วิกฤติไวรัสโควิด-19 ที่ถาโถมเข้าสู่ประเทศไทยทำให้ภาคเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างหนัก ตั้งแต่การบริโภคภายในประเทศที่ลดลง ไปจนผลกระทบจากมาตรการการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำที่อย่าว่าถึงแค่เรื่องการกักตุนอาหาร เพียงค่าใช้จ่ายในครัวเรือนแบบวันต่อวันในสภาวะแบบนี้ก็ยากเต็มกลืน อย่างไรก็ตามในช่วงกักตัวอยู่บ้านตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ประกาศรายวันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเรื่องนี้จะนำไปสู่ความยากง่ายต่อการบริหารจัดการ ในส่วนของเรื่องค่าครองชีพรัฐบาลก็ได้ออกหลายมาตรการที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยพยุงประชาชน และเศรษฐกิจโดยรวมได้อีกสักระยะหนึ่งหรือไม่?
ลองมาดูกัน
ที่ตั้งแต่การออกมาตรการช่วยเหลือเป็นเงินอุดหนุนสำหรับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติไวรัสโควิดจะให้ด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็นรายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน ที่เดิมอุดหนุน 3 เดือน รวมเงินต่อหัว 30,000 บาท ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่นอกระบบประกันสังคม แม้จะมีอุปสรรคในเรื่องการกรองผู้ลงทะเบียนไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรการที่ทำให้ประชาชนได้หายใจสะดวกขึ้น และยังเป็นโอกาสของหน่วยงานภาครัฐที่จะได้เก็บข้อมูลและปัญหาของประชาชน
นอกนั้นยังมีการอนุมัติกรอบวงเงินกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลัง สามารถกู้เพื่อบริหารเศรษฐกิจได้ในวงเงิน 1 ล้านล้านบาท มีการออกพ.ร.ก.ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย จัดตั้งกองทุนขึ้นมาดูแลตลาดตราสารหนี้เอกชนวงเงิน 4 แสนล้านบาท และให้อำนาจ ธปท. จัดสรรสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งมีจำนวนประมาณ 1.7 ล้านรายรวมถึงการอนุมัติงบฯกลางเพื่อจัดซื้อและกระจายหน้ากากอนามัยจำนวน 801 ล้านบาท ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่
ในด้านการอุปโภคก็มีมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า สำหรับบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์สามารถใช้ไฟฟรีได้ถึง 90 หน่วยต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษยนถึงมิถุนายน และมีมาตรการขยายเวลาการชำระค่าไฟฟ้าประจำเดือนเมษายนถึงมิถุนายนออกไปได้อีก 6 เดือน ทำให้ประชาชนสามารถลดค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการคืนค่ามัดจำมิเตอร์ที่มีการดำเนินการในระยะแรก และในวันที่ 10 เม.ย.นี้ยังมีการเปิดให้ลงทะเบียนรับเพิ่มอินเตอร์เนตทุกเครือข่ายฟรี 10 GB และเพิ่มความเร็วอินเตอร์เนตบ้านให้เป็น 100 Mbps เพื่อเป็นการอุดหนุนค่าบริการอินเตอร์เนตแก่ประชาชนใช้เพื่อสนับสนุนการเรียนและการทำงานที่บ้านในช่วงสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้ยังมีการเลื่อนการเปิดเทอมภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จากปกติจะต้องเปิดเรียนในวันที่ 16 พ.ค. ไปเป็นวันที่ 1 ก.ค. เพื่อลดการเดินทางและการอยู่รวมกันในพื้นที่แออัดตามนโยบายการเพิ่มระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ช่วงเวลาวิกฤติที่ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใดการออกนโยบายและมาตรการของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือคงออกมาเป็นระลอกเพื่อประคับประคองสถานการณ์ตามความจำเป็น
นอกจากนั้นแล้วมาตรการช่วยเหลือทางสังคมสำหรับผู้ยากไร้ หรือประสบปัญหาที่อยู่อาศัย รมว.น้ำดีของรัฐบาลนี้อย่างนายจุติ ไกรฤกษ์ ก็ได้ออกมาตรการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่จัดหาที่พัก และอาหารฟรี 3 มื้อให้แก่ผู้ประสบปัญหา ซึ่งมีที่รองรับกว่าพันคน ในส่วนนี้ถือว่าเป็นการเปิดทางออกให้กับชีวิตผู้ประสบปัญหาต่างๆ ได้ รวมถึงจะมีการส่งเสริมอาชีพต่อไปด้วย ซึ่งก็สอดรับกับการเคหะแห่งชาติ และสถานธนานุเคราะห์ ภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่ออกมาตรการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ทั้งการพักชำระหนี้ งดเว้นค่าเช่าบ้าน หรือการลดค่าเช่าแผงค้าขายในโครงการของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งนับว่าเป็นมาตรการที่แบ่งเบาภาระของประชาชนไปได้
ทั้งหมดที่รัฐบาลพยายามทำถือเป็นเรื่องที่ดีแต่อีกหลายภาคส่วนของรัฐบาลก็ยังมีคำถามหลายข้อจากภาคประชาชน โดยเฉพาะภาคส่วนที่มีหน้าที่กำกับควบคุมโดยตรงอย่างเช่น กระทรวงพาณิชย์ ที่กำลังเป็นเป้าของสังคมหลังจากเหตุการณ์หน้ากากอนามัย ตอนนี้ก็มาต่อด้วยเรื่องของการควบคุมราคาสินค้าโดยเฉพาะสินค้าจำเป็นในช่วงเวลานี้ เช่น ราคาแอลกอฮอล์ ราคาไข่ไก่ รวมไปถึงการไล่จับกุมร้านค้าออนไลน์ที่ขายเกินราคาก็เป็นงานส่วนหนึ่งในด้านปราบปราม แต่ก็อาจถูกมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุหรือไม่? สิ่งสำคัญคือการทำให้สินค้าในตลาดไม่ขาดแคลนมาก เพราะหากไม่ขาดแคลนย่อมไม่เกิดการโก่งราคา
และต้องเข้าใจว่าในช่วงวิกฤติอย่างนี้ ประชาชนต่างมีความวิตกกังวลจนนำไปสู่การกักตุน ทำให้สินค้าหลายอย่างขาดแคลน เช่น สินค้าอุปโภค-บริโภคกระทรวงพาณิชย์จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยเหลือและควบคุมให้มีสินค้าเพียงพอ และควบคุมไม่ให้ราคาสินค้าขายเกินราคาแต่ก็นับเป็นเรื่องยาก และยิ่งเป็นการเปิดช่องว่างให้ฝ่ายการเมืองที่ยังเล่นการเมืองโจมตีอย่างต่อเนื่อง
แต่จะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจสภาพที่แท้จริงและเสพสื่ออย่างถูกต้องด้วยข้อมูลหรือข้อเท็จจริง เพื่อเป็นแบบแผนในการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ก็นับเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลจริงๆ ในเรื่องการสื่อสารกับประชาชนแม้จะไม่ได้ทำให้วิกฤติผ่านพ้นแต่การแก้ไขเรื่องเล็กๆพื้นฐานก็ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาล จะทำอย่างไรให้การสื่อสารผลงาน สิทธิประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลไปถึงประชาชน เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของสำนักโฆษกรัฐบาลต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อช่วงชิงพื้นที่สื่อด้วยข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และทีมโฆษกของทุกกระทรวงต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในเวลานี้
ที่ผ่านมาประชาชนศรัทธาในความเด็ดขาดของรัฐบาลในการบริหารงาน และเชื่อมั่นว่าตลอดระยะเวลาวิกฤติที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขวิกฤตินั้นๆ แต่ต้องเข้มข้นและไม่อ่อนแรง ประเทศไทยได้เปรียบในเรื่องอุตสาหกรรม และคุณภาพของบุคลากรทางการแพทย์ที่เหนือกว่าชาติอื่นๆ แม้ไทยจะพบเชื้อโควิดเป็นประเทศแรกๆ ของโลกแต่ก็ยังคงสถานะการแพร่ระบาดและเสียชีวิตของประชาชนได้อยู่ในระดับที่ต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่พบเชื้อและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว วิกฤติไวรัสโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีคิดของผู้คน การทำงานของรัฐบาลก็ต้องเด็ดขาด รวดเร็ว วิถีชีวิตการทำงานบนโลกออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็วทำให้ประเทศไทยมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่จะก้าวกระโดดในอนาคตอย่างแน่นอน
รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้การพัฒนาทางเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการปฏิบัติงาน โควิด-19 ทำให้เราได้เห็นว่าคนไทยยังพร้อมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สถาบันครอบครัวกลับมาเป็นพื้นที่ที่เข้มแข็งอีกครั้งเมื่อคนกลับบ้าน อยู่บ้าน ครอบครัวก็สมบูรณ์ขึ้น พร้อมหน้าพร้อมตา ความอบอุ่นในครอบครัวกลายเป็นพลัง และความหวังถึงวันที่วิกฤติจะผ่านพ้นก็คงอยู่อีกไม่ไกลเพียงแค่เราร่วมใจ ประเทศไทยต้องชนะ!....
“เมื่อมิได้พิเคราะห์ให้ตระหนักก่อน ด่วนมาโกรธฉะนี้ก็จนใจ”
ขงเบ้ง สามก๊ก ฉบับวณิพก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี