สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ไม่ต่างอะไรกับ “สงครามโลก”
เพราะแพร่ขยายไปทั่วโลกแล้ว
เพียงแต่เป็นสงครามระหว่างมนุษยชาติกับ “โรคระบาด”
1. ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น เลขาธิการสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระดับโลก ที่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ยกระดับให้เป็นการระบาดระดับโรค หรือ Pandemic นำมาสู่การคร่าชีวิตผู้คนไม่เลือกชนชั้นแพร่กระจายไร้พรมแดนไปทั่วโลก ไม่เลือกเชื้อชาติศาสนา ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกรวมกันสูงกว่า 42,000 รายไปแล้ว
“...สถิติผู้เสียชีวิตระดับนี้ สามารถเรียกได้ว่ากำลังผจญกับสงครามครั้งใหญ่
หากนำตัวเลขผู้เสียชีวิตระดับนี้เปรียบเทียบกับสงครามที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก พบว่า ผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 มีความสูญเสียมากกว่าผู้คนที่ล้มตายในสงครามที่ประหัตประหารกันด้วยอาวุธร้ายแรงเสียอีก อาทิ
-สงครามกลางเมืองอัฟกานิสถานในปี 2019 มีผู้เสียชีวิต 31,930 ราย
-สงครามกลางเมืองซีเรียในปี 2018 มีผู้เสียชีวิต 23,000 ราย
-สงครามกลางเมืองโซมาเลียในปี 2018-2019 มีผู้เสียชีวิต 6,268 ราย
-สงครามกลางเมืองไนจีเรียมีผู้เสียชีวิต 17,156 ราย
-สงครามกลางเมืองอิรักในปี 2018-2019 มีผู้เสียชีวิต 6,159 ราย”
ดร.เชษฐา เสนอว่า เราจำเป็นต้องร่วมมือกันระดับประเทศอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรุ่นเรา จึงจะสามารถเอาชนะศัตรูของชนชาติที่ร้ายกาจที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านี้ได้ ด้วยยุทธศาสตร์การรบที่กลั่นกรองมาเป็นอย่างดีและกำลังทำอยู่นี้ ที่เรียกว่า“อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” และ “รักษาระยะห่างทางสังคม” (social distancing) 2 เมตร เพื่อความสำเร็จและมีชัยชนะเหนือมหันตภัยโลกาไวรัสโควิด-19 นี้อย่างแท้จริง
2. ล่าสุด นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกประชุมครม.นัดพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้เพื่อหารือมาตรการเยียวยาผลกระทบไวรัสโควิด-19 ชุดที่ 3 และชุดที่ 4 สำหรับช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.2563 ต่อไป โดยจะมีการหารือเรื่องงบประมาณกรอบวงเงิน จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน แหล่งที่มาของเงินจากที่ต่างๆ เพื่อดำเนินตามมาตรการเยียวยาต่างๆ จะเป็นการประชุมเต็มคณะ โดยไม่ผ่านระบบ Video Conference
เชื่อแน่ว่า มาตรการชุดที่ 3 – 4 ที่จะออกมานั้น จะมีมูลค่าเงินมากเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะนี่คือวิกฤตการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนเช่นกัน
แน่นอนว่า เงินบางส่วนที่จะนำมาใช้ จะต้องมีการกู้ยืม
ซึ่งขณะนี้ หนี้สาธารณะของประเทศไทยอยู่ประมาณ 42% ของจีดีพี
ยังนับว่าไม่สูงมาก ยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มภาระหนี้สาธารณะได้อีก 2-3 ล้านล้านบาทด้วยซ้ำ
ทุนสำรองระหว่างประเทศของเราก็แข็งแกร่งติดอันดับต้นๆ ของโลก
เพราะฉะนั้น หากจำเป็นต้องกู้ยืมเพื่อดูแลอุ้มชูคนไทยให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ สังคมไทยก็ควรจะสนับสนุน ไม่สมควรจะมีกลุ่มการเมือง พรรคการเมือง ใช้วิธีตีกิน ขัดแข้งขัดขา เล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์ ประเภทประดิษฐ์คำแบบนักโต้วาที ออกมาพ่นน้ำลายในยามวิกฤติเช่นนี้อีก หากแต่ควรจะช่วยกันแสดงความคิดเห็นสร้างสรรค์ เสนอแนะแนวทางที่เป็นไปได้จริง เป็นทางเลือก เป็นโอกาสของประเทศชาติที่จะผ่านวิกฤติไปให้ได้
3. ขอเสนอว่า มาตรการที่จะออกมาเพิ่มเติม (รวมทั้งที่ออกมาแล้วบางส่วน) ควรจะปรับเปลี่ยนวิธีการให้คนเข้าถึงได้สะดวกง่ายดายขึ้น โดยต้องคำนึงว่า นี่คือสถานการณ์สงคราม
ในยามสงคราม จะมัวให้ประชาชนดำเนินการตามกฎระเบียบปกติ เพื่อขอรับความช่วยเหลือ ไม่ได้เด็ดขาด
ทุกมาตรการที่ออกมา ควรตระหนักถึงสถานการณ์นี้
ยกตัวอย่างที่ดี
ล่าสุด ธนาคารออมสิน ประกาศช่วยลูกค้าเงินกู้ ให้พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย อัตโนมัติ เป็นเวลา 3 เดือน
โดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน ธนาคาร จัดให้ทันทีเริ่ม 1 เม.ย. ถึง 30 มิ.ย.2563
สำหรับลูกค้าสินเชื่อปกติจนถึงค้างชำระไม่เกิน3 เดือน ณ 31 มีนาคม 2563 โดยไม่ต้องแจ้งการเข้าร่วมหรือลงทะเบียนใดๆ
หากไม่ต้องการเข้าร่วม สามารถชำระได้ตามปกติ (เอาคนส่วนน้อย ที่จะต้องแจ้ง)
ขอชื่นชมผู้บริหาร ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รวมไปถึงระดับนโยบาย ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง และรัฐบาลลุงตู่ ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้
ขอสนับสนุนให้มาตรการอื่น ดำเนินการโดยใช้วิธีการเช่นนี้
กล่าวคือ ลดการต้องเข้าไปลงทะเบียนให้เหลือน้อยที่สุด (ยกเว้นที่จำเป็นจริงๆ) เพราะคนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบกันมากมาย คนที่จะไม่เข้าโครงการ ค่อยเป็นข้อยกเว้น
วิธีคิดเช่นนี้ จะลดต้นทุนค่าดำเนินการ
และที่สำคัญ ลดความเสี่ยงที่จะแออัด ติดเชื้อ เพิ่มความตึงเครียดในสังคม
รัฐบาลจะได้ใจประชาชนกลับไปอีกกองใหญ่ๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี