กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา คดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง กว้างขวาง
1.คดีนี้ ไม่ควรก้าวล่วงไปวิจารณ์ศาล เพราะข้อเท็จจริงคือ คดีไปไม่ถึงศาล
จบที่ขั้นตำรวจและอัยการสั่งไม่ฟ้อง
บางข้อหา ขาดอายุความแล้ว ก็ยังไม่ได้พาตัวผู้ต้องหาไปฟ้องศาล (รายละเอียดปรากฏในบทความเมื่อวานนี้)
2.ในคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ อ้างเหตุการณ์ชนตำรวจตายนั้นเป็นเหตุสุดวิสัย
โดยอ้างพยานปากสำคัญ 2 ราย ที่เพิ่งโผล่ออกมาใหม่ในช่วงเดือน ธ.ค. 2562
หลังเหตุการณ์ผ่านไปนาน 7 ปี
3.สังคมยังคาใจ และยิ่งครหาหนัก
เพราะอยู่ๆ ตำรวจก็อ้างพยานใหม่ 2 ปาก อ้างเป็นประจักษ์พยาน
แต่เพิ่งโผล่มาหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว 7 ปี ก่อนหน้านี้ไปอยู่ที่ไหนมาก็ไม่ทราบ
แต่สามารถให้การกับตำรวจจนสำนวนปวกเปียก พนักงานสอบสวนกลับความเห็นเดิมที่เคยดำเนินคดีข้อหาขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด (คดีขาดอายุความไปก่อนหน้านี้)โดยอัยการระดับรองอัยการสูงสุด (คนเดียวกับที่สั่งไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินของนายพานทองแท้) ก็เชื่อตามพยานว่า รถนายวรยุทธขับความเร็วต่ำกว่า 80 กม./ชม. และเป็นรถจักรยานยนต์ของตำรวจผู้เสียชีวิตที่เปลี่ยนเลนมากะทันหันเกิดเป็นเหตุสุดวิสัย รถนายวรยุทธพุ่งเข้าชน นายวรยุทธจึงไม่เข้าข่ายขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ส่วนที่ชนแล้วหนี ก็ไม่ต้องสนใจแล้ว เพราะนั่นขาดอายุความไปแล้ว
ส่วนที่เมาแล้วขับ ก็สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว เพราะไม่มีหลักฐานการตรวจแอลกอฮอล์ทันทีหลังเกิดเหตุ
ทั้งหมด ทำให้สังคมยิ่งครหาหนักกว่าเดิม
4.ทั้งฝ่ายอัยการและตำรวจ ตั้งคณะทำงานตรวจสอบแล้ว
แต่ดูเหมือนสังคมจะมองว่าเป็นเหมือนละครอีกฉากหนึ่งเท่านั้น
บางส่วน มองว่าอาจจะเป็นการยื้อเวลา เหมือนที่อัยการสูงสุดเคยบอกว่าจะชี้แจงเรื่องไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินของนายพานทองแท้ แต่พอเวลาผ่านไป จนบัดนี้ก็ไม่เคยชี้แจงเลย
5.รัฐบาล โดยนายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยยืนยันไม่ได้เข้าไปสั่งการในทางคดีของอัยการ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้น สังคมเกิดข้อครหา จึงต้องให้มีการตรวจสอบ และรายงานโดยด่วน ยืนยันว่าคนทำผิดจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
คอยดูว่า คำพูดของนายกฯ จะยังมีความน่าเชื่อถืออยู่หรือไม่?
ถ้าสุดท้าย นายกฯ ก็เชื่อตามผลสอบของตำรวจที่สอบกันเอง อัยการสอบกันเอง แล้วนายกฯ ก็เอาตามนั้นแบบเซื่องๆ จบตามนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่มีใครต้องรับผิด รับโทษ ฯลฯ เมื่อนั้น เชื่อว่า ความน่าเชื่อถือของตัวนายกฯ พลเอกประยุทธ์เอง ก็จะย่อยยับอับปาง
6.ถ้าระบบยุติธรรมและกระบวนการยุติธรรม ไม่สามารถสะสางกรณีดังกล่าวได้ คนบางกลุ่มในประเทศนี้ ก็อาจเข้าใจผิดว่าตนเองสามารถจะอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมืองได้ โดยอาจจะสรุปเป็น “สูตรสำเร็จ” ของการเอาตัวรอดเมื่อขับรถชนคนตายแบบผิดๆ
อาจสรุปโดยสังเขป ดังนี้
6.1 ชนแล้วหนีไปก่อน ไม่ต้องหยุดช่วย
6.2 ถ้าเมาแล้วขับ ยิ่งต้องรีบหนี อย่ายอมให้ตรวจแอลกอฮอล์ อ้างเครียด เมาหลังขับ
6.3 หาแพะ ถ้าหาไม่สำเร็จ ก็ไม่ต้องกลับมา
6.4 ถ้ายังเคลียร์ยังไม่จบ ก็ถือเสียว่าไปพักร้อนต่างประเทศรอข้อหาชนแล้วหนีหมดอายุความแค่ 5 ปี ถือเสียว่าตระเวนดูฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร โอลิมปิก สักหนึ่งรอบ ก็หมดอายุความแล้ว (ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ เป็นตัวอย่าง)
6.5 ระหว่างนั้น จ้างทนาย เพื่อขอความเป็นธรรมเสาะแสวงหาพยานหลักฐานเข้ามาเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ
6.6 ระหว่างนั้น ใช้ทุกอย่างที่มี เพื่อให้ผู้เสียหายไม่ดำเนินคดีเอง ซึ่งถ้ามีเงิน มีอำนาจพอ และฝ่ายผู้เสียหายอยู่ในสถานะด้อยกว่า ก็อาจทำได้สำเร็จ
6.7 พยายามหาพยานมายืนยันให้ได้ว่า อยู่ในเหตุการณ์แม้จะไม่เคยออกมาให้การเลย ผ่านไป 7 ปี แล้วก็ไม่เป็นไร เช่น กรณีคดีนี้ พลอากาศโท จ. และนาย ช. ให้การเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 อ้างว่า 2 ราย ขับรถยนต์แล่นตามหลังรถจักรยานยนต์คันที่ตำรวจผู้ตายขับขี่มาด้วยความเร็วไม่เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้การว่านายบอสขับรถยนต์มาด้วยความเร็วประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยฝ่ายตำรวจขับขี่รถจักรยานยนต์แล่นมาช่องทางเดินที่ 1 ด้านซ้าย แล้วเปลี่ยนช่องทางเดินรถ ผ่านช่องทางเดินรถที่ 2 (ตรงกลาง) ที่นาย ช.ขับรถมานาย ช.ชะลอความเร็วของรถลง และหักพวงมาลัยหลบไปทางซ้ายเพื่อไม่ให้ชนกับรถจักรยานยนต์ของตำรวจผู้ตายแต่รถจักรยานยนต์ได้แล่นเข้าไปในช่องทางเดินรถที่ 3ที่นายบอสขับรถแล่นมาในระยะกระชั้นชิด จึงทำให้รถยนต์คันที่นายบอสขับขี่มาชนท้ายรถจักรยานยนต์ เป็นเหตุให้ตำรวจถึงแก่ความตาย
6.8 เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้อง ตำรวจไม่แย้ง คดีก็จะจบลงได้
6.9 สุดท้าย เตรียมตัวกลับบ้านแบบเท่ๆ หรือถ้าจะให้ดีรอกระแสซาลง อยู่ต่างประเทศอีกระยะ ซึ่งก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว เพราะไม่มีหมายจับอะไรติดตัวอีกแล้ว ไปไหนมาไหนไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น
ข้างต้น คือ “สูตรสำเร็จแบบผิดๆ” ที่อาจเป็นไปได้ถ้าสังคมไทยยังปล่อยให้กรณีล่าสุดนี้ ผ่านไปแบบไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรเลยเหมือนเดิม
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี