ในประเทศไทย ตัวเลขผู้ป่วยและผู้หายป่วยออกจากโรงพยาบาลเป็นที่พอใจ เทียบกับเพื่อนบ้านในอาเซียน แต่รัฐบาลก็ไม่ประมาทค่อยๆ เปิดประเทศ ยังเป็นห่วงเรื่องปากท้องของประชาชน โดยผ่อนปรนเป็น 4 ระยะ ระยะละ 14 วัน ค่อยๆ
ลดการ์ด สัปดาห์นี้เริ่มผ่อนระยะที่ 1 แต่ถ้าคนไทยมีวินัย :
1. ปฏิบัติตัวห่างทางสังคม
2. ใส่หน้ากาก
รัฐบาลยังวินิจฉัยโรค (test) และติดตามกรณีผู้เสี่ยง (trace) ตลอดเวลา ตัวเลขของไทยไม่น่าเพิ่มขึ้นเช่นในบางประเทศ
เรื่องสิทธิประโยชน์การประกันสังคม ซึ่งลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมีมากกว่า 10 ล้านคน ขอรับสิทธิ์ว่างงานได้ 62% ของรายได้ 15,000 บาท เพียงแค่ล้านคน แต่ข้าราชการทำงานช้ามากคือได้รับเงินไปแล้วแค่ 5 แสนคนเรียกว่ากระทรวงแรงงานทำงานช้า มีกฎระเบียบมากมายน่าจะถึงเวลาปฏิรูปสำนักงานประกันสังคมได้แล้ว โดยนำ AI ปัญญาประดิษฐ์มาช่วย
วิตกว่ามีเงินพอหรือไม่ มีเงิน 2 ล้านล้านบาท แต่มีบางอย่างที่น่าสนใจเช่น ยุคคุณทักษิณเป็นนายกฯ ได้ขอให้ลดสัดส่วนของรัฐบาลที่ต้องจ่ายจาก 5% ลงเหลือ 2.75% และบางปีรัฐบาลก็สมทบเงินไปไม่ครบ ในขณะที่ นายจ้าง ลูกจ้าง ส่งเงินครบถ้วนตลอดเวลา
เรื่องประกันสังคม น่าจะใช้โอกาสนี้ดูแลประชาชนในระยะยาว เช่น
ปรับให้เป็นองค์กรอิสระแต่ยังอยู่ในการกำกับของกระทรวงแรงงานต่อไป ให้มีเจ้าหน้าที่มืออาชีพมากขึ้น เพราะวัฒนธรรมของกระทรวงแรงงานมาจากมหาดไทย เน้นกฎหมาย กฎระเบียบ เจ้าหน้าที่ประกันสังคมน่าจะเป็น มีอิสระในการบริหารงานแบบมืออาชีพ
ขอฝากให้กระทรวงแรงงานในการพัฒนาฝีมือ หรือความรู้ของแรงงานในระบบมากขึ้น เพิ่มทักษะ Skill ใหม่ๆ ใช้ Digita มากขึ้น และที่สำคัญน่าจะเป็นหน่วยงานที่ดูแลการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วย ปัจจุบันไม่ชัดเจนว่าใครดูแลเรื่องนี้
ควรเป็นหน้าที่หลักของกระทรวงแรงงานสำหรับแรงงานที่อยู่ในระบบ ให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ช่วงที่ผมเป็นประธาน APEC HRD รัฐบาลไต้หวันได้เชิญผมไปบรรยายเรื่องนี้ เพราะไต้หวันมีกฎหมายท้องถิ่นและส่วนกลางรัฐบาลเก็บภาษีเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิตและกฎหมายในไทยเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิตของแรงงานในระบบยังไม่มี
ในวิกฤติ COVID-19 ครั้งนี้จะเห็นได้ว่าแรงงานนอกระบบมีจำนวนมาก กระทรวงแรงงานน่าจะเพิ่มบทบาทในการดูแลแรงงานนอกระบบมากขึ้น มีจำนวนแรงงานนอกระบบมากกว่า 15 ล้านคน รวมถึงผู้มีความรู้แต่มีอาชีพอิสระแต่กระทรวงอื่นๆ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ดูแลเป็นส่วนใหญ่
บทบาทของกระทรวงแรงงานน่าจะสำคัญขึ้นหลังจาก COVID-19 บทบาทของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ไม่ชัดเจนเพราะเป็นเพียงสวัสดิการ แต่ยุคหลัง กระทรวง พม. มีการทำงานเด่นขึ้นมีผลงานชัดเจน เช่น ดูแลเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีจำนวนมาก และต้องการความช่วยเหลือในอนาคตต้องทำงานร่วมกับกระทรวงแรงงานมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องแรงงานสูงอายุช่วง 60-65 ปี หรือ 65-70 ปี ไม่ควรมองว่าเป็นแรงงานเกษียณอายุเท่านั้น ควรคิดแบบญี่ปุ่น
65-75 ปี แก่ยังหนุ่ม
75-85 ปี แก่ปานกลาง
85-95 ปี แก่จริง
น่าเสียดายที่กระทรวงแรงงานไม่ได้พัฒนาคนวัย 60-70 ปี ให้เป็นทุนมนุษย์ที่มีค่า และใช้ประสบการณ์ช่วยประเทศต่อไป แต่ยกไปให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดูแลคนสูงอายุ ซึ่งเน้นด้านสวัสดิการ แต่ไม่ได้ลงทุนในมนุษย์ให้คนกลุ่ม 60-70 ปี มีมูลค่าเพิ่มต่อประเทศ ซึ่งประสบการณ์ของคนไทยวัย 60-70 ปี มีมากมาย บวกกับการฝึกทักษะบางอย่างเช่น เป็นที่ปรึกษา ด้านดิจิทัล การสอนหรือวิจัย ในการช่วยชุมชน ทักษะเหล่านี้จะมีค่ามหาศาลจะช่วยประเทศได้มาก
ในระดับต่างประเทศ เช่น อเมริกาอีกแล้ว บทเรียนที่สำคัญ คือ การเมืองไม่สนใจวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ตัวเลขของบางรัฐสูงอยู่ ผู้นำสนับสนุนการเปิดประเทศให้ทำธุรกิจ บางรัฐเน้นนโยบายการเมืองมาก่อนชีวิต ล่าสุดตัวเลขผู้ป่วยและผู้ตายของสหรัฐเพิ่มขึ้นมาก วันที่ผมเขียนผู้ตายมีจำนวนกว่า 72,000 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 7 พ.ค. 2563) และมีการคาดคะเนจากแบบจำลองของ UW ว่า ถ้ายังไม่เปิดประเทศเร็วเกินไป คาดว่าคนตายสูงสุดแค่ 64,000 คน ปัจจุบันเมื่อเปิดให้รัฐต่างๆ ทำธุรกิจได้ ตัวเลขการตายสูงขึ้น และถ้าเปิดกิจการทางเศรษฐกิจในรัฐต่างๆ มากขึ้น แบบจำลองของ UW คาดคะเนว่าคนจะตายถึง 134,000 คน ในเดือนสิงหาคม ซึ่งตัวเลขที่สูงมาก แต่การเมืองยังไม่เห็นด้วยกับการแพทย์ เพราะต้องการคะแนนนิยม
เปรียบเทียบกับประเทศนิวซีแลนด์ ก็ใช้นโยบายปิดประเทศ ซึ่งทำได้ผล ณ วันนี้ ไม่มีคนป่วยเพิ่มขึ้นถึง 14 วันติดต่อกัน ประเทศนิวซีแลนด์จึงเปิดประเทศได้อย่างสมบูรณ์ น่าชมเชยนายกฯของนิวซีแลนด์
Gretchen Whitmer Governor of Michigan
ประท้วงล็อกดาวน์รัฐมิชิแกนเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563
ประท้วงล็อกดาวน์รัฐมิชิแกนเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563
ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน เป็นผู้หญิงชื่อ วิทเมอร์ ซึ่งกล้าหาญมากตัวเลขผู้ป่วยในรัฐของเขายังไม่ลดลง ยังกล้าปิดรัฐต่อไป ทั้งๆ ที่มีผู้คนไม่พอใจประท้วง มีปืน กดดันให้ความหวาดกลัว แต่เธอก็ไม่เกรงกลัว ยังปิดรัฐต่อไป ความเป็นผู้นำของวิทเมอร์ทำให้มีผู้สนับสนุนอยากให้ผู้สมัครประธานาธิบดีของสหรัฐฯ โจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต เลือกเธอเป็นรองประธานาธิบดี
บทเรียนจากสัปดาห์ที่แล้วคือ ผู้นำสหรัฐ ทรัมป์ ซึ่งผิดพลาดหลายด้าน เช่น ปิดประเทศช้าไป แต่ตัวเลขในสหรัฐ
ช่วงแรกไม่มากนัก ยังพูดชื่นชม สี จิ้น ผิง มากกว่า 10 ครั้งว่าเป็นเพื่อนกัน และจีนทำได้ดีที่อู่ฮั่น และยังชื่นชม องค์การอนามัยโลก (WHO) ด้วย แต่เมื่อตัวเลขของสหรัฐสูงขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ทรัมป์ก็หาแพะรับบาปด้วยการโทษคนอื่น เช่น โทษจีนว่า ไวรัสโควิด-19 หลุดจากห้องแล็บของอู่ฮั่น ฝ่ายข่าวกรองก็บอกว่าไม่จริง สร้างปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศ และอาจหมายถึงผลกระทบทางลบต่อประเทศอื่นๆ ด้วย
คงต้องติดตามต่ออีก แต่ที่ประมาทไม่ได้คือ
1. โรคนี้ไม่มีใครรู้จริง ต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน
2. วัคซีนยังไม่มี แต่วิจัยอยู่ คาดว่า 12-18 เดือน จึงอาจได้ผล ต้องอยู่กับโรคนี้อีกนานอย่างน้อย 2 ปี
3. อันตรายจากประเทศยักษ์ใหญ่สู้กันทางการเมืองอาจกระทบประเทศไทยซึ่งอันตรายมาก
4. ที่น่าเศร้าคือโลกควรต้องสามัคคีช่วยกัน แต่ปัจจุบันประเทศมหาอำนาจไม่สามัคคีอาจมีผลร้ายต่อประเทศเล็กๆ อย่างไทย อย่าประมาท
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี