แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
■■ วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้วยังนำพาให้เราทั้งหลายมั่นคงแน่วแน่ด้วยปณิธานแห่ง “ความกรุณา” เพราะฉะนั้นหากท่านกำลังเผชิญความเหนื่อยยากจากการบำเพ็ญกรณีด้วยความกรุณา ขอจงอย่าลดละหรือท้อแท้ ขอให้ตระหนักแน่วแน่ว่าท่านกำลังเจริญรอยตามพระยุคลบาทของพระองค์...(ความตอนหนึ่งจากคติธรรมของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานเนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันที่ 5 กรกฎาคม 2563)...
■■ ปัญหาการทุจริตในประเทศไทยยังคงฝังรากลึกในทุกภาคส่วนของประเทศนี้ไม่เว้นแม้กระทั่งหน่วยราชการ วัด มหาวิทยาลัย และองค์กรอิสระ แต่ที่น่าแปลกคือ แม้กระทั่งในกระบวนการยุติธรรมของไทย ก็ยังถูกระบุอยู่เสมอๆ ว่ามีบางคนที่อยู่ในกระบวนการนี้ข้องแวะกับการทุจริตในรูปแบบต่างๆ...
■■ ลองย้อนกลับไปดูการทำงานขององค์กรอิสระที่ชื่อ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) โดยเฉพาะในยุคที่มีรัฐบาลซึ่งมาจากการรัฐประหารปกครองประเทศ ปรากฏว่า ป.ป.ช. ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าทำงานโดยไร้อิสระ และไม่ได้ยึดถือความถูกต้องเที่ยงธรรมเป็นเข็มทิศนำทาง...
■■ ผู้วิจารณ์เรื่องนี้รายล่าสุดคือ สมรักษ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและอดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช. คำวิจารณ์ที่หลายฝ่ายเห็นว่าตรงประเด็นมากที่สุดคือคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในยุคนี้ถูกวิพากษ์ว่ามีความใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับ
ผู้มีอำนาจรัฐมากจนผิดสังเกต เหตุผลเนื่องมาจากคณะกรรมการสรรหาถูกมองว่ามีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจรัฐ...
■■ ก็ต้องย้อนกลับไปถามคณะกรรมการของ ป.ป.ช. ยุคนี้ว่า มีความเห็นอย่างไรกับคำวิพากษ์
เช่นนี้ แต่สิ่งที่สาธารณชนสนใจมากที่สุดก็คือ ทำอย่างไร ป.ป.ช. จึงจะสามารถทำงานอย่างอิสระ ไม่ต้องอยู่ภายใต้คำบงการของนักการเมือง หรือผู้มีอำนาจรัฐบางคน แต่ถ้าหากองค์กรอิสระนี้ไม่สามารถเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนได้ ก็มีผู้เสนอแนะให้ยุบองค์กรอิสระนี้ทิ้งไป เพราะการมีองค์กรอิสระ แต่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้โดยอิสระ ถือได้ว่าเป็นการผลาญงบประมาณของประเทศโดยเปล่าประโยชน์...
■■ เรื่องเงินรับบริจาคโดยคนที่อยากเป็นนักการเมือง ที่เรียกตัวเองว่านักการเมืองรุ่นใหม่ ก็ยังเป็นสิ่งที่
สังคมตั้งคำถามกันยกใหญ่ เพราะสงสัยว่านักการเมืองที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เหตุไฉนจึงไม่ทำเรื่องเงินบริจาคให้กระจ่างโปร่งใส ไร้คำครหา อันที่จริงนักการเมืองที่ดี ที่มีความสุจริต ต้องไม่ทำเรื่องแบบลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ และไม่ควรขอรับเงินบริจาคจากประชาชน โดยอ้างว่าจะนำไปบริจาคต่อให้ประชาชน เพราะถ้านักการเมืองมีจิตคิดจะให้โดยแท้จริงแล้ว ก็ต้องสละเงินของตนเอง แต่ที่สุดแสนประหลาดก็คือ ครั้นเมื่อนักการเมืองที่อ้างว่าตนเองเป็นน้ำดี ถูกสังคมตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใสของเงินบริจาค ก็กลับตีโพยตีพายฟ้องร้องผู้ตั้งคำถาม จนเป็นเหตุให้สาธารณชนตั้งคำถามว่า นี่หรือคือพฤติกรรมของนักการเมืองที่อ้างว่าตนเองเป็นคนรุ่นใหม่และเป็นนักการเมืองน้ำดี...
■■ วิญญูชนในสังคมไทยได้ดูการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 โดยนักการเมืองในสภาแล้ว หลายคนบอกว่ารู้สึกวังเวง สาเหตุก็เพราะในการอภิปรายเรื่องสำคัญเช่นนี้ แต่นักการเมืองทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าต่างก็ยังใช้ลูกเล่นเดิมๆ คือ เล่นลิ้นตีฝีปาก ต้องบอกว่ามีนักการเมืองเพียงน้อยนิดมากที่อภิปรายเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้ตรงประเด็น แต่เท่าที่สาธารณชนและวิญญูชนจับได้ก็คือ ส่วนมากใช้วิธีร้อยลิ้นกะลาวน ซึ่งหาแก่นสารสาระไม่พบ...
■■ ต้องบอกว่านักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยในยุคนี้ ยังคงใช้วิธีอภิปรายในสภาเหมือนการโต้วาทีบนเวทีที่หาสติปัญญาไม่ได้ เพราะเรื่องบางเรื่องและคำบางคำซึ่งไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรเลย แต่ก็ถูก สส. จำพวกที่ดูเสมือนคนไร้สตินำเอาประเด็นคำพูดที่ไม่มีสาระออกมาต่อความยาวสาวความยืดจนกลายเป็นสภาบ้าน้ำลาย คนมีปัญญาในสังคมนี้จึงพูดด้วยความหมดหวังว่า เป็นการเปล่าประโยชน์กับการเลือกตั้งแล้วได้คนซึ่งมีสติปัญญาที่ดูแล้วเกือบจะไม่ต่างจากคนเสียสติเข้าไปเป็น สส. ...
■■ คนรู้ทันทักษิณ ต่างรู้ดีว่าการต่อตั้งกลุ่มการเมืองชื่อแคร์ คือกลยุทธ์การเมืองในยุคที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่สนับสนุนให้พรรคการเมืองใหญ่สามารถควบคุมอำนาจรัฐไว้ในกำมือได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหมือนอย่างเช่นรัฐธรรมนูญปี 2540 คนรู้ทันทักษิณฟันธงว่ากลยุทธ์ตั้งกลุ่มการเมืองเล็กๆ ก็คือการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ย่อย สาเหตุที่คอการเมืองฟันธงเช่นนี้ เพราะมีหลักฐาน เชิงประจักษ์ว่าแกนนำของกลุ่มการเมืองอย่างเช่นกลุ่มแคร์ล้วนแล้วแต่เป็นพลพรรคของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้นข้อพิสูจน์เหล่านี้ดูได้จากชื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย,พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลีรวมถึง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมถึงแผนการตั้งอดีตพรรคไทยรักษาชาติ ที่ถูกยุบไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องการเดินเกมการเมืองผิดของทักษิณ แต่หลายคนก็รู้ดีว่าอดีตพรรคไทยรักษาชาติ มีแกนนำคือ จาตุรนต์ ฉายแสง และ พิชัย นริพทะพันธุ์ ซึ่งทั้งคู่ไม่กินเส้น ไม่ลงรอยกับ หญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ดังนั้นการแตกแบงก์ 1,000 เป็นแบงก์ย่อยภายใต้เกมการเมืองที่ถูกชักใยโดยทักษิณ จึงมีเป้าหมายหลายอย่าง เช่น การหวังผลทางการเมือง และการลดปัญหาความขัดแย้งแตกแยกระหว่างแกนนำภายในพรรคที่อยู่ใต้อาณัติของทักษิณ...
■■ ส่วนเรื่องตลกที่หลายคนเห็นแล้วขำกลิ้งก็คือ การเปิดตัวของกลุ่มแคร์ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศตัวชัดเจนว่าอยู่ภายใต้อำนาจบงการของทักษิณ เพราะใช้สถานที่เปิดตัวกลุ่มที่วอยซ์ทีวี แต่อย่างไรก็ต้องถือว่ากลุ่มแคร์มีความน่ารัก เพราะมิได้เล่นละครตบตาประชาชน เหมือนพรรคการเมืองบางพรรคที่ถูกบงการโดยนายทุนบางกลุ่ม แต่กลับอ้างว่าตนเองเป็นอิสรชน...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี