แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn อย่าเข้าใจว่าโกรธที่หนึ่ง แล้วก็แล้วไปนะ ถ้าอย่างนั้นจะโง่มากนะ โกรธทุกทีจะเพิ่มอนุสัยแห่งความโกรธ คือความเคยชินแห่งความโกรธนี้ให้เข้มข้นทุกที เพราะฉะนั้น เราจะโกรธง่ายขึ้นทุกที… (พระธรรมโกศาจารย์พุทธทาสภิกขุ)...
nn หลังจากตกเป็นข่าวครั้งแล้วครั้งเล่าเรื่องเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันในรัฐสภา ล่าสุด พรรคพลังประชารัฐออกคำสั่งห้าม สส. ของพรรค เสียบบัตรแทนกัน ส่วนเรื่องที่มี สส. ของพรรคพลังประชารัฐตกเป็นข่าวเสียบบัตรแทนกันในการลงมติงบประมาณรายจ่ายแผ่นดิน พ.ศ. 2563 นั้น สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค บอกว่าก็ต้องตรวจสอบกันไปตามที่ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาแล้ว และต้องรอดูว่าผลจะออกมาเช่นไร...
nn เรื่อง สส. เสียบบัตรแทนกันในสภานั้น วิญญูชนตั้งคำถามว่าเรื่องแบบนี้สมควรแล้วหรือที่ สส. ซึ่งชอบเรียกตัวเองอย่างเกินเลยความจริงว่า “ผู้ทรงเกียรติ” พึงจะกระทำ พร้อมกับมีคำถามอีกว่า สส. ที่เสียบบัตรแทนกันนั้น เคยเคารพในศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของตนเองบ้างหรือไม่ หรือว่า สส. ไทยจำนวนไม่น้อยไม่เคยมีศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิ...
nn คนที่ติดตามเรื่องราวของบ้านของเมืองไทยต่างก็รู้อยู่เต็มอกว่า รัฐบาลผู้บริหารประเทศจำเป็นต้องมีเงินงบประมาณเพื่อดำเนินกิจการของบ้านเมืองให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แต่เมื่อเกิดเหตุ สส. กลุ่มหนึ่งเสียบบัตรแทนกันในวันลงมติเรื่องงบประมาณฯ ก็ทำให้สาธารณชนเกิดความหวาดวิตกว่า รัฐบาลจะมีเงินสำหรับบริหารราชการแผ่นดินได้ตามเงื่อนเวลาที่ตั้งไว้หรือไม่ ถึงแม้คนในรัฐบาลบางคนจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่น่าวิตก เพราะมีทางออกไว้แล้ว แต่ไม่ว่ารัฐบาลจะอ้างอย่างไรก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องยอมรับว่า การเบิกจ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินสำหรับปีงบประมาณ 2563 จะต้องล่าช้าออกไปอย่างแน่นอน ส่วนจะล่าช้าเพียง 1 เดือน หรือจำเป็นต้องพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายฯ กันใหม่ทั้งฉบับนั้น ทุกคนกำลังรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องนี้ประการใด...
nn หากฟังจากเสียงพูดในเรื่องเสียบบัตรแทนกันจากปากของ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีผู้ดูแลด้านกฎหมายก็น่าจะตีความได้ว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่สำหรับประชาชนทั่วไปแล้ว ต่างตั้งคำถามเดิมๆ ว่า การที่ สส. เสียบบัตรลงคะแนนแทนกันในสภา เป็นความผิดหรือไม่ แล้วก็บอกตรงกันว่า หากเรื่องนี้ผิด ก็ต้องผิดโดยเสมอหน้ากันจะต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติ ส่วนประเด็นงบประมาณฯ จะล่าช้านั้น เป็นคนละส่วนกับความผิดฐานเสียบบัตรแทนกัน...
nn ปัญหาเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ที่ทำให้เป็นโรคปอดอักเสบชนิดรุนแรง กำลังทำให้คนไทยที่รู้ไม่จริงเกิดความวิตกจริตอย่างหนัก แต่ไม่เพียงแค่สร้างความวิตกจริตเท่านั้น คนกลุ่มดังกล่าวยังพยายามให้ข่าวผ่าน social media ตลอดเวลาจนทำให้คนที่รู้ไม่จริงเกิดความปั่นป่วนราวกับคนเสียสติเช่น อ้างว่ามีผู้ติดเชื้อนี้ในประเทศไทยหลายร้อยคน หรืออ้างแบบยกเมฆว่ามีคนเสียชีวิตด้วยโรคนี้ในเมืองไทย แต่ก็ต้องขอปรบมือให้“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่พยายามรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อโรคนี้อย่างจริงจัง ด้วยการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุขของไทยเข้มงวดตรวจสอบผู้ที่น่าจะเข้าข่ายเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตัวนี้ โดยเน้นให้ตรวจทั้งคนไทยและคนจีน แต่เรื่องที่มีบางคนไม่พอใจเสี่ยหนู เพราะเสี่ยหนูโพสต์เฟซบุ๊คว่า จะติดตั้งเครื่องตรวจวัดไข้ที่ gate ผู้โดยสารขาเข้าจากจีนหาสวรรค์วิมานอะไร เพราะจีนสั่งยกเลิกไฟลท์ทั้งหมดจากจีนมาประเทศไทยแล้ว พร้อมกับบอกว่าไทยควบคุมสถานการณ์ไวรัสโคโรนาได้ ก็ต้องถือว่าเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นเรื่องปกติธรรมดา คนใกล้ชิดเสี่ยหนูบอกว่า เสี่ยหนูไม่โกรธคนวิพากษ์ อยากวิพากษ์ก็เชิญตามสบาย เพราะห้ามไม่ได้อยู่แล้ว...
nn คนไทยที่มีสติปัญญาฝากเตือนสติคนไทยจำพวกเชื่อง่ายว่า เวลาเสพข่าว ขอให้ตั้งสติให้ดี อย่าเชื่อง่าย อย่ารีบแพร่กระจายข่าว แล้วที่สำคัญคือเวลาดูข่าวทีวี หรือฟังข่าววิทยุ แม้กระทั่งอ่านจากหนังสือพิมพ์กระแสหลัก ก็ต้องตั้งสติให้มั่น เพราะเดี๋ยวนี้คนอ่านข่าวในทีวี และจัดรายการข่าวทางวิทยุจำนวนไม่น้อย นำเสนอข่าวไม่ต่างไปจากการเล่นละครน้ำเน่า ใส่ความเห็น ใส่อารมณ์ และใส่ความไม่จริงลงไปเยอะแยะมากมาย ดูแล้วน่าสมเพช พร้อมกับฝากถามว่าสมาคมวิชาชีพของนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ ทำไมปล่อยให้คนที่ไม่น่าจะมีคุณภาพออกมาลอยหน้ากันเกลื่อนคลื่นวิทยุ และโทรทัศน์ พร้อมกับฝากประณามไปถึงสถาบันการศึกษาที่สอนด้านนิเทศศาสตร์ และสื่อสารมวลชนว่า ทำไมไม่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านเรื่องเหล่านี้ ทำไมปล่อยให้คนจัดรายการวิทยุ โทรทัศน์จำพวกบ่างช่างยุ และพวกชอบสร้างความแตกแยกลอยหน้าอยู่ได้ หรือว่าคณะที่สอนวิชาด้านนิเทศฯ และสื่อสารมวลชน ก็หาคนมีสติปัญญาได้ไม่มากนัก...
nn ธรรมกร ในนามของหนังสือพิมพ์แนวหน้าขอกราบอนุโมทนาบุญกับคุณผู้อ่านแนวหน้า รวมถึงญาติมิตรของผู้อ่านแนวหน้าที่ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนโครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือจากโรงฆ่าสัตว์เพื่อมอบให้เกษตรกรและผู้เหมาะสมนำไปเลี้ยงดูต่อจนกว่าสัตว์จะถึงแก่อายุขัยตามธรรมชาติ และขอเรียนแจ้งให้ทราบว่าผู้จัดโครงการฯ ยังคงรับเงินบริจาคสำหรับการไถ่ชีวิตโค-กระบือรอบนี้ จนถึงวันที่ 28 มกราคม 2563 โดยจะส่งมอบสัตว์ให้ผู้รับไปเลี้ยงดูในวันที่ 29 มกราคม 2563 ณ สถานปฏิบัติธรรมไร่เชิญตะวัน เชียงราย โดยมอบให้เกษตรกร และภาควิชาเกษตรกรรม วิทยาลัยอาชีวศึกษา เชียงราย สำหรับการบริจาคโค-กระบือในครั้งนี้ กลุ่มของเราสามารถไถ่ชีวิตสัตว์ได้รวม 20 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เราเลือกไถ่ชีวิตโค-กระบือที่ตั้งท้องและแม่ลูกอ่อนเป็นอันดับแรกในครั้งนี้ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เป็นผู้คัดเลือกเกษตรกรที่เหมาะสม และขอเรียนแจ้งให้ทราบว่าโครงการฯ ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่หลังจากวันที่ 29 มกราคม จะขอยุติการรับเงินบริจาคชั่วคราว แล้วจะกลับมารับบริจาคใหม่ เมื่อโครงการฯ สามารถเลือกสรรผู้ที่เหมาะสมซึ่งสามารถรับสัตว์เลี้ยงดูได้ สำหรับท่านที่สนใจร่วมโครงการนี้ (คือร่วมบริจาคหรือต้องการรับสัตว์ไปเลี้ยงดู) โปรดติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 0-9172-3615 ขอกราบอนุโมทนาบุญครับ...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี