ขอฝากเรื่องที่จะพูดในวันนี้ไปให้รัฐบาลที่กำลังเริ่มต้นในการบริหารบ้านเมือง ได้นำไปพิจารณาด้วยว่าในการบริหารบ้านเมืองอันจะก่อประโยชน์สุขแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าในประเทศนั้น อย่าใช้วิธีการเพียงแจกโน่นแจกนี่ ให้นั่นให้นี่อย่างที่เคยทำกันมา โดยไม่ยึดหลักการสำคัญในการพัฒนาเพื่อให้ทุกคนยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง ช่วยตัวเองได้ในชีวิตความเป็นอยู่
ขอให้บริหารบ้านเมืองแบบที่ให้เบ็ด ซึ่งเป็นเครื่องมือในการเลี้ยงตัวเองได้ เหมือนอย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงเคยแนะนำไว้จากประสบการณ์ในการทรงงานของพระองค์ที่ผ่านมา
พระองค์ท่านได้ทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำ และมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่พสกนิกร ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ศาสนาใด หรืออยู่ห่างไกลสักเพียงใด ก็มิทรงย่อท้อ เข้าไปช่วยเหลือราษฎรทั้งด้านสาธารณสุข การศึกษา สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน การเกษตร การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทรงคิดค้นแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างแยบยล
การทรงงานของพระองค์ท่าน ทรงยึดการดำเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล้องกับสิ่งที่อยู่รอบตัว และสามารถปฏิบัติได้จริง ทรงคิดค้นหาแนวทางพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ประโยชน์ของประชาชนสูงสุด
ทรงคิดค้นทั้งข้อมูลจากเอกสาร สอบถามเจ้าหน้าที่นักวิชาการ และราษฎรในพื้นที่ เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพื่อทรงช่วยเหลือตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่นั้นๆ
ทรงมองปัญหาในภาพรวมก่อนเสมอ แต่การแก้ไขปัญหาของพระองค์จะเริ่มจากชุดเล็กๆที่คนมักจะมองข้าม แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดของประชาชนก่อน เช่น การสาธารณสุข เมื่อมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ก็จะสามารถทำงานได้ด้วยดี
เรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่งจำเป็นในการประกอบอาชีพ เช่น ถนน แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การอุปโภค บริโภค ที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน โดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให้ความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีที่เรียบง่าย เน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด
โดยเฉพาะที่เคยทรงกล่าวแนะนำไว้ว่า
“การพัฒนาประเทศต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือความพอมีพอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควรแล้ว ปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป
หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และของประชาชน โดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่างๆขึ้น ซึ่งอาจเป็นความยุ่งยาก ล้มเหลวได้ในที่สุด
การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพ และตั้งตัวให้มีความพอกิน พอใช้ ก่อนเพื่อเป็นพื้นฐานนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดเพราะผู้ที่มีอาชีพและฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง ย่อมสามารถที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้าระดับที่สูงได้ต่อไปแน่นอน
ส่วนการถือหลักที่จะส่งเสริมความเจริญให้ค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับ ด้วยความรอบคอบระมัดระวังและประหยัดนั้น ก็เพื่อป้องกันความผิดพลาด และล้มเหลว และเพื่อได้บรรลุผลสำเร็จได้แน่นอนบริบูรณ์...”
นี่เป็นตัวอย่างในการพัฒนาบ้านเมืองและประชาชน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงเคยแนะนำไว้ เปรียบเทียบเหมือน “ให้เบ็ด” ไว้กับประชาชนในการหากินเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ “ให้ปลา” อย่างนักการเมืองทั้งหลายทั้งในอดีตและปัจจุบันชอบทำกัน เพื่อให้ประชาชนเลือกตัวเป็นผู้แทนเข้าไปเป็นรัฐบาล
โดยเฉพาะในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแสดงออก หรือให้ข้อคิดเห็นต่างๆ นั้น ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน เพราะบ้านเมืองมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยไม่ใช่อยู่ที่รัฐบาลเพียงอย่างเดียว จะคิด จะทำอย่างไร โดยไม่รับฟังประชาชน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ขอนำคำแนะนำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยทรงนำเรื่อง “ประชาพิจารณ์” มาสอนใจผู้บริหารทุกคนว่า
“...สำคัญที่สุดจะต้องหัดทำใจให้กว้างขวางหนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระทั่งการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาด เพราะการรู้จักรับฟังอย่างฉลาดนั้น แท้จริงคือ การระดมสติปัญญาและประสบการณ์อันหลากหลาย มาอำนวยการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบความสำเร็จที่สมบูรณ์นั่นเอง...”
ขอฝากมายังนักการเมือง นักบริหารบ้านเมืองทุกๆคนที่กำลังเริ่มทำงานในขณะนี้ ได้เลิกละในเรื่องแต่ “ให้ปลา” หันมา “ให้เบ็ด” หรือหาเบ็ดมาให้ชาวบ้าน
เพื่อเป็นเครื่องมือในการดำรงชีพ ได้ตลอดเวลาดีกว่า ไม่ต้อง “รอปลา” ว่าจะมาอีกเมื่อไร
โดยเฉพาะเป็นปลาที่มาจากภาษีของชาวบ้าน ที่นักการเมืองหลายคนชอบล้วงไปจากงบประมาณของแผ่นดิน ที่เป็นเงินภาษีของชาวบ้านนั่นเอง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี