ม ต้องมีความจุ 40,000 ที่นั่ง All-seated
- ตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายขึ้นไป ต้องมีความจุ 60,000
- รอบชิงชนะเลิศ ต้องมีความจุ 80,000
ตีซะว่า ไทยคงไม่ได้จัดนัดชิงหรอก งั้นเรา สร้างสนาม 40,000 สัก 2 แห่ง60,000 สัก 1 แห่งละกัน
ตอนนี้ทั้งประเทศมีสนามความจุมากกว่า 4 หมื่นคนกี่สนาม?
เฉลย 1 สนาม คือ ราชมังคลากีฬาสถานนั่นเอง (ความจุ 50,000) แต่แน่นอน ด้วยสภาพราชมังฯ คงต้องรีโนเวทกันยกใหญ่เลย จากนั้น ก็สร้างสนามขึ้นมาให้ได้ในระดับเพอร์เฟกท์อีก 2 สนาม
ลองเทียบกับสนามใหม่ของอินโดนีเซีย ที่จะสร้างเสร็จในปี 2021 ก็ได้ครับ ใช้งบไปที่ 1 หมื่นล้านบาท ตีซะว่า ไม่มีเงินเฟ้อเลยนะ เราก็ต้องมีเงินสร้างสนามใหม่
ประมาณ 2 หมื่นล้าน รวมค่ารีโนเวทราชมังฯอีก
แล้วสนามแข่งขัน เราทำแบบที่ราชมังฯ ไม่พอหรอกนะครับ แต่ต้องมีมาตรฐานสูงสุดทุกๆอย่างสำหรับการแข่งระดับโลก เอาจริงๆผมว่า 2 หมื่นล้านน้อยไปเยอะเลย นี่ยังไม่นับค่าที่ดินอีกนะ ว่าจะไปสร้างตรงไหน จะเวนคืนยังไง มีข้อกำหนดมากมาย
จริงๆ ฟีฟ่าจะชอบมากกว่า ถ้าประเทศนั้นมีสนามอยู่แล้ว คือเอาไว้ใช้งานในยามปกติเพียงแค่มาปรับแต่งนิดหน่อย ให้สมบูรณ์ขึ้น แต่การจะสร้างขึ้นมาใหม่แต่แรกเลย ฟีฟ่าจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะมันส่อแววให้ประเทศนั้นสูญสิ้นงบประมาณไปฟรีๆ มากกว่า
เหมือนอย่างบราซิลในฟุตบอลโลก 2014 อุตส่าห์สร้างสนามใหม่ๆ สวยๆเยอะแยะ แต่พอจบทัวร์นาเมนต์ก็ไม่ได้ใช้ต่อ สภาเมืองต้องเสียค่าบำรุงฟรีๆ สนามละ1 ล้านบาทต่อปี
อย่างสนามในเมืองบราซิเลีย ที่ใช้แข่งบอลโลก พอจบทัวร์นาเมนต์ไม่มีงบบำรุงถึงกับต้องปรับเอาไปเป็นลานจอดรถเมล์มาแล้ว จำได้ไหม ดังนั้น ถ้าไทยจะสร้างสนามใหม่ ก็ต้องเอาให้มั่นใจด้วยว่า สร้างไปแล้วใช้ได้ต่อจริงๆ ไม่ใช่ว่าสร้างเพื่อใช้แค่ในทัวร์นาเมนต์ช่วงสั้นๆเท่านั้น
(2) ระบบการขนส่ง พร้อมหรือไม่? เงื่อนไขของฟีฟ่าคือ ทุกสนามแข่งขัน ต้องมีสนามบินอยู่ในระยะใกล้เคียง และจุดสำคัญคือ สนามบินจะต้องรองรับผู้โดยสารได้
ขั้นต่ำ 1,450 คน ต่อชั่วโมง
ตัวเลขผู้โดยสารขาเข้า ของสนามบินไทย ในปี 2018 สุวรรณภูมิ - 3,535 คนต่อชั่วโมง, ดอนเมือง - 2,315 คน ต่อชั่วโมง, หาดใหญ่ - 1,041 คน ต่อชั่วโมง, เชียงใหม่ - 622 คน ต่อชั่วโมง นั่นแปลว่า สมมุติสนามใหม่ที่จะสร้าง ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ต้องพัฒนาศักยภาพของสนามบินอีก ให้รองรับคนได้มากขึ้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของกีฬาแล้ว แต่มันคือต้องใช้งบประมาณพัฒนาส่วนอื่นไปด้วย แต่ถ้าตั้งใจว่าสนามใหม่ทั้งหมด จะสร้างขึ้นในกรุงเทพฯก็โอเค ประเด็นนี้ก็ตกไป
(3) โรงแรมมีไหม ฟีฟ่า กำหนดให้เมืองเจ้าภาพ ต้องมีโรงแรม 1,760- 8,080 ห้อง ระหว่างการแข่งขัน...
(4)ไม่ได้พึ่งพาแค่ตัวเราคนเดียว - การ Bid ขอเป็นเจ้าภาพ ถ้าหากมีแค่ประเทศเดียว ความง่ายอยู่ตรงที่ เราสามารถควบคุมปัจจัยทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แต่การ Bid พร้อมกัน 5 ประเทศ มันแปลว่า ต่อให้เราทำดีแค่ไหน สมมุตินะ ว่ารัฐบาลยอมทุ่มเงิน 1 แสนล้าน สร้างสนามใหม่ จัดการเรื่องที่พัก เรื่องการเดินทาง ให้นักท่องเที่ยวแบบเพอร์เฟกท์หมด
แต่ชาติอื่นๆ ดั๊นไม่สามารถไปถึงมาตรฐานแบบของเราได้ อย่างเวียดนาม ที่มีข่าวว่าจะ Bid ร่วมกัน เขาก็ต้องสร้างสนามใหม่ทั้งหมดเช่นกัน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานอีก
ถ้าหากทางฟีฟ่ามาตรวจดูงาน แล้วของไทยผ่าน แต่ของเวียดนาม หรืออินโดฯไม่ผ่าน แบบนี้ก็เจ๊งเลยนะครับ จบเกมเหมือนกัน กลายเป็นว่างบที่เราจะใช้ สูญเปล่าไปเลย
เราจะสังเกตได้ว่า ชาติที่เขารวมกันเนี่ย ส่วนใหญ่จะมั่นใจว่าเพื่อนร่วม Bid เขาพร้อมอยู่แล้ว ไม่ต้องมีใครอุ้มใคร บอลโลก 2026 อเมริกา, แคนาดา, เม็กซิโก สามประเทศนี้มีความพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว อเมริกาเป็นเจ้าภาพบอลโลกมาแล้ว 1 ครั้ง เม็กซิโก 2 ครั้ง ส่วนแคนาดาเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกหญิง 1 ครั้ง หรือบอลโลก 2002 เกาหลีใต้ กับ ญี่ปุ่น เราก็เห็นกันอยู่ว่าพวกเขาพร้อมอยู่แล้ว สนามแต่ละแห่งมีมาตรฐานระดับเกรดเอทั้งนั้น
แต่ในกรณีของไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ มันเป็นการนับ1 2 3 กันใหม่แต่แรก คำถามคือมันจะไหวหรอ...
(7) เวลากระชั้นเกินไปหรือไม่? ในฟุตบอลโลก ส่วนใหญ่จะมีการประกาศให้เป็นเจ้าภาพ 8 ปีล่วงหน้า ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม อย่างในบอลโลก 2026 ก็ประกาศกันตั้งแต่ปี 2018 เพื่อชาติที่ได้รับเลือกจะได้ไปเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย นั่นแปลว่าถ้าเป้าหมายที่ไทยวางไว้คือ 2034 ลบไป 8 ก็จะเป็น 2026 ปัจจุบันคือปี 2019 ชาติทั้งอาเซียนเหลือเวลา 7 ปี ในการสร้างสนาม…
...ดูจากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด รู้สึกเลยใช่ไหมครับว่า การยื่นเป็นเจ้าภาพของอาเซียน มีโอกาสล้มเหลวสูงมาก โอกาส 0.1% ที่ผมให้ไปตอนแรกยังดูว่าเยอะไปด้วยซ้ำ แล้วทีนี้สมมุติว่า อยากให้ไทยเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกจริงๆ ต้องทำอย่างไร ผมว่าเราต้องปรับวิธีคิดกันก่อน คือเอาตัวเองให้พร้อมก่อน แล้วค่อยไป Bid ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะ Bid เลยพยายามทำตัวเองให้พร้อม มันคนละความหมายกันนะ
เราควรมีสนามกีฬาระดับเกรดเอ ที่สามารถใช้งานได้อย่างสม่ำเสมอก่อนในประเทศไทย เริ่มจากสัก 1 สนามก็ได้ อันนั้นขั้นแรกเลย
จากนั้น ถ้าเรามีสนามพร้อมแล้ว ก็ไปดูว่าควรจะ Bid ร่วมกับชาติไหนในอาเซียน จะเอา 5 ประเทศแบบนี้จริงๆ หรือ บางทีถ้าลดลงเหลือแค่ 2 ชาติ ไทย-มาเลย์ จะดีกว่าไหม เพราะมีพรมแดนติดกันด้วย ยังจะดูมีความเป็นไปได้มากกว่ากระจัดกระจายแบบนี้...”
2. ความเห็นข้างต้น เหมือนกระชากผ้าห่ม เอาน้ำสาด แล้วเอามือเขย่าตัว พร้อมตะโกนเสียงดังๆ ว่า ตื่น ตื่น ตื่น
อย่างไรก็ตาม น่าสนใจว่า นี่เป็นมติที่ประชุมรัฐมนตรีกีฬาของชาติอาเซียน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมีความเห็นพ้องร่วมกันตามสมาคมฟุตบอลของบรรดาชาติสมาชิกที่เสนอให้กลุ่มประเทศอาเซียนร่วมกันเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2034 หรือในอีก 15 ปีข้างหน้า
และเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวถึงผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ช่วงหนึ่งว่า ผู้นำทั้งหลายได้สนับสนุนให้อาเซียนร่วมมือกันเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันบอลโลก หรือฟีฟ่าเวิลด์คัพในปี 2034 ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนอาเซียนทุกคน สนับสนุนสมาคมฟุตบอลในแต่ละประเทศสมาชิกเพื่อบรรลุฝันนี้ด้วยกัน
หากจริงจังที่จะทำให้สำเร็จ ชาติสมาชิกควรจะต้องคุยกันอย่างละเอียด ตอบโจทย์ข้างต้นให้ได้ และเป็นเรื่องที่ระดับผู้นำชาติอาเซียนจะต้องมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน ไม่ใช่แค่ระดับรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี