ผมอยากให้ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา และผู้ที่สนับสนุนท่าน ได้อ่าน “ข้อเสนอแนะ”ของบุคคล 2 ท่าน คนหนึ่งเป็นเจ้านายคนแรกในวงการสื่อสารมวลชนของผมเอง อีกคนหนึ่งเป็นมิตรน้ำหมึก ในวงการหนังสือของผม ที่ผมชื่นชมในการคิดการเขียนของเขาเสมอมา นั่นคือ คุณวีระ ธีรภัทรกับคุณวิมล ไทรนิ่มนวล เจ้าของผลงาน “อมตะ” นวนิยายที่ได้รับรางวัลซีไรต์
มาเริ่มจากคุณวีระก่อน ต้องบอกว่าคุณวีระเป็นสื่อที่มัก “เลี่ยง” การปะทะโดยตรงกับผู้มีอำนาจ แต่ไม่ “ละเลย” ที่จะชี้ปัญหา เขาจึงมักใช้วิธี “แซว” บ้าง “ตอด” บ้าง พูดทีเล่นทีจริงแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ลดแรงกระทบกระแทกของ “ความคิด” หรือ “ข้อเสนอ” ของเขา มันเป็นสไตล์ ที่ใครร่วมงานด้วยจะทราบดีแต่เมื่อไรก็ตาม ที่คุณวีระใช้เสียงโทนต่ำ พูดช้าๆ ระมัดระวังถ้อยคำ เลือกเฟ้นทุกคำที่จะกล่าวออกมาละก็ จะรู้ว่าเขา “ซีเรียส” หรือ “จริงจัง” กับมันมาก
น้ำเสียงแบบนั้น มาอีกครั้งในรายการ “คุยได้คุยดี”เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ตอนที่ผมขอนำมาขีด“เส้นใต้บรรทัด” สัก 500 เส้นก็คือ...
“แต่ผมอยากจะพูดอย่างนี้ ก็ต้องบอกว่าผมพูดด้วยเจตนาบริสุทธิ์นะ ไม่ได้ไปท้าทายไม่ได้ไปอะไร คือพอมาถึงขณะนี้แล้วเนี่ย เมื่อผมดูการบริหารจัดการของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยแล้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยจากไวรัสโควิด-19 แล้วก็ภัยจากปัญหาเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น คือผมคิดว่า ถ้าเราจะอยู่กันไปอย่างนี้ก็จะลำบากนะ คือ สิ่งที่รัฐบาลทำในช่วงที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับนะว่า มันไม่น่าพึงพอใจ มันไม่เข้าตาและบางครั้งมันก็อาจต้องมองเชื่อมโยงว่า ในแง่ความเป็นรัฐบาล มันจะบอกว่าไม่มีความต่อเนื่องจากรัฐบาลเมื่อ5 ปีที่แล้ว เข้าสู่ปีที่ 6 ในปีนี้ มันก็-เหมือนกับมองข้ามความเป็นจริงไปสักหน่อย
คือ...ถ้าเกิดว่าเป็นไปได้ ผมคิดว่าเราต้องการความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ง่ายที่สุด แล้วก็สามารถทำได้ทันที ผมว่าคุณประยุทธ์อาจต้องพิจารณาถอนตัวออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี พูดง่ายๆ ก็คือว่า ลาออก! แต่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า จะไปกระเหี้ยนกระหือรืออะไรนะ เพียงแต่ผมพูดว่า ความรู้สึกของผู้คนตอนนี้มันย่ำแย่จริงๆ มันต้องการอะไรที่แตกต่างไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ แน่นอนล่ะครับว่าคนที่มาใหม่ อาจจะไม่เก่งเท่า ไม่ดีเท่า แล้วก็มือไม่สะอาดเท่าคุณประยุทธ์ รัฐบาลที่มานับเนื่องจากนี้ไปอาจจะไม่ดีเท่ากับรัฐบาลนี้ แต่ว่ามันเป็นความจำเป็นทางการเมือง ที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกกระฉับกระเฉง อย่างนี้มันก็อยู่กันไปแบบเซ็งๆ อยู่กันไปแบบไม่มีอนาคตน่ะ บางคนก็อาจจะบอกว่า โอ้! ไม่รู้จะเอาใครมาแทน ผมก็บอกว่า ก็ปล่อยให้คน 750 คนน่ะ เขาไปหา ก็มันมีระบบของมันอยู่แล้ว ไม่ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ต้องไปทำอะไรหรอก เอามันอย่างนี้แหละ ถอดสลักไปตัวหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปเลือกกันใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐสภา กฎหมายมีอยู่แล้ว ให้เลือกยังไงในกรรมวิธีหนึ่ง สอง สาม ก็เอาอย่างกรรมวิธีที่มีอยู่ตอนนี้”
อีกท่านคือคุณวิมล ใช้วิธีโพสต์เฟซบุ๊ค ที่คราวนี้เปิดเป็นปุ่ม “สาธารณะ” คือให้คนที่ไม่ใช่เพื่อนอ่านได้ด้วยในหัวข้อ “ปฏิวัติของจริงเสียที?” ซึ่งมีรายละเอียดเป็นข้อๆ ว่า
1.ทำไม...ลุงป้อม ลุงป๊อก ลุงตู่ “สามประสาน”จึงทำงานสู้ป๋าเปรมไม่ได้?
ลุงป้อมนั้นพยายามสร้างบารมีอย่างเดียวกับป๋าเปรมสร้างเครือข่ายอำนาจมากมาย แต่สิ่งที่ลุงป้อมได้ก็คืออำนาจ แต่ไม่มีบารมีอย่างป๋าเปรม
ป๋าเปรมนั้นมีทั้งอำนาจและบารมี เลือกคนที่มีความรู้ความสามารถจริงมาทำงาน ไม่ลูบหน้าปะจมูกและไม่เคยปรากฏข่าวว่าป๋าเปรมนำคนที่เคยทำผิดกฎหมายมาทำงานด้วย
อาจเป็นเพราะลุงป้อมมีวิธีคิดอย่างเดียวกับคุณทักษิณ คือใครเป็นประโยชน์ก็ใช้!
2.ทำไม...ลุงตู่จึงไม่สามารถสร้างทีมงานที่มีฝีมืออย่างป๋าเปรม?
ลุงตู่นั้น “รักพี่รักน้อง” ตอนยึดอำนาจก็ได้พี่น้องร่วมเป็นร่วมตาย แปลว่าถ้าล้มเหลวก็ “ตาย” กันหมด และต้องอาศัยเครือข่ายอำนาจของลุงป้อม เมื่อยึดอำนาจได้แล้วก็1) ต้องตอบแทนกัน 2) ไม่ไว้ใจคนอื่น 3) คนอื่นที่มีฝีมือไม่อยากร่วมงานด้วย
เมื่อมีแต่พวกพ้องน้องพี่ จะทำอะไรก็ติดคนนั้นขัดกับคนนี้ ผลก็คือทำอะไรไม่ได้สมกับ “เวลาและอำนาจ” ที่มี(คสช.)
คำป่าวประกาศว่าจะ “ปฏิรูป” นั่น นี่ โน่น (ปฏิรูปการศึกษาปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปสาธารณสุข ปฏิรูประบบราชการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นฯ) จึงทำไม่สำเร็จ...ทำไม่ได้แม้แต่จะแก้ปัญหาในกองทัพ!
ส่วนผลงานทั่วไปนั้นมี...มีอะไรบ้าง กูเกิ้ลมีบอก
เมื่อมาเป็น “รัฐบาลเลือกตั้ง” ลุงตู่ก็ยังจูงมือเพื่อนพ้องน้องพี่มาอีก คนที่เชียร์ลุงตู่จำนวนมากจึงอึดอัด ยิ่งลุงป้อมนำคนที่เคยมีคดีอาชญากรรมมาเป็นมือเป็นเท้าด้วยแล้ว คนจำนวนมากก็ยิ่งไม่พอใจ และกลายเป็นจุดอ่อนที่โดนโจมตีเรื่อยมา เมื่อบวกกับเรื่อง “นาฬิกาเพื่อน”ที่เหตุผลฝืนความรู้สึกผู้คน และการพูดที่มักจะทำให้ผู้คนเข้าใจผิด เหมือนไม่รู้ในสิ่งที่พูด ผู้คนก็ยิ่งอยากให้ลุงป้อมกลับไปพักผ่อนโดยเร็ว!
คำพูดของลุงป้อมแค่ไม่กี่คำก็ทำให้สังคมสั่นสะเทือนและปริวิตกกันทั่วหน้า อย่างเรื่อง “ผีน้อย” (แรงงานเถื่อนที่ไปทำงานในเกาหลีจะกลับประเทศ) และบางเรื่องก็ทำให้คำพูดของลุงป้อมถูกบิดเบือนได้ง่าย ดังนั้น จึงมีเสียงเรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีลุงป้อม และคนที่มีประวัติอาชญากรรม (ส่วนรัฐมนตรีอื่นๆ แตะไม่ได้แน่ เพราะเป็นโควตามาจากการเลือกตั้ง!)
ถ้าลุงป้อมคิดว่ารักน้องๆ และกำลังทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ ก็ควรจะ “ถอย” ให้น้องๆ ได้ทำงานโดยไม่อึดอัด เพราะการทำประโยชน์เพื่อประเทศชาตินั้น...บางสถานการณ์...การถอยจะทำประโยชน์ได้มากกว่าดื้ออยู่
รัฐบาลลุงตู่มาได้ครึ่งทางแล้ว และจะอยู่ได้อีก 2 ปีผมก็หวังอย่างไม่หวัง...ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่กระฉับกระเฉงขึ้น กล้าแตะที่ปัญหารากฐานอย่างจริงจังสักอย่าง
ผมอยากเห็นลุงตู่ “กู้ชาติ” ด้วยการวาง “รากฐานทางจริยธรรม” ให้ประเทศไทย ด้วยการปฏิรูปอย่างที่เคยประกาศมา และอะไรที่ฝ่ายตรงข้ามพูดแล้วมัน “ใช่” ก็แก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เป็นประโยชน์แก่สังคม
ถ้าลุงตู่ทำได้ก็จะเป็นการสลายเงื่อนไขที่ฝ่ายตรงข้ามจะนำมาโจมตีลุงด้วย
สังคมใดจะ “ยั่งยืนหรือล่มสลาย” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจ - ความมั่งคั่ง หรือลัทธิ - อุดมการณ์ใด แต่ขึ้นอยู่กับ “คุณภาพชีวิต” ของประชาชนทั้งหมด ซึ่งมันจะมีได้ - เป็นได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าสังคมนั้นเป็น “สังคมแห่งจริยธรรม” หรือไม่
ลุงตู่ต้องทำตั้งแต่วันนี้!
มันคือ “การปฏิวัติ” ของจริง...ปฏิวัติภายในจิตใจของสังคม
จากสองความเห็นที่หยิบยกมานี้ เชื่อว่ามิตรรักแฟนคลับของลุงตู่คงไม่ชอบใจหรอก เพราะใครก็ตามที่ไม่หนุน “ลุงตู่” ดูจะเป็น “ศัตรู” ของคนกลุ่มนี้ไปเสียหมด
แต่ผมเชื่อว่า “ลุงตู่” ท่าน “รู้คิด” พอที่จะแยกแยะได้ว่า ในข้อเสนอที่ไม่ว่าจะให้ท่านลาออกหรือให้ปรับ“พี่สุดที่รัก” ของท่านออก นั้น ผู้เสนอรู้ไหมว่าลุงตู่จะไม่ทำหรืออาจจะเลี่ยงไปใช้คำว่า “ทำไม่ได้” ก็ตามที ผมว่าเขารู้ครับ ดังนั้นในข้อเสนอของพวกเขา จึงมี “คีย์เวิร์ด” หรือคำสำคัญที่ต้องจับให้ถูกเส้น แล้วนำไปเป็น“หลักปฏิบัติ” ก่อนความฉิบหายมาเยือน
มันไม่ได้ฉิบหายเฉพาะความเป็นรัฐบาลหรอกครับ แต่มันจะฉิบหายกันทั้งประเทศชาติ
1) คีย์เวิร์ดในถ้อยคำของ “วีระ ธีรภัทร” คือ“ความรู้สึกของผู้คนตอนนี้มันย่ำแย่จริงๆ มันต้องการอะไรที่แตกต่างไปจากสิ่งที่เป็นอยู่”
ลุงตู่มีหน้าที่ต้องทำให้เกิด “ความต่าง” ที่จะไปเปลี่ยนความรู้สึกคน เช่น บุคลิกการพูดจาของท่านที่ “ต่างไป”ที่นึกจะพูดอะไรก็พูด จะฉุนเฉียวตอนไหน จะเอาอีกเรื่องไปกล่าวบ่นในการเปิดงานที่คนในงานเสมือนกระโถนที่ต้องรองรับ “อารมณ์ค้างบางเรื่อง” ของท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ หรือ “ภาวะผู้นำ” ที่ต่างไปจากการเป็นแค่ “แมสคอต” หรือ “พรีเซ็นเตอร์” ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ทั้ง “ชง” และ “เชิด” กันมา
ต่างตอบแทนกันจนท่านได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่มีแค่“งานอีเว้นท์” ให้ท่านออก ไม่ได้ภารกิจสำคัญที่จะสะท้อนความมี “สติปัญญา” หรือ “วิสัยทัศน์” หรือการ“กุมนโยบายสำคัญ” และขับเคลื่อนอย่างมุ่งมั่น ให้คนเห็นจนเป็นที่มาของอักษรย่อ “ผนงรจตกม” ซึ่งคือคำว่า “ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด” อันถือว่า “สาหัส” ยิ่งกว่ายุคเสิร์ชกูเกิ้ลแล้วพบคำว่า “อีโง่” อันหมายถึงว่า ไม่มีท่าน งานของประเทศก็เดินได้ มีท่าน นึกไม่ออก ว่าท่านถืองานสำคัญอะไรไว้ นอกเหนือจากการ “สืบทอดอำนาจ” ด้วยคิดว่า ป้องกัน “อีกพวก” ขึ้นมาเป็นใหญ่ จึงต้องใช้สโลแกน “เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่” ที่ตอนนี้สงบจนสงัดกันเลยทีเดียว
หรือ “บริวาร” ที่ต่างไป การเชิดชูคนอย่าง สิระ เจนจาคะ, ปารีณา ไกรคุปต์, สุภรณ์ อัตถาวงศ์, ไพบูลย์ นิติตะวัน, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, วิรัช รัตนเศรษฐ ฯลฯ
ขึ้นมาเป็น “ดาวเด่น” หรือ “องครักษ์” ผมเชื่อว่าชายชาติทหารที่ผ่านตำแหน่งสำคัญและสงครามสำคัญมาก่อนอย่าง “ลุงตู่” ไม่น่าสูญเสียความสามารถที่จะแยกแยะได้ว่า เป็นการ “เสริมบารมี” หรือเป็น “ราหู”
หรือ “โฆษก” ที่ต่างไป ที่กระฉับกระเฉง ฉับไว รอบรู้มีบุคลิกภาพที่โดดเด่น พร้อมที่จะสื่อสารในเรื่องสำคัญๆ อย่างทันท่วงที เข้าใจง่าย และสื่อสารซ้ำจนสังคมเข้าใจที่มากไปกว่า “แถลง” แล้วจบกัน
หรือ “คณะรัฐมนตรี” ที่ต่างไป อะไรที่สภาอภิปรายและชี้ว่าเป็น “ความด่างพร้อย” ท่านก็เพียงแค่นึกย้อนกลับไปจดจำ “คำถาม” ที่ท่านเคยให้ประชาชนไปตอบที่ศูนย์ดำรงธรรมดูก็ได้ ทั้งเรื่องนักการเมืองสีเทา ทั้งเรื่องความไม่มีธรรมาภิบาล ฯลฯ แล้วใช้เกณฑ์นั้น (ที่หากท่านยังจำได้ไม่เขียนด้วยมือ แล้วลบด้วยเท้า) มาประเมิน “คณะรัฐมนตรี”ของท่าน จากนั้น “ปรับ” เพื่อบรรลุสิ่งที่คุณวีระเสนอไว้
2) ส่วนคีย์เวิร์ดของคุณวิมลคือ “ปฏิวัติ” อย่าแค่เก่งกับประชาชนครับ อย่าแค่ออกมายึดอำนาจแล้วหาวิธี “ครองอำนาจ” นั้นไว้ให้นานที่สุด จึงนำมาซึ่งการ “เสียบบทเฉพาะกาล” เข้าไปในรัฐธรรมนูญ ให้มี สว. ที่สุดท้าย คสช.เป็นคนเคาะ ให้ สว.มาเลือกนายกฯ ได้ ปรากฏว่า ว่าที่นายกฯเลือก สว. แล้ว สว. มาเลือกคนเลือกตัวเองให้เป็นนายกฯ มันมีธรรมาภิบาลไหมล่ะ และ “การเอาเปรียบ” อื่นๆที่แฝงไว้ในกฎหมายกับองค์กรอิสระ
หาก “ลุงตู่” บริหารการเมืองแบบเดียวกับ “นักการเมือง”ที่ท่านเคย “ปฏิวัติ” สุดท้ายสังคมจะ “ปฏิวัติ” ท่าน เพราะเห็นแล้วว่า “เลวพอกัน” ซึ่งผมเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่านั่น ไม่ใช่สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปรารถนา แต่ความที่ท่านเอาแต่ “ยืมจมูกคนอื่นหายใจ” ท่านเริ่มกลายเป็น “ผู้นำโง่”มากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นแค่ “หุ่นเชิด” ของใครต่อใคร มากกว่าจะเป็น “ผู้นำตัวจริง”
ท่านจึงต้องกล้าหาญที่จะปฏิวัติคนรอบตัว ว่าถึงเวลาแล้ว ที่ต้องมอบฉันทานุมัติให้ท่านเป็น “ผู้นำตัวจริง” ไม่ได้เป็นแค่ “โทณพราหมณ์” ที่เป็นคนกลางแบ่งพระธาตุให้แก่ 101 เมือง ซึ่งก็คือการเป็นผู้ “รวบอำนาจ” ด้วยองคาพยพหลายหลาก เพื่อเอาอำนาจนั้นมาแบ่งให้แก่พรรคร่วมและพรรคพลังประชารัฐ เพื่อ “ค้ำยันโอกาส” ที่จะอยู่ใน “อำนาจ” ต่อไป
แล้วดำเนินการ “ปฏิรูป” ที่มีสภาพเหมือน “ขี้แล้วไม่ได้ล้างตูด” คือไม่เสร็จ แม้โมฆบุรุษอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณจะบอกระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งแกประกาศหนุน “ลุงตู่”เป็นนายกฯ และคอยชักเชิดพรรครวมพลังประชาชาติไทยอยู่ข้างหลังว่า “เรื่องการปฏิรูป เราได้มากกว่าที่เราหวังเสียอีก”ที่ทำให้คนที่เคยร่วมเป่านกหวีด ที่วิเคราะห์เป็น ฮาขี้แตกขี้แตน เพราะในความเป็นจริง แทบไม่มีการปฏิรูปในเรื่องสำคัญๆ เดินหน้าเลย ทั้งการปฏิรูปตำรวจ การปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปการศึกษา การกระจายอำนาจ ฯลฯที่ กปปส. เคยเรียกร้อง
ปฏิรูปกันอีท่าไร ได้ “ลูกน้องทักษิณ” มาเป็น “บริวาร” ทั้ง “เปิดเผย” และ “แอบ” อย่างในปัจจุบัน หรือนั่นเองที่เรียกว่า “ปฏิรูป” สำเร็จ
คีย์เวิร์ดที่สำคัญอีกประการที่คุณวิมลชี้ไว้คือ
“สังคมใดจะ “ยั่งยืนหรือล่มสลาย” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจ - ความมั่งคั่ง หรือลัทธิ - อุดมการณ์ใด แต่ขึ้นอยู่กับ “คุณภาพชีวิต” ของประชาชนทั้งหมด ซึ่งมันจะมีได้ - เป็นได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าสังคมนั้นเป็น “สังคมแห่งจริยธรรม” หรือไม่”
เงี่ยหูฟังบรรดานิสิต นักศึกษา และนักเรียนที่กำลังทำแฟลชม็อบกันอยู่ในตอนนี้ให้ดีๆ เถอะ ท่านจะได้ยิน “ประเด็นนี้” ผ่านการตั้งคำถามถึงกติกาที่ไม่เป็นธรรม ไร้จริยธรรม เลือกคนที่บกพร่องทางจริยธรรมมาทำงาน ซึ่งสะท้อนว่า นิสิต นักศึกษา นักเรียนเหล่านั้น ไม่ใช่คนที่ ผู้ใหญ่ใจแคบ “ตีตราว่า” ไม่รู้อะไร เป็นแค่ขี้ข้าม้าใช้ของ “พรรคอนาคตใหม่” เท่านั้น!!
จะปฏิรูปหรือปฏิวัติอะไรก็รีบตัดสินใจซะ ไม่เช่นนั้นก็จงเลือกว่า ตัวท่าน-รัฐบาลท่าน จะ “ตาย” ด้วยปัญหาเศรษฐกิจ โควิด-19 หรือปฏิบัติการไอโอทางการเมือง!!
ให้ “คำตอบที่ดีที่สุด” แก่ประเทศเสียทีเถิดครับโดยก่อนตอบ เงี่ยหูฟังคนอื่นเขาด้วย ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้วครับ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี