ขอให้กำลังใจสมาชิกพรรค และ สส.ของพรรคอนาคตใหม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค จากกรณีกู้เงิน 191 ล้านบาท และเพิกถอนสิทธิคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี
“พรรคการเมือง” และ “คณะกรรมการบริหารพรรค” ย่อมต้องรับผิดชอบต่อการบริหารพรรคที่ผิดพลาด หรือฝ่าฝืนกติกา ฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
สมาชิกพรรคและ สส.ของพรรค ที่ไม่ใช่ “คณะกรรมการบริหารพรรค” ยังมีสิทธิเต็มเปี่ยมทางการเมือง จะย้ายไปสนับสนุนพรรคใหม่ที่จัดตั้งกันขึ้นมา หรือไปเทคโอเวอร์พรรคไหนก็ตามแต่ ไม่มีใครไปทำลายอุดมการณ์การเมือง หรือแนวนโยบายที่ต้องการจะผลักดันได้อย่างแน่นอน
แต่พรรคการเมืองใหม่ และพรรคการเมืองทุกพรรคในปัจจุบันก็จะต้องเคารพและปฏิบัติตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในคดีนี้ คือ จะไปกู้เงินจากหัวหน้าพรรค (หรือบุคคลใด) เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มาดำเนินกิจการการเมือง มูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาทต่อคนต่อปี มิได้
1. อดีตกรรมการบริหารพรรค อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ และบรรดาผู้สนับสนุน ไม่ควรจะไปบิดเบือนกล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่โจมตี ด่าทอ ข่มขู่อาฆาตศาลรัฐธรรมนูญ
โดยเฉพาะอดีตมือกฎหมายของพรรคอนาคตใหม่ ถึงขนาดไปขโมยสำนวนการเขียนในนิยายอันทรงคุณค่า “ปีศาจ” เอาบทพูดของพระเอก นำมาใส่ปากให้ตัวเองเป็นพระเอก ว่าจะตามหลอกหลอนตลอดไป ทั้งๆ ที่ บริบทของเรื่องราวต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่ไม่ยักส่องกระจกดูความผิดพลาดของตนเองตั้งแต่แรก ว่าต้นเหตุเพราะ “การตีความ” กฎหมายในมุมของตนเองและพวกนั้นมันผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ให้พรรคไปกู้เงินจากนายธนาธร โดยอ้างว่ากฎหมายไม่ห้าม สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่ พรรคการเมืองอื่นๆ เขาก็ใช้กฎหมายเดียวกัน แต่พรรคอื่นๆ ทั้งหมด มันโง่ มั่นงั่ง มันไร้ไอเดีย มันบ้องตื้น มันจึงคิดไม่ออก ไม่หัวใส ไม่ศรีธนญชัยพอที่จะตีความให้พรรคการเมืองไปกู้เงินจากหัวหน้าพรรคคนเดียวถึงขนาดเกือบ 200 ล้านบาท
อย่างนั้นหรือ?
พรรคอื่นๆ ที่เขาไม่ใช้วิธีนี้ กู้เป็น 100 ล้านเลยแบบนี้ ทั้งๆ ที่จะได้เงินมารวดเร็วเพื่อประโยชน์ในการแข่งขันทางการเมือง เพราะเขาเห็นว่ามันจะเป็นการได้รับผลประโยชน์อื่นที่มูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อปี เขาโง่ งั่ง ไม่มีสติปัญญา ไม่ปราดเปรื่องเหมือนนักกฎหมายคนเก่งของพรรคอนาคตใหม่ อย่างนั้นหรือ?
ถ้ากู้แบบนี้ทำได้จริง พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ จะมีข้อห้ามรับเงินบริจาค ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากบุคคลหนึ่งเกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปี ไว้ทำพระแสงของ้าวอะไรไม่ทราบ?
ทำไมไม่รู้จักยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง เสียบ้าง?
กี่ครั้ง กี่หน กี่เรื่องแล้ว?
พอถูกดำเนินคดี กลับกลบเกลื่อนความผิดพลาดของตนเอง โดยพยายามเฉไฉ อ้างว่า “นิติสงคราม”
โจมตีศาล โจมตี กกต. โจมตีสื่อมวลชน โจมตีคณะรัฐประหาร
แต่ไม่เคยสรุปบทเรียนความผิดพลาด หรือ “ค่าโง่” ของตนเองเลย
2. ที่อดีตผู้บริหารพรรคอนาคตใหม่พยายามยกมาข่มขู่ก่อนหน้านี้ว่าถ้าพรรคตนผิดที่ไปกู้เงิน 191 ล้านบาท พรรคอื่นๆ ก็จะต้องผิดด้วย เพราะไปกู้เงินเหมือนกัน
หากไปอ่านคำวินิจฉัยรัฐธรรมนูญในคดีนี้ จะเห็นชัดเจนว่า
“...การดําเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองต้องอาศัยรายได้ของพรรคการเมืองซึ่งกฎหมายกําหนด แหล่งที่มาไว้ตามมาตรา 62 ดังนั้น เงินส่วนใดที่พรรคการเมืองนํามาใช้จ่ายในการดําเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งมิได้มีแหล่งที่มาและวิธีการได้มาตามที่กฎหมายระบุไว้ ย่อมถือว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบ แม้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มิได้บัญญัติห้ามการกู้ยืมสําหรับพรรคการเมืองไว้โดยชัดเจน แต่ก็ไม่ได้รับรองว่าให้กระทําได้ ประกอบกับพรรคการเมืองมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน และเงินกู้ยืมแม้มิได้เป็นรายได้แต่ก็เป็นรายรับ และเป็นเงินทางการเมือง การดําเนินการเกี่ยวกับการได้มาและการใช้จ่ายเงินของพรรคการเมืองจึงต้องกระทําภายในขอบเขตที่กฎหมายกําหนดไว้เท่านั้น เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว การกู้ยืมเงินของพรรคการเมืองจึงต้องสอดคล้องและเป็นไปตามเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
คําว่า “บริจาค” และ “ประโยชน์อื่นใด” ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 เป็นคําที่มีความหมายเฉพาะในกฎหมายนี้เพื่อกําหนดสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายบังคับแห่งกฎหมายในเรื่องนี้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ต้องการควบคุมการสนับสนุนทางการเงินที่ให้แก่พรรคการเมืองให้เป็นอิสระจากการถูกครอบงําของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า งบการเงินประจําปี 2561 ของผู้ถูกร้องมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้อยู่เพียง 1,490,537 บาท แต่ผู้ถูกร้องกลับทําสัญญากู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคผู้ถูกร้อง รวม 2 ฉบับ รวมเป็นจํานวนเงินสูงถึง 191,200,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับที่ไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า ถือเป็นการให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคผู้ถูกร้องที่สามารถคํานวณเป็นเงินได้ เป็นการทําสัญญากู้ยืมเงินที่ไม่เป็นตามปกติทางการค้าและไม่เป็นไปตามปกติวิสัยของการให้กู้ยืมเงินและการชําระหนี้เงินกู้ยืม ถือเป็นการให้ประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ถูกร้องที่สามารถคํานวณเป็นเงินได้ และเมื่อรวมประโยชน์อื่นใดที่ผู้ถูกร้องได้รับจากเงินกู้ยืมดังกล่าวกับเงินที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้บริจาคให้แก่ผู้ถูกร้องในปี 2562 จํานวน 8,500,000 บาทแล้ว ย่อมชัดแจ้งว่าเป็นกรณีการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกินสิบล้านบาทต่อปีซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 66 วรรคสอง
จากข้อเท็จจริงพฤติการณ์และพยานหลักฐานดังกล่าวเห็นว่า การกู้ยืมเงินของผู้ถูกร้องมีเจตนาหลีกเลี่ยงการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นตามมาตรา 66 เมื่อการรับบริจาคดังกล่าวต้องห้ามตามมาตรา 66 จึงเป็นการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นโดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 72 กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องกระทําการฝ่าฝืนมาตรา 72 อันเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องตามมาตรา 42 วรรคสอง ประกอบมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3)…”
จะเห็นได้ว่า สำหรับกรณีพรรคการเมืองกู้เงินนั้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด ถ้าพบว่ามีการกู้เงินไม่เป็นไปตามปกติการค้า ปกติวิสัย ทำให้พรรคได้ประโยชน์เกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปี ในลักษณะเดียวกับที่พรรคอนาคตใหม่กู้จากนายธนาธร ย่อมจะเข้าข่ายความผิดเหมือนกัน
แต่ที่ผ่านมา ที่เปิดเผยสู่สาธารณะกันนั้น พบว่าพรรคการเมืองหลายพรรคมีการใช้เงินทดรองจ่าย หรือกู้ยืมเงินหลักแสน หลักล้านหรือไม่กี่ล้านบาท ซึ่งแตกต่างกับกรณีเงินกู้ 191 ล้านบาท ของพรรคอนาคตใหม่ หรือไม่?
3. กรณีนี้ น่าเห็นใจอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีกจำนวนมากที่มีมุมมองกฎหมายต่างจากผู้กุมอำนาจในพรรค แต่ก็ไม่มีบทบาทบริหาร ตัดสินใจในเรื่องสำคัญของพรรค เพียงเพราะหัวหน้าพรรคผู้เป็นนายทุนหลักของพรรคไม่ให้ความไว้ใจเท่าพวกพ้อง
คนเหล่านั้น ล้วนแต่มองเห็นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ว่า การไปกู้เงิน 191 ล้านบาทแบบนี้ จะนำปัญหามาให้พรรคแน่นอน
ผู้ที่เคยกุมอำนาจบริหารในพรรค ควรสรุปบทเรียน “ค่าโง่” ของตัวเอง
หากพรรคอนาคตใหม่มีอุดมการณ์จริง ต้องการเห็นอนาคตที่ดีของบ้านเมืองจริงๆ โดยไม่ผูกขาดอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ต่อไปนี้ ควรสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่จริงๆ ของพรรคอนาคตใหม่เดิม ขึ้นมามีบทบาทบริหารพรรคการเมืองใหม่ โดยปราศจากการครอบงำแทรกแซง โดยเฉพาะจากคนเก่าที่เคยตัดสินใจบริหารผิดพลาดร้ายแรง กระทั่งทำให้พรรคได้รับความเสียหาย เลิกกล่าวโทษคนอื่น โยนบาปให้ผู้อื่น สร้างความสับสนวุ่นวายในบ้านเมือง
อย่าเอา “การเสียหน้า” – “ค่าโง่” มาโยนให้ประเทศชาติรับกรรมตามไปด้วย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี