วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568
น่าเสียดาย...
หลายเรื่องควรต้องพิจารณากันด้วยเหตุและผล รอบคอบรอบด้าน บนพื้นฐานของผลประโยชน์ระยะยาว ถูกทำให้เป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง กระทั่งไม่สามารถพูดคุยด้วยเหตุและผลอย่างครบถ้วน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการเกณฑ์ทหารซึ่งทุกฝ่ายเห็นว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยน (แม้แต่กองทัพที่ค่อยๆเปลี่ยนมาจากอดีตเยอะแล้ว) แต่เมื่อข้อเสนอถูกใช้เพื่อดิสเครดิต โจมตีกองทัพ พ่วงไปกับชี้หน้าว่าเป็นพวกสืบทอดอำนาจ ข้อเสนอบางส่วนมีลักษณะโจมตีกองทัพจนเกินเลย ทำให้ขาดโอกาสพูดด้วยบรรยากาศที่ดีกว่านี้
ล่าสุด เรื่องเกี่ยวกับกองทุนประกันสังคม ก็เช่นกัน
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 12 พฤศจิกายน ให้สำนักงานประกันสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พิจารณาความเป็นไปได้ กำหนดแนวทางและมาตรการในการบริหารจัดการเงินกองทุนประกันสังคม ให้เกิดประโยชน์ และตอบสนองแก่ความต้องการของผู้ประกันตนได้มากยิ่งขึ้นเช่น การกู้ยืมเพื่อการลงทุน หรือการกู้ยืม เพื่อรายจ่ายจำเป็นอื่นๆโดยให้ไปศึกษาหาแนวทาง ความเป็นไปได้ เพื่อความยั่งยืนของกองทุนฯ นั่นเอง
2. ปรากฏว่า เรื่องนี้ ถูกทำให้กลายเป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง
นำเสนอปลุกปั่น สร้างความเกลียดชัง ความไม่ไว้วางใจ และเกินเลยกระทั่งแปลงสารให้กลายเป็นการสั่ง การบีบ หรือการจะเอาเงินกองทุนไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองต่างๆ นานา ซึ่งเป็นความเท็จ
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เน้นย้ำว่าที่ผ่านมาได้กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม โดยมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปศึกษาแนวทางความเป็นไปได้หากติดขัดในเรื่องข้อกฎหมายก็ให้พิจารณาตามที่เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกันตนและประชาชน
โฆษกรัฐบาลยืนยันว่า ในวันดังกล่าว ครม.ได้รับทราบรายงานประจำปีของสำนักงานประกันสังคม โดย พล.อ.ประยุทธ์แจ้งว่าได้รับการร้องเรียนจำนวนมากจากผู้ประกันตน ว่าต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือในด้านต่างๆ จึงขอให้สำนักงานประกันสังคมหาแนวทางช่วยเหลือประชาชน เช่น จะปล่อยกู้ได้หรือไม่หากกฎหมายอำนวย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเจตนาแก้กฎหมายเพื่อให้ดำเนินการได้ ดังนั้น เมื่อกฎหมายไม่อำนวย เรื่องดังกล่าวถือว่าจบแล้ว
3. ต่อประเด็นนี้ ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เห็นด้วยที่จะมีการบริหารจัดการเงินของกองทุนประกันสังคมให้ดีขึ้น และแนวคิดให้ปล่อยกู้ก็มีความเป็นไปได้ แต่ไม่ได้ปล่อยกู้ทั้งหมด ต้องกำกับบางส่วนว่าจะต้องมีการลงทุนในสินทรัพย์บางประเภท เป็นการกระจายความเสี่ยง และไม่ต้องมุ่งเน้นกำไรมากเกินไป ซึ่งอาจมีดอกเบี้ยจากผลตอบแทนประมาณ 1-5%
“ปล่อยกู้เอง ผมคิดว่าน่าจะทำได้ แต่ขึ้นอยู่กับรูปแบบวิธีการว่าจะทำอย่างไร การบริหารจัดการ แต่ในทางวิชาการถามว่าควรหรือไม่ผมก็ตอบว่าผลตอบแทนในปัจจุบันของกองทุนยังน้อยไป จากเงินกองทุนทั้งหมด 2.1 ล้านล้านบาท ทำกำไรได้แค่กว่า 5 พันล้านบาทคิดเป็นเพียง 0.3% เทียบกับฝากประจำยังได้ดอกเบี้ย 1-3% ทั้งที่น่าจะทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ควรจะมีการทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การปล่อยกู้ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะต้องมีกลไกที่ดี”
ดร.นณริฏกล่าวอีกว่า วิธีปล่อยกู้ที่มีประสิทธิภาพ คือ
(1) ต้องพิจารณาแรงงานในระบบที่ทำงานยาวนาน มีการจ่ายประกันสังคมระยะหนึ่งต่อเนื่องมา ไม่ตกงาน ถ้าปล่อยกู้กับกลุ่มนี้ไม่น่าจะขาดทุน
(2) ภาครัฐอย่าทำเรื่องนี้เองเพราะอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ ให้หามืออาชีพมาทำ และกำหนดการประเมิน หรือ KPI ให้ชัดเจน เช่น ดึงผู้บริหารกองทุนขนาดใหญ่เข้ามา เช่น ภัทร ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย หรืออาจจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาก็ได้
“เคยได้ยินแนวคิดของการนำเงินประกันสังคมมาปล่อยกู้นานแล้วในหลายรูปแบบ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่ากองทุนประกันสังคมเป็นกองทุนถังรวม ผู้ที่เข้าประกันตนก็จ่ายเข้ามา ระยะแรกไม่มีปัญหาเพราะคนจ่ายมีมากแต่คนเบิกมีน้อย แต่อนาคตอาจจะมีปัญหาเพราะเข้าสู่สังคมสูงวัย จะมีคนเบิกมากขึ้นขณะที่คนจ่ายมีน้อยลง จึงต้องมีการปรับระบบหรือรูปแบบ ซึ่งมีงานวิจัยที่มีหลายข้อเสนอ โดยหนึ่งในเป้าหมายคือทำให้กองทุนมีผลตอบแทนมากขึ้น”ดร.นณริฏกล่าว
ข้อคิดความเห็นของนักวิชาการท่านนี้ ไม่ได้สนับสนุนแนวทางให้กู้แบบเต็มร้อย แต่ยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบที่เป็นอยู่เดิม
4. จะเห็นว่า เรื่องนี้ มีประเด็นปัญหาที่รอการแก้ไข เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว อันเป็นประโยชน์สำหรับตัวผู้ประกันตนเอง และการแก้ไขนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและวิธีการจัดการแบบที่เป็นมาจนถึงปัจจุบัน
แต่เมื่อถูกผลักให้กลายเป็นประเด็นโจมตีทางการเมืองไปเสียแล้ว โดยที่ผู้รู้ในทางวิชาการ บางฝ่ายที่ไม่ชอบรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เพราะเห็นว่าสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่ประชาธิปไตย ฯลฯ ก็เลือกที่จะวางเฉย หรือแม้แต่ผสมโรงด่า โจมตี ขยายความต่อไปอีกต่างหาก เพราะมุ่งหวังผลทางการเมืองในการโจมตีรัฐบาล มากกว่าจะใช้เป็นโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน หรือเสนอแนะแนวทางเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์
ประเทศชาติจะมีพัฒนาการไปในทางที่สร้างสรรค์ได้ ไม่ใช่เพราะเผด็จการหรือประชาธิปไตย (เรื่องดีๆ หลายเรื่องเกิดในยุครัฐบาลเผด็จการทหารเลยด้วยซ้ำ) ไม่ใช่เพราะรัฐบาลที่มีนายกฯเป็นคนแก่หรือคนหนุ่ม แต่เป็นเพราะการตัดสินใจและความร่วมมือร่วมใจกันผลักดันเรื่องดีๆ โดยไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ไม่กลัวคนอื่นได้ผลงาน ไม่โจมตีทางการเมืองกันจนละเลยผลประโยชน์สูงสุดของบ้านเมือง
นี่คือโจทย์ท้าทายประเทศไทยใน พ.ศ.นี้
สารส้ม

สลด! ลิงกังกัด ชายวัย 63 เสียชีวิตคาบ้าน พบมือยังถือเหล็กยาว มีบาดแผลบริเวณขาซ้าย
ดราม่าสนั่นเครื่องเล่น Skyflyers เสียงกรี๊ดดังโหยหวนยันดึก ชาวชุมชนรอบเอเชียทีคสุดจะทน
เปิดวินาทีไทยแสดงหลักฐาน ทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด กลางที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวา
วันนี้ในอดีต! รำลึก 27 ปี ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เปิดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 มิตรภาพไร้พรหมแดน
เตรียมออกหมายเรียก เวย์ ไทเทเนียม รับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงทรัพย์ สัปดาห์หน้า

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี