ผู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยคือปัญญาชน จริงหรือปัญญาชนจะต้องร่ำเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้นหรือ แล้วคุณแน่ใจจริงๆ หรือว่า มหาวิทยาลัยทุกแห่งในประเทศไทย ทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนคือแหล่งบ่มเพาะและสร้างปัญญาชน
หากมหาวิทยาลัยสามารถสร้างปัญญาชนได้จริงแล้ว เหตุไฉนคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังร่ำเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยจึงไม่สามารถแสดงคุณลักษณะที่แท้จริงของปัญญาชนให้ปรากฏชัดได้ แล้วเหตุไฉนคนที่อ้างตนว่าเป็นปัญญาชนจึงไร้ความสามารถในการแยกแยะสิ่งผิดออกจากสิ่งถูก แล้วทำไมคนที่คิดว่าตัวเองคือปัญญาชนจึงแยกไม่ออกว่าสิ่งใดผิดหรือถูกกฎหมาย
คนบางคนที่อ้างว่าตนเองคือปัญญาชนผู้มีสติปัญญาสูงเสียดฟ้าชอบอ้างแบบไร้ตรรกะว่า ตนเองไม่จำเป็นต้องเคารพและทำตามกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายที่มาจากรัฏฐาธิปัตย์ หรือองค์อธิปัตย์ผู้ก่อรัฐประหาร แต่ก็กลับมีเรื่องน่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งที่คนผู้อวดอ้างว่าเป็นปัญญาชนกลับเลือกที่จะทำตามกฎหมายของเผด็จการ ถ้าหากกฎหมายนั้นทำให้ฝ่ายของตนเองได้ผลประโยชน์
ปัญญาชน หรือที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า scholar จำเป็นต้องมีสติเป็นเครื่องกำกับการกระทำของตนเองตลอดเวลา ต้องไม่ปล่อยตัวให้ตกเป็นเครื่องมือของใคร ต้องใช้สติปัญญาประกอบดุลยพินิจของตนทุกครั้งก่อนจะตัดสินใจกระทำการใดๆ ลงไป และต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนว่า การกระทำใดๆ ของตนนั้นจะส่งผลบวกหรือลบต่อสาธารณะ
วิญญูชนในสังคมไทยต่างตั้งคำถามถึงการที่คนซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยบางแห่งของไทยรวมตัวประท้วงการตัดสินยุคพรรคการเมืองที่ชื่อพรรคอนาคตใหม่โดยศาลรัฐธรรมนูญ คำถามที่ตามมาคือ ทำไมประเทศนี้จึงจะยุบพรรคการเมืองที่จงใจทำผิดกฎหมายไม่ได้ แล้วมีเหตุผลใดหรือที่จะต้องอนุญาตให้พรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายดำรงคงอยู่ต่อไป
เท่าที่วิญญูชนติดตามดูการรวมตัวประท้วงของคนที่อ้างว่าเป็นปัญญาชนมาอย่างใกล้ชิด ก็ได้ข้อสรุปว่า ยังไม่เคยได้เห็นแม้แต่น้อยว่าอะไรคือเหตุผลที่คนกลุ่มนี้ใช้โต้แย้งคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ยกเว้นข้ออ้างเรื่อง พรรคนี้ได้รับคะแนนเสียงมา 6 ล้านเสียง และเรื่องรัฐบาลมาจากการรัฐประหาร ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามโต้กลับว่า จะมาจากรัฐประหารได้อย่างไร เพราะรัฐบาลนี้ก็มาจากการเลือกตั้งในยุคเดียวกับพรรคอนาคตใหม่เช่นกัน
ถ้าคนที่อ้างว่าเป็นปัญญาชนมีสติปัญญาลึกล้ำกว่านี้ก็ต้องมีคำโต้แย้งอื่นๆ ที่มีหลักมีฐานมั่นคงหนักแน่นมากกว่าเรื่อง 6 ล้านเสียง เพราะปัญญาชนที่แท้จริงจะต้องสำเหนียกไว้ด้วยว่าพรรคการเมืองอื่นได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 6 ล้าน แต่ประเด็นที่ลึกกว่านั้นคือ คนที่อ้างว่าเป็นปัญญาชนเคยรับรู้รับทราบและเคยศึกษากฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ หรือคนที่อ้างว่าเป็นปัญญาชนอ้างแค่เพียงคะแนนเสียงของตนเป็นใหญ่จนไม่นำพาต่อคะแนนเสียงของผู้อื่นในสังคมนี้
การแสดงออกของคนที่หลงตัวเองว่าเป็นปัญญาชนซึ่งกำลังปรากฏในขณะนี้ คือเครื่องประจานความเน่าหนอนฟอนเฟะของระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไทยอย่างชัดเจนที่สุดประการหนึ่ง และประการต่อมายังเป็นเครื่องประจานความไร้คุณภาพของคนที่เรียกตัวเองว่าปัญญาชนอีกด้วย
ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่าประเทศไทยมีสถาบันอุดมศึกษาที่ผลิตปัญญาชนที่มีคุณภาพต่ำทราม ซ้ำร้ายยังไร้ความสามารถแยกแยะสิ่งผิดสิ่งถูกได้แล้ว ก็เปล่าประโยชน์กับการมีสถาบันอุดมศึกษาอีกต่อไป เพราะหากสถาบันอุดมศึกษาไม่สามารถผลิตปัญญาชนที่แท้จริงได้แล้ว ก็เห็นควรจะต้องยุบแล้วเลิกสถาบันอุดมศึกษาที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของตนเองได้โดยพลัน เพราะถ้าหากมหาวิทยาลัยกลายเป็นแหล่งของความมืดบอดเสียแล้ว ไฉนเลยผลผลิตของมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้มีสติปัญญาได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี