ขณะนี้ สโมสรฟุตบอลไทยอาการไม่สู้ดี
เมื่อไม่มีการแข่งขัน ไม่มีแฟนบอลซื้อตั๋วเข้าสนาม ไม่มีรายได้ทำให้กระแสเงินสดที่จะไปหล่อเลี้ยงนักเตะและทีมงาน ก็เปิดปัญหา มาก-น้อย หนัก-เบา แตกต่างกันไปตามสายป่านและหน้าตักของเจ้าของทีมแต่ละทีม
1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการแข่งขันกีฬาอาชีพ
“ศบค. มีกระบวนการขั้นตอนที่จะผ่อนคลายออกมาเป็นลำดับอยู่แล้ว ขอให้เขาหารือกันก่อน ทุกคนก็เสนออะไรเข้ามาได้ อย่างก่อนหน้านี้กลุ่มศิลปินก็มาเสนอให้เปิดเล่นดนตรีได้ภายในร้าน... ทั้งนี้ ตนได้ส่งข้อเรียกร้องไปยังกรมควบคุมโรคให้หาวิธี โดยกระทรวงสาธารณสุขจะต้องให้เหตุผลสนับสนุนว่าจะต้องเกิดความปลอดภัย ส่วนรายละเอียดจะต้องรอจากที่ประชุมศบค. ชุดใหญ่”
2. พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคม เปิดเผยว่
ได้มีการส่งแผนการไปให้ ศบค. พิจารณา เบื้องต้นแล้ว โดยขอ “แข่งแบบปิด” คือ ไม่มีกองเชียร์เข้าสนาม ซึ่งเหมือนในต่างประเทศเวลานี้
แต่ถ้า ศบค. เปิดให้เข้าชมได้ ก็จะมีแผนการรองรับ “แข่งแบบเปิด”ด้วย
เพื่อว่า การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 1 (ลีกสูงสุด) จะเริ่มกลับมาแข่งขันเดือนกันยายน อาจจะมีข่าวดีว่า แฟนบอลสามารถเข้าไปเชียร์ในสนามแข่งขันได้ ภายใต้มาตรการเว้นระยะห่าง เฝ้าระวังควบคุมโรค
3. ขณะนี้ ฟุตบอลอาชีพในต่างประเทศกลับมาแข่งขันกันแล้วโดย “แข่งแบบปิด” ไม่มีกองเชียร์ในสนาม
ผลกระทบที่ตามมา คือ รายได้ของสโมสรหายไปจำนวนมาก จากค่าผ่านประตู การขายสินค้าของที่ระลึกหายไป
นอกจากนี้ บรรยากาศการแข่งขันก็ไม่เร้าใจ เสน่ห์ของกองเชียร์หายไปสิ้นเชิง
4. ล่าสุด บิลด์ สื่อเยอรมนี รายงานว่า ทีมฟุตบอลหลายทีมในบุนเดสลีกา อาทิ บาเยิร์น, ดอร์ทมุนด์, โคโลญจน์ และแอร์เบ ไลป์ซิกเริ่มต้นขั้นตอนการร่างแผนที่จะขออนุญาตให้มีแฟนบอลเข้าชมเกมในสนาม ตั้งแต่ต้นฤดูกาลหน้า
หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเยอรมนี สถานการณ์เริ่มทรงตัว
โดยมีมาตรการเบื้องต้น จะกำหนดให้มีแฟนบอลเข้าชมไม่เกิน50% หรือประมาณ 2 หมื่นกว่าที่นั่ง
ทุกที่นั่งจะต้องรู้ประวัติแฟนบอลที่เข้าชม โดยไม่สามารถโอนเปลี่ยนตั๋วให้คนอื่นมาชมแทน
จะมีการเว้นระยะห่างกันประมาณ 1.5 เมตร
ทุกคนต้องสวมหน้ากากระหว่างชมเกม
จะไม่เปิดร้านอาหารหรือเครื่องดื่มภายในสนาม
ส่วนด้านใน จะมีการแบ่งเป็น 15 โซน แต่ละโซนจุคนไม่เกิน 2,500 คน เป็นต้น
5. น่าคิดว่าฟุตบอลไทยเรา ก็คงจะต้องเตรียมมาตรการเช่นกัน
มิฉะนั้น เปิดแข่งขันเดือนกันยายน หากสถานการณ์ยังต้องเฝ้าระวังอยู่ ก็จะเสียโอกาส เสียเวลา เสียประโยชน์
ขณะนี้ สโมสรได้เริ่มทยอยกลับมาฝึกซ้อม
หลายสโมสร มีนักกีฬาและผู้ฝึกสอนเป็นชาวต่างชาติ ยังไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ และหากมาถึงประเทศไทยก็ต้องกักตัว14 วัน เบื้องต้น นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมชาวต่างชาติที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย มีจำนวนทั้งสิ้น 78 คน จาก 35 สโมสร ประกอบด้วย สโมสรไทยลีก 1 จำนวน 12 สโมสร40 คน, สโมสรไทยลีก 2 จำนวน 7 สโมสร 15 คน, สโมสรไทยลีก3 จำนวน 16 สโมสร 22 คน และหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย 1 คน
นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมชาวต่างชาติ พบว่ามีจากหลายสัญชาติ อาทิ บราซิล ฝรั่งเศส เยอรมันอังกฤษ เซอร์เบีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิหร่าน มาเลเซีย ฯลฯทั้งนี้ การได้รับอนุญาตเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศ และต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเป็นสำคัญ
ส่วนการจัดแข่งขัน จะต้องมีมาตรการอย่างไร ขณะนี้ จะต้องรอสรุปแนวทางการจัดการแข่งขันจาก ศบค.
จะต้องมีการประกาศคู่มือจัดการแข่งขันจากทางภาครัฐเสียก่อน จึงจะสามารถกลับมาแข่งขันได้
6. สรุป 3 ประเด็นสำคัญ คือ
1.ขั้นตอนการนำนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ต่างชาติเข้าประเทศไทย
2.สมาคมเตรียมเสนอแนวทางแข่งขันแบบเปิดอย่างมีเงื่อนไขเพื่อพิจารณาอนุญาตให้แฟนบอลเข้า
และ 3. กรณีการตรวจเชื้อนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมก่อนกลับมาแข่งขันแบบกลุ่ม 10 คน (Pool testing) ที่สามารถตรวจพร้อมกันทีเดียว 10 คน ในชุดตรวจเดียวได้ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการตรวจเชื้อของสโมสรอีกด้วย
7. ขอเอาใจช่วยคนวงการฟุตบอล ให้กลับมาแข่งขันได้โดยเร็ว
แต่อย่าประมาท อย่าละเลยมาตรการป้องกันไว้ก่อน
เพราะหลายประเทศ เริ่มกลับมาระบาดรอบสอง เกิดความเสียหาย และความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนคืน
ขอให้เรารอบคอบ รัดกุม ปลอดภัย จะสบายใจทุกฝ่าย
เบื้องต้น ภาครัฐควรเร่งเข้าไปช่วยดูแลเยียวยานักฟุตบอลอาชีพ เช่นเดียวกับบุคคลในอาชีพต่างๆ รวมถึงสโมสรฟุตบอล เช่นเดียวกับบริษัทธุรกิจในภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ เพื่อสนับสนุนให้ฟุตบอลไทยสามารถเดินต่อไปได้ อันจะเป็นผลดี ทั้งต่อวงการกีฬา การท่องเที่ยว การสันทนาการในสังคมไทยต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี