รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้จัดตั้งมาปีกว่าแล้วและถ้านับต่อเนื่องมาจากรัฐบาล คสช. ก็จะเป็นปีที่หกแล้วนับเป็นรัฐบาลที่อยู่ในอำนาจยาวนานมากกว่าหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งมีเงื่อนไขอย่างดีที่จะทำให้บ้านเมืองมีความปรองดองสมานฉันท์ มีความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง
แต่ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองมีความขัดแย้ง แตกแยก แตกสามัคคีอย่างกว้างขวางรุนแรงนั้น การทั้งปวงไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเรียบร้อยหรือง่ายดาย ทุกเรื่องต้องฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามทั้งสิ้น
แต่ทว่าถ้าการดำเนินนโยบายเป็นไปโดยถูกต้อง วิกฤติก็จะลดเป็นหนัก จากหนักก็จะลดเป็นเบา จากเบาก็จะกลับสู่ความเป็นปกติ สู่ความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งได้นี่เป็นกฎธรรมชาติของสังคมมนุษย์
แต่ทว่าวันเวลาผ่านมาถึงปัจจุบันนี้ ความแตกแยกแตกสามัคคีภายในชาติยังคงหนักหน่วงรุนแรงและกว้างขวางมิหนำซ้ำยังมีต่างชาติและคนขายชาติบางกลุ่มสมคบสมรู้กันบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติและสถาบันทั้งหลายอย่างหนักหน่วงรุนแรงขึ้น
โดยไม่มีผู้ใดรับผิดชอบเอาใจใส่หรือแก้ไขปัญหานี้ให้สำเร็จลุล่วงไปเลย แม้กระทั่งพวกที่อ้างความจงรักภักดีต่อบ้านเมือง ความจริงก็ได้เปิดเผยให้เห็นว่าเป็นแค่อ้างความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการสร้างความแตกแยกและเอาชนะกันในทางการเมืองเพื่อประโยชน์เฉพาะหน้าของตนเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อเกิดปรากฏการณ์ที่ขบวนการบ่อนทำลายชาติใช้โซเชียลมีเดียใส่ร้ายป้ายสีบ่อนทำลายบ้านเมืองและสถาบันสำคัญของชาติอย่างคึกคักครึกโครมและเชื่อมเครือข่ายอย่างกว้างขวาง คนพวกนี้กลับเงียบเป็นเป่าสาก ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปล่อยให้การบ่อนทำลายนั้นขยายตัวไปอย่างไม่หยุดยั้ง
นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง จนกระทั่งประชาชนผู้รักบ้านเมืองและจงรักภักดีต่อสถาบันทั้งหลายอดทนไม่ไหว ต้องออกมาโพนทะนาติเตียนและเรียกร้องให้คนมีหน้าที่รับผิดชอบได้ปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ก็ออกไปจากหน้าที่เสีย ซึ่งความไม่พอใจของประชาชนในเรื่องนี้กำลังขยายตัวลุกลามไปอย่างกว้างขวาง
ในระยะเวลาหกปีปรากฏว่าประเทศไทยได้กู้หนี้ยืมสินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และหนี้ครัวเรือนได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ จะเรียกว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ ความยากจนได้ขยายตัวลุกลามอย่างกว้างขวาง ความอดอยากและความไม่มีงานทำก่อให้เกิดความเครียดแก่สังคม จนเกิดเหตุคนไทยฆ่าตัวตายแทบทุกวัน แต่ก็หามีใครนำพาไม่
ความไม่เป็นธรรมในบ้านเมืองท้าทายความรู้สึกของประชาชนอย่างกว้างขวางจนเกิดคำพูดว่ากฎหมายใช้บังคับกับคนจน คุกมีไว้สำหรับขังคนจน ซึ่งสะท้อนให้เห็นความไม่เป็นธรรมที่ใกล้เข้าไปกับสภาพที่อดีตพระมหากษัตริย์ทรงเตือนไว้ว่า “ชาติใดไร้ธรรมอำไพ ชาตินั้นบรรลัยแน่นอน”
ความจริงนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันก็ทรงเตือนไว้อย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรกในบทพระราชปรารภแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าต้นเหตุของวิกฤติของบ้านเมืองนั้นเกิดจากเหตุสี่ประการ คือ การทุจริตหนึ่ง การฉ้อฉลหนึ่ง การบิดเบือนการใช้อำนาจหนึ่ง และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของราษฎรอีกหนึ่ง
รวมความต้นเหตุสี่ประการของวิกฤติบ้านเมืองก็คือความไม่เป็นธรรมนั่นเอง และล่าสุดในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้นายกรัฐมนตรีก็ได้แถลงข่าวให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยอาณาประชาราษฎร ทรงเน้นย้ำให้รัฐบาลสร้างความเป็นธรรมในบ้านเมือง
ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่สะท้อนว่าความอันปรากฏในบทพระราชปรารภแห่งรัฐธรรมนูญนั้นยังมิได้มีการปฏิบัติหรือกำจัดต้นเหตุแห่งวิกฤติของบ้านเมืองเลย
ดังนั้นด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณและพระมหากรุณาธิคุณแก่อาณาประชาราษฎรจึงทรงเตือนย้ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งควรที่ผู้มีความจงรักภักดี ผู้มีความซื่อตรงต่อความสัตย์อันได้ถวายสัตย์ไว้ต่อหน้าพระพักตร์ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์และความสุขของประเทศชาติและราษฎร จะต้องประพฤติปฏิบัติให้สำเร็จ
ความเป็นธรรมในบ้านเมืองเป็นเรื่องความเป็นความตายของบ้านเมืองอย่างหนึ่ง ดังนั้น อดีตสมเด็จพระมหากษัตริย์จึงทรงย้ำเตือนไว้ให้เป็นคติเตือนใจคนทั้งปวงว่า “ชาติใดไร้ธรรมอำไพ ชาตินั้นบรรลัยแน่นอน”
นอกจากเรื่องความเป็นธรรมแล้วก็ยังมีเรื่องปากท้องของราษฎร ซึ่งเป็นผลของการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งห้วงเวลาที่ผ่านมาก็มีเสียงกึกก้องกังวานให้ได้ยินได้รู้กันทุกวี่วันว่าอย่าเอาแต่อุ้มคนรวย ไม่ช่วยคนจน เพราะคนจนกำลังจะไม่มีกิน กำลังอดอยาก และกำลังจะทนไม่ไหวแล้ว
ในที่สุดก็เกิดระบบความคิดกู้มาแจก ส่งเสริมให้คนไม่ทำงาน ให้ฝักใฝ่ในการเที่ยวเตร่ใช้จ่ายเงินทอง โดยมีเงินงบประมาณเป็นเครื่องล่อใจให้เอาเงินก้นถุงก้นบ้าน แม้กระทั่งการก่อหนี้ยืมสินเพื่อเอาไปเที่ยวเตร่ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
แต่ในที่สุดความจริงก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ากระแสเงินมิได้มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเลย เพราะกระแสเงินไหลไปรวมตัวอยู่ที่บรรดาเจ้าสัวเพียงไม่กี่ราย และเพียงไม่กี่ปีบรรดาเจ้าสัวไม่กี่รายนี้ก็รวยล้นฟ้าล้นแผ่นดินชนิดที่ไม่มีคนรวยที่ไหนสามารถสร้างความร่ำรวยได้ถึงปานนี้
หนี้สินของชาติเพิ่มพูนขึ้น หนี้สินครัวเรือนก็เพิ่มพูนขึ้น กิจการน้อยใหญ่ของราษฎรถูกทุนใหญ่ทำลายจนราบคาบ แม้กระทั่งแม่ค้าขายข้าวไข่เจียวก็ยังถูกแย่งอาชีพ เป็นผลให้คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศลำบากยากจน ไม่มีงานทำ
ยิ่งโควิด-19 ระบาดก่อเกิดเป็นวิกฤติใหม่ขึ้นในโลกในขณะที่ประเทศไทยไม่เป็นแหล่งแพร่ระบาดแล้ว ก็กลับมีผู้ฉวยโอกาสทำมาหากินกับเงินแผ่นดิน ในขณะที่ธุรกิจและราษฎรทั่วไปทำธุรกิจไม่ได้ จึงเป็นวิกฤติซ้ำวิกฤติจนเป็นวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในทางการเมือง การส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจไม่ประสบความสำเร็จ คนไม่ดีกลับฮึกเหิมลำพองสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจและความเดือดร้อนให้แก่อาณาประชาราษฎรทุกหย่อมหญ้า
มิหนำซ้ำ ในการต่างประเทศบ้านเมืองก็ถูกเบียดเบียนข่มเหงรังแกจากต่างชาติ โดยอาศัยคนไทยน้ำใจทาสที่ฝักใฝ่เอาประเทศไทยไปเป็นชาติของชาติอื่น ตั้งตนเป็นฝักฝ่ายเป็นลูกไล่ของต่างชาติจนตัดทางทำมาค้าขายของบ้านเมือง ไม่ทำมาค้าขายกับประชากรค่อนโลก ทำแต่สิ่งที่ถูกต่างชาติบงการและหนักข้อขึ้นทุกวัน จนเกิดกระแสชาตินิยมขยายตัวไปอย่างกว้างขวาง
ยิ่งประเทศไทยมาถึงความเสี่ยงที่จะเป็นฝักฝ่ายในการสงครามใหญ่ที่ประเทศไทยอาจถูกใช้เป็นฐานทัพหรือฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ให้กับคู่ขัดแย้งของโลก ซึ่งจะมีผลธรรมดาที่ประเทศไทยจะต้องตกเป็นเป้ากระสุนตกของอาวุธนิวเคลียร์ของคู่สงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ยิ่งสร้างความหวาดวิตกให้แก่ประชาชนโดยทั่วไป
สถานการณ์เหล่านี้กำลังเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่กำลังจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นภารกิจอันสำคัญยิ่งยวดที่นายกรัฐมนตรีจะต้องแบกรับไว้และต้องรับผิดชอบอย่างเต็มเปี่ยม
สถานการณ์เหล่านี้จะกำหนดภาระหน้าที่ในการสรรหาคนเก่งคนกล้ามีสติปัญญาความสามารถที่มีความจงรักภักดีต่อบ้านเมืองและมีน้ำใจรักราษฎรเข้ามาเป็นเสนาบดีเพื่อนำบ้านเมืองออกจากวิกฤติและสถานการณ์ทั้งหลายดังกล่าว
ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ต้องกอบกู้บ้านเมืองกันแล้ว ดังนั้นการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จึงมีความสำคัญที่ดูเบาไม่ได้ หรือคำนึงถึงแต่เรื่องการเมืองอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี