วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่แพร่กระจายอย่างรุนแรงไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของไทยทรุดลงมาอย่างน่ากลัวเป็นที่คาดหมายว่าพิษไวรัสครั้งนี้จะทำให้รายได้ประชาชาติของไทยในปี 2563ต่ำกว่าปี 2562 ถึงร้อยละ 10 ทำให้ 3 สมาคมใหญ่ด้านเศรษฐกิจของไทย ได้แก่ สมาคมธนาคารไทย,สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ประเมินร่วมกันว่า
รายได้ประชาชาติในปี 2563 ที่มีเป้าไว้ที่ขั้นต่ำ 18ล้านล้านบาท น่าจะรูดต่ำกว่าปี 2562 ที่มียอด 17,592,900 ล้านบาท ลงไปเหลือแค่ 16,500,000 ล้านบาทอาจจะส่งผลเสียหายตามมาอีกมากมาย วิธีแก้ไขคือ ภาครัฐบาลและภาคเอกชนต้องระดมเงินทุนมหาศาลพอสมควรไม่น้อยกว่า 500,000 ล้านบาท หรือสูงถึง 1 ล้านล้านบาท เพื่อประคองเศรษฐกิจให้อยู่รอดต่อไป เดิมเดือนกุมภาพันธ์นั้น ครม.ได้มีมติเห็นชอบมาตรการการเงินเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวจากไวรัสในปี 2563 ด้านภาษีการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 ให้ขยายเวลาดังกล่าวออกไปถึงเดือนมิถุนายน 2563
การเงินให้สถาบันการเงินของรัฐดำเนินการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเงื่อนไขผ่อนปรน และการขยายเวลาชำระหนี้และค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นเงินทุนเสริมสภาพคล่องและปรับปรุงสถานประกอบการสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสรวมถึงเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการในช่วงที่ได้รับผลกระทบเช่น ธนาคารออมสิน ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้ 2 เท่าของระยะเวลาคงเหลือตามสัญญาไม่เกิน 5 ปี
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพักชำระหนี้เงินต้นสำหรับเงินกู้ยืมระยะยาวที่มีวงเงินคงเหลือไม่เกิน 5 ล้านบาท เป็นเวลา 6 เดือน โดยต้องมีประวัติการผ่อนชำระหนี้ดีไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก่อนเข้าร่วมโครงการ และต้องไม่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ธ.ก.ส.ให้ผัดผ่อนการชำระหนี้ได้ครั้งละไม่เกิน 12 เดือน ต่อเนื่องไม่เกิน 5 ครั้ง และขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้และขยายเวลาการชำระหนี้ได้ 20 ปี
การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเงื่อนไขผ่อนปรนของธ.ออมสิน,ธ.พัฒนาวิสาหกิจฯ และธ.กรุงไทย วงเงิน 123,000 ล้านบาทดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 3 ต่อปี วงเงินยอดนี้ต่ำไปอาจต้องเพิ่มให้ถึง 200,000 ล้านบาท ในขณะที่เงินช่วยแก่ผู้มีอาชีพอิสระ 9 ล้านคนนั้น จะอยู่ที่ยอด 135,000ล้านบาท ที่เหลือให้วงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่บริษัทธุรกิจทุกสาขาที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสซึ่งน่าจะมีวงเงินอีกอย่างน้อยประมาณ 300,000 ล้านบาท
ส่วนการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจรากหญ้าคือ เกษตรกรทุกสาขานั้นรัฐบาลต้องมีวงเงินในการแก้ปัญหาภัยแล้งและราคารับซื้อผลผลิตหลักที่สำคัญทั้งข้าวเปลือก, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, ข้าวโพด, มันสำปะหลัง, ถั่วเหลือง ฯลฯ เพื่อให้เกษตรกรมีกำลังซื้อจะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนสอดรับกันซึ่งประเมินว่าต้องใช้เงิน 300,000 ล้านบาทก็จะทำให้ประคองภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่รอดต่อไปได้ในที่สุด

‘พูห์-พาเวล’ส่งซิงเกิลใหม่ “ผู้ต้องสงสัย (MY CRIME)” OST.สิงสาลาตาย เพิ่มดีกรีความอินให้กับแฟนๆ
Y2Z เอาใจ FC ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ ‘อ้อมกอดใกล้ฉัน’ โชว์ความน่ารักสดใส กับแนวเพลง Funky disco pop
โอ๊ยเล่าเรื่อง 'มือปืน (The Last Shot)'
‘กรมราชทัณฑ์’นั่งไม่ติด รูป‘แม้ว’โผล่เวทีเสก ยืนยันไม่ใช่ภาพจริง
สว.จ่อค้านนิรโทษ คดีเผาบ้านเผาเมือง กระทำผิดคดีม.112 เล็งถกผู้มีส่วนได้เสีย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี