การพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบอินเตอร์เนตหรือแอพพลิเคชั่น ทำให้ธุรกิจการค้าต้องเปลี่ยนโฉมไปอย่างมาก กระทบรายเก่าและเกิดรายใหม่ เกิดกิจการแบบใหม่มากมาย
ข่าวแจ้งว่า สมาคมโรงแรมไทย ได้หารือกระทรวงมหาดไทย ขอให้ออกกฎคุมตลาดที่พักให้เช่าระยะสั้น
หรือโฮมแชริ่ง จี้จดแจ้งประกอบการเหมือนโรงแรม หลังแห่ขายบนแพลตฟอร์ม “แอร์บีแอนด์บี” ชิงลูกค้าโรงแรม เผชิญโอเวอร์ซัพพลาย ขณะแอร์บีแอนด์บี เผยปี’61 ดันสร้างรายได้ 3.38 หมื่นล้าน ลงท้องถิ่น
นายกสมาคมโรงแรมไทย ยืนยันว่า สมาคม “ไม่ได้ต้องการให้ห้ามการขายที่พักให้เช่าระยะสั้นในไทย แต่อยากให้มีภาครัฐออกกฎระเบียบมาบังคับใช้เพิ่มเติมอย่างชัดเจนเช่น ให้ผู้ประกอบการที่พักให้เช่าระยะสั้นมาลงทะเบียนจดแจ้งกับหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอใบอนุญาตประกอบการอย่างถูกต้อง ให้เหมือนกับกรณีการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม ส่วนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ อยากให้ผู้ประกอบการที่พักให้เช่าระยะสั้นแจ้งเลขที่ใบอนุญาตด้วยเช่นกัน”
ข้อเรียกร้องของสมาคมโรงแรมไทย สะท้อนปัญหาว่า ปัจจุบันโรงแรมของเรามีจำนวนห้องพักเกินจำนวนผู้เข้าพัก
ส่วนหนึ่งของปัญหา ก็คือ การมีเจ้าของคอนโดมิเนียมหรือบ้านพัก ได้ให้บริการเช่าเป็นรายวัน และกำลังทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครก็มีจำนวนมากกว่าสองหมื่นแห่งแล้ว
จุดแข็งของ “โฮมแชริ่ง”
ผมมีประสบการณ์ที่เคยใช้กิจการห้องพักประเภทนี้ในต่างประเทศอยู่หลายครั้ง
ทั้งในอเมริกา อังกฤษ อิตาลี นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น
ในฐานะของผู้บริโภคที่ใช้กิจการประเภทนี้ ต้องยอมรับว่าประหยัด เพราะมีราคาค่าใช้จ่ายถูกกว่าการเช่าห้องพักในโรงแรมมาก
เมื่อมีระบบอินเตอร์เนต อี-เมล และแอพพลิเคชั่นการจองก็เป็นของง่าย สามารถเลือกเปรียบเทียบทั้งคุณภาพและราคา แล้วยังสามารถดูสถานที่ ดูรูปห้องพัก ดูได้ว่าอยู่ใกล้ไกลมากน้อยแค่ไหน
สามารถดู Rating ที่ผู้มาพักคนก่อนๆให้คะแนน และดูความเห็นข้อวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่เคยมาพักได้อีกด้วย
การจ่ายเงินก็ไม่ยุ่งยากอะไร ให้เบอร์บัตรเครดิตเขาไป เขาก็ตัดเงินจากบัตรเครดิต
เมื่อเดินทางไปถึงที่พัก ก็ไม่จำเป็นต้องพบเจ้าของเขาแจ้งมาทางอี-เมลก่อนแล้วว่าให้ไปเปิดบ้านด้วยรหัสอะไร หรือถ้าเป็นกุญแจก็จะใส่ไว้ในกล่องที่อยู่ตรงไหน มีรหัสเปิดกล่องอย่างไร
เมื่อเข้าไปถึงห้อง เขาก็มีคำแนะนำติดไว้ ว่ามีอะไรอยู่ที่ไหน จะเปิด จะปิดเครื่องใช้อย่างไร ซึ่งส่วนมากก็เป็นไปตามมาตรฐานที่เดี๋ยวนี้ที่ไหนๆ ก็มีเครื่องใช้เหมือนๆกัน
เราจะอยู่สัก ๑-๒ คืน แล้วก็ล็อกประตูจากไป โดยเขาขอให้เราเขียนข้อแนะนำ วิพากษ์วิจารณ์ ขณะเดียวกันเมื่อเจ้าของเข้าตรวจบ้านทำความสะอาด เขาก็จะประเมินผู้มาพักพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ติชมในอินเตอร์เนตของเขา
เรียกว่าประเมินกันทั้งสองฝ่าย ถ้าเราทำบ้านเขาสกปรก เสียหาย เขาก็ให้ข้อมูลแก่คนอื่นๆ ที่จะไม่รับเราเป็นลูกค้า
เหมือนๆ กัน ถ้าที่พักไม่ดีเราก็ให้ข้อมูล คนอื่นๆก็ไม่มาพัก
กิจการให้เช่าที่พักแบบนี้ จึงเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น และเข้าแข่งขัน รบกวน ทำลายโรงแรมแบบดั้งเดิม โรงแรมขนาดใหญ่ในปัจจุบันจึงอยู่ในสถานะที่
๑. มีจำนวนห้องพักมากเกินจำนวนผู้เข้าพัก และในการก่อสร้างโรงแรมต้องลงทุนห้องหนึ่งๆ ประมาณ ๓ ล้านบาท
ก็ต้องสูญเสียไปจำนวนไม่น้อย
๒. โรงแรมจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทางหนีไฟ และมาตรฐานความปลอดภัยที่ทางการจะเข้าควบคุม
๓. ผู้มาพักจะต้องลงทะเบียน มีบัตรประชาชน และเป็นหน้าที่ต้องรายงานผู้เข้าพักแก่ทางการ
๔. ต้องจ่ายภาษีประเภทต่างๆ ให้แก่รัฐ
๕. จะต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำที่พูดภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศได้
นี่เป็นสิ่งแตกต่างที่คนนอกอย่างเราจะพอสังเกตได้ แต่ผู้บริโภคก็คงจะไม่สนใจมากนัก กับภาษีที่รัฐเรียกเก็บไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่สนใจว่าจะมีเจ้าหน้าที่โรงแรมอำนวยความสะดวกหรือไม่ ตราบที่มีเครื่องใช้สมบูรณ์พอสมควร ยิ่งไม่ต้องลงทะเบียนหรือต้องลงทะเบียนก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอะไร ส่วนโรงแรมจะมีจำนวนเหลือมากมาย ก็ไม่ใช่เรื่องของผู้บริโภค
ปัญหาธุรกิจโรงแรม จึงเป็นปัญหาที่เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามาป่วนผู้ประกอบการโรงแรมแบบเดิม
เหมือนกับธุรกิจ UBER หรือ GRAB ที่เข้ามาป่วนผู้ประกอบการ TAXI ที่เดิมที่เคยเล่นตัว และทำมาหากินอย่างคล่องตัว
เหมือนกับธุรกิจ TV ที่เดิมมีกำไรมหาศาล จึงได้แย่งกันประมูลทีวีดิจิทัลด้วยราคาแพง แต่ต่อมาเมื่อมี TV ผลิตผ่าน YOUTUBE FACEBOOK และอื่นๆ ที่ใครๆ ก็สามารถถ่ายทอดสด ดูย้อนหลังได้
ธุรกิจโรงแรมแบบเก่า จึงอยู่ในฐานะยากลำบาก เพราะนอกจากจะมีคู่แข่งรูปแบบใหม่แล้ว ยังมีระบบตลาดและการจองของลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มของผู้รับจองโรงแรม เช่น Agoda Traveloka.com Booking.com ฯลฯ ซึ่งเก็บค่าคอมมิชชั่นสูงมากถึง ๓๐%
การที่สมาคมโรงแรมไทย เรียกร้องให้รัฐออกระเบียบบังคับให้ผู้ประกอบการที่พักที่ให้เช่าระยะสั้นมาลงทะเบียนจดแจ้งกับรัฐและขอใบอนุญาตประกอบการให้เหมือนกับการต้องขอใบอนุญาตประกอบการโรงแรม และการโฆษณาก็จะต้องแจ้งใบอนุญาตด้วยเช่นกัน จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาว่าจะดีกับเจ้าของโรงแรมแบบเดิม จะดีกับผู้บริโภค หรือจะดีกับเจ้าของที่พักที่ให้เช่าระยะสั้นอย่างไร และรัฐจะเก็บภาษีได้มากขึ้นหรือไม่
ทางออกหนึ่งของโรงแรม
สมาคมโรงแรมไทย น่าจะได้ให้ข้อมูลเป็นการกระตุ้นให้สมาชิกที่เป็นโรงแรมทั้งหลาย ได้ตระหนักถึงโอกาสที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ที่ในอีก ๑๐ ปีเศษ จะมีผู้สูงอายุในสัดส่วนถึง ๓๐% ของคนไทยทั้งหมด และประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็จะมีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น
ผู้สูงอายุ คือ ผู้ที่ประสบความสำเร็จ มีกำลังซื้อผู้สูงอายุเป็นผู้เชี่ยวชาญชีวิต ที่ต้องออกนอกบ้าน ท่องเที่ยวเรียนรู้ ท้องถิ่นต่างๆ จึงเป็นโอกาสดีโรงแรมของไทยจะได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวก สภาพแวดล้อมให้เหมาะสมเป็นการปรับปรุงสภาพห้อง ห้องน้ำ ทางเดินและการเดินทางให้เหมาะสมให้เป็นสถานที่ “อยู่ดี” หรือ “UNIVERSAL DESIGN = UD”
ประเทศไทย จะได้เป็นเมืองน่าอยู่ แหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับคนทุกวัย
Home Stay / Farm Stay
ในความเป็นจริง ยังมีธุรกิจที่พักอีกอย่างที่นักเดินทางบางคนชอบ คือ การได้ไปพักที่บ้านของคนในพื้นที่ได้คุยกับคนในพื้นที่ ได้รับประทานอาหารของคนในพื้นที่ ที่ทำเองในครัวเรือน ได้เห็นวัฒนธรรม ก็คือ ได้เห็นวิถีชีวิตของคนในพื้นที่
ผมยอมรับว่า เมื่อท่องเที่ยวไปต่างแดน การได้สัมผัสพูดคุยกับเจ้าของประเทศ ทำให้เราได้ความรู้ ความรู้สึกนึกคิดแตกต่างจากการเดินทางไปในกลุ่มคนไทยด้วยกัน คุยกันเองได้แต่ดู ดม ชิม และถ่ายรูปกลับมาให้เพื่อนดู
ประสบการณ์เคยไปพัก FARM STAY ที่นิวซีแลนด์ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของฟาร์มที่เป็นเกษตรกรเลี้ยงแกะและวัวจำนวนหลายพันตัว ได้ตามไปดูว่าเราสังเกตแกะหรือวัวที่ป่วยอย่างไร จึงเอารถไปรับจากทุ่งหญ้ามาเข้าโรงเรือนรักษา เขาตัดขนแกะเมื่อไร อย่างไร เขาขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างไร รัฐมีนโยบายอย่างไร เขาได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งวิธีไหน ประชาชนมีส่วนร่วมกิจการต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำให้เราเข้าใจความคิดความรู้สึกต่อกันซึ่งเป็นคนต่างชาติ ต่างวัฒนธรรมได้ดียิ่งขึ้นเมื่อถึงเวลาต้องจากกัน เกษตรกรนิวซีแลนด์ผู้นี้เขายังบอกกับพวกเราว่า เขาเสียดายที่เราต้องจากเขาไปเร็วกว่าที่คิดเพราะเขาคิดว่าเขาเก็บค่าเช่าบ้านในฟาร์มถูกมากๆ ทั้งนี้ก็เพราะเขาหวังจะได้แขกที่มาเยือนได้นำความรู้ ความคิด
มาแลกเปลี่ยน
เขาบอกด้วยความจริงใจว่า เขาอยู่ในฟาร์ม กลางทุ่งก็อาศัยอาคันตุกะที่แวะเวียนมาพักอาศัย มาเยือนฟาร์มเขา นำเอาข่าวสารการเปลี่ยนแปลงในสังคมโลกมาให้เขาได้เรียนรู้
เมื่อจำต้องจาก FARM STAY พวกเรายังจดจำไม่ลืมเลือนถึงอัธยาศัยและความคิดความรู้ที่ได้จากการไปพักในครั้งนั้น
วันหลังจะเล่าให้ฟังว่า ที่เคยไปพักบ้านคนญี่ปุ่นและคนอังกฤษ ในต่างวาระ ต่างสถานที่กัน ได้เรียนรู้ได้ความรู้สึกดีอย่างไร
โจทย์ท้าทาย
สุดท้ายก็อดคิดไม่ได้ว่า เราจะพัฒนา HOME STAY ของเราอย่างไร ให้ได้มาตรฐานดีขึ้น จะได้รับคนต่างชาติที่มีหลายระดับมากขึ้น
ทำอย่างไรจะทำให้คนไทยพูดภาษาอังกฤษและภาษาต่างชาติมากขึ้น จะได้ใช้การท่องเที่ยวเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจและการเมืองต่อกัน
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี