เราทุกคนต่างร่วมหวังกันไว้ว่า สังคมไทยจะสามารถฟันฝ่าวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ไปได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งในมาตรการอยู่โยงที่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กันทั่วหน้า ก็ได้ให้ประสบการณ์ใหม่ๆ ถือเป็นบทเรียนชีวิตที่ดี ที่จะนำไปสู่การวางตัวการดำเนินชีวิตหลังเหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19 กันได้ดียิ่งขึ้น
และอะไรที่น่าจะเป็นเส้นทาง สำหรับชีวิตใหม่ ของเรากันบ้าง
เริ่มกันที่บ้าน ที่ทุกๆ ครอบครัว คงจะตระหนักกันอยู่แล้วว่า บ้านช่องต้องโปร่งใส สะอาดสะอ้าน เนื้อตัวเราก็ต้องดูแลให้ดีด้วย บริโภคอาหารต่างๆ ก็กินแต่พอเหมาะ พอตัว พอเพียง โดยความสุขนั้นสามารถหาได้ภายในครอบครัว ไม่ต้องดิ้นรนกันออกไปนอกบ้าน ไปพึ่งพาแสงสี หรือสิ่งเย้ายวนนอกบ้านให้วุ่นวาย
ส่วนการเดินทางประจำวันเพื่อออกไปทำธุระ หรือไปเรียนนั้น เราคนไทยก็หวังว่ายานพาหนะสาธารณะ สถานที่ทำงาน และสถานที่สาธารณะต่างๆจะไม่แออัด และต้องมีความสะอาดสะอ้าน สถานที่สาธารณะต่างๆ ต้องจัดให้มีการบริการด้าน การวัดอุณหภูมิเจลล้างมือ และน้ำยาฆ่าเชื้อกันอย่างครบครัน
เราก็หวังด้วยว่าเวลาทำงานและเวลาเล่าเรียนในอนาคตอันใกล้นั้น จะมีความยืดหยุ่น มีการจัดเวลาทยอยแบ่งคนเข้า-ออกเพื่อความปลอดภัย ในขณะเดียวกัน เราก็หวังว่าวิธีการทำงานและการเรียน จะมีการผสมผสานระหว่างการทำงานที่บ้านส่วนหนึ่ง และการทำงาน ณ ที่ทำงานอีกส่วนหนึ่ง เพื่อเป็นการลดความแออัด และประหยัดค่าเดินทางด้วย ซึ่งก็มีนัยว่าเจ้าของกิจการต่างๆ จะสามารถจัดกลุ่มพนักงานที่เป็นแกนจริงๆ เพื่อประจำที่ทำงาน กับกลุ่มที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นรอบๆ ไป
ในขณะเดียวกัน สถานที่สาธารณะ เช่น สนามกีฬาห้างสรรพสินค้า และลานซื้อขายสินค้า สถานบันเทิงหลากชนิด ไปจนถึงโรงพยาบาล สถานบริการประชาชนของราชการ ก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยน ปรับปรุง ทางเดินที่พักรอ ที่จ่ายสินค้าและที่จ่ายเงินกันใหม่หมด เพื่อลดความแออัด
ทั้งนี้ โรงงานก็ดี สถานที่สาธารณะต่างๆ ก็ดี ก็ถึงเวลาที่จะต้องติดตั้งระบบกรองอากาศ โดยเพิ่มช่องลม ช่องแสง ให้มากขึ้น โดยเฉพาะเพื่อการถ่ายเทของอากาศ
นอกจากนั้น เราควรตระหนักได้แล้วว่า เมื่อสัตว์ที่นำมาเลี้ยงเป็นอาหารประจำวันนั้น จะเป็นหมู เป็ด ไก่ วัว ควาย แพะ และแกะ มักต้องมีชีวิตอยู่กันอย่างแออัด และก่อนจะนำมารับประทานได้ ก็ต้องผ่านการทำลายชีวิต ที่เต็มไปด้วยเลือด หนัง และกระดูก ซึ่งกลายเป็นแหล่งบ่อเกิดแห่งเชื้อโรคได้ง่าย และสุดท้ายก็มีความสามารถในการแพร่ขยายสู่มนุษย์อย่างรวดเร็ว อีกทั้งมนุษย์เรายังบริโภคสัตว์ป่าต่างๆ บ้างก็เอามาทำยาชูกำลังอีกด้วย ซึ่งเชื้อโรคเชื้อรา หรือเชื้อไวรัสที่ฝังตัวอยู่ในสัตว์เหล่านี้พร้อมที่จะกลายพันธุ์ เพื่อกระโดดข้ามมาที่ตัวมนุษย์ผู้บริโภค การที่เรายังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่ามนุษย์นั้นเชื้อเชิญโรคร้ายให้เข้ามาสู่ตนเองอยู่ทุกวี่ทุกวัน
ฉะนั้น เราก็คงถึงเวลาที่จะค่อยๆ ทยอยเปลี่ยนไปเน้นการบริโภคผัก ผลไม้ และปลา มากกว่าการทานเนื้อสัตว์หรือบริโภคสัตว์ป่ากันได้แล้ว สัตว์ต่างๆ ส่วนใหญ่นั้นบริโภคพืช ผลไม้ หญ้า เป็นหลัก และเราก็บริโภคสัตว์นั้นต่อ แล้วเหตุใดเราจึงไม่ข้ามการบริโภคสัตว์เหล่านี้ แล้วไปบริโภคพืช ผลไม้โดยตรงจะไม่ดีกว่าหรือ
ส่วนการบริโภคพืชผลนั้น เราก็คำนึงได้ว่ามีหลายชนิด ที่ปลูกขึ้นจากการไปรุกราน ตัดไม้ทำลายป่าก็ถือว่าเป็นการรังแกสัตว์ รังแกธรรมชาติแวดล้อม และเพิ่มโลกร้อนไปในตัว สุดท้ายก็ย้อนกลับมาทำลายมนุษยชาติ
ทางอ้อม เราเองก็ต้องคิดที่จะบริโภคเฉพาะพืช ผลไม้ที่ไม่ทำลายป่า และไม่ใช้เคมีภัณฑ์
นอกจากนั้น ตามประเพณีไทยวันพระทุกสัปดาห์ ชาวพุทธจะละเว้นบริโภคเนื้อสัตว์กัน แต่ก็มักหลงๆ ลืมๆ กันไปบ้าง ฉะนั้น ณ วันนี้จากกรณีโรคร้ายโควิด-19 เราในฐานะพุทธศาสนิกชน ก็น่าที่จะได้เริ่มกลับไปปฏิบัติตนละเว้นการทานเนื้อสัตว์ในวันพระก็น่าจะดี โดยผู้ที่ทำอยู่แล้ว ก็อาจจะเพิ่มวันละเว้นเนื้อสัตว์อีกในสัปดาห์หนึ่งๆ ก็ยิ่งดี
นอกจากนั้น เราก็มีฤดูถือศีลกินเจ โดยปีหนึ่งก็ถือกัน 9 วัน ผู้ใดที่ทำกันแล้ว ก็ลองขยับขยายถือวันกินเจให้เพิ่มขึ้นนานวันในแต่ละปี หรือจะทำทุกเดือนก็น่าสนใจ ใครไม่เคยปฏิบัติก็น่าลองดู
ในทางเดียวกัน เราก็น่าคิดที่จะซื้อผัก ผลไม้ ในราคาที่สูงขึ้น เพื่อช่วยส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ และลดการพึ่งพาเคมีภัณฑ์ต่างๆ และลดการขยายพื้นที่นาไร่แบบธุรกิจขนาดใหญ่ที่ได้ทำลายป่า และกำลังทำลายกันอยู่ต่อไป
โรคร้ายโควิด-19 เป็นความหายนะสืบเนื่องมาจากการดำรงชีวิตที่ไม่บันยะบันยัง ก็เป็นบทเรียนและประสบการณ์ที่เราจะใช้ชีวิตด้วยความเคารพธรรมชาติและไม่เบียดเบียนสิงสาราสัตว์ และไม่โหดร้ายกับสัตว์เพื่อเป็นอาหารต่างๆ ที่ถูกกักขังทรมาน และถูกฆ่าตายแบบไร้ความเวทนาปรานี
เราชาวพุทธทำได้ไม่ยาก และเราชาวไทยก็ร่วมมือกันทำได้เช่นกัน
ท่านผู้ปกครอง และท่านผู้นำจิตวิญญาณว่าอย่างไร?
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี