การติดคุกติดตะรางในสังคมไทยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ยากเย็นสำหรับคนที่มีฐานะยากจนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามตัวบทกฎหมาย หรือต่อให้เป็นผู้มีฐานะร่ำรวยพอประมาณ แต่ทว่าไร้เส้นไร้สาย ไร้พวกพ้องเพราะฉะนั้น จึงมีข้อสรุปที่อาจจะดูเกินเลยไปสักหน่อยแต่ก็เป็นความจริงเชิงประจักษ์คือ คุกไทยมีไว้ขังคนจน แต่บางคนประชดประชันเปรียบเปรยหนักกว่านี้โดยใช้คำว่า คุกไทยมีไว้ขังหมา
อย่างไรก็ตาม จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีสถิติบ่งชัดว่าคนที่ติดคุกติดตะรางในเมืองไทยเป็นคนรวยกี่เปอร์เซ็นต์ หรือคนจนกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ที่พบเห็นกันแน่ๆ คือ คนมีอำนาจรัฐ และมีอำนาจเงิน มักไม่ต้องติดคุกในเมืองไทย ต่อให้คนเหล่านั้นทำผิดกฎหมาย และถูกพิพากษาให้ต้องจำคุกก็ตาม ส่วนคำถามที่ว่าแล้วทำไมคนจำพวกนี้ไม่ติดคุกในเมืองไทย ก็ตอบง่ายๆ ว่า เพราะคนจำพวกดังกล่าวมีอิทธิฤทธิ์สูงส่ง จนคุกไทยตามตัวพวกเขาไปกักขังไม่ได้
เคยมีคำหวานเชิงโฆษณาชวนเชื่อว่า คนจนต้องไม่ติดคุกหรือต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน คำคำนี้คือสิ่งที่ขัดแย้งกับความจริงในสังคมไทย และขัดแย้งมานานกว่าศตวรรษแล้ว เป็นความจริงว่าในเมืองไทยมีผู้ต้องขังจำนวนนับแสนรายถูกกักขังในระหว่างรอพิจารณาคดี เมื่อมีผู้ต้องขังมากก็นำไปสู่ปัญหาคนล้นคุก คุกแออัดจนไม่มีแม้กระทั่งที่จะนั่ง
แต่ที่มากกว่านั้นคือ แล้วเราจะบอกกับสังคมอย่างไรกับคำที่ว่า ทุกคนยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าหากศาลยังไม่ได้พิจารณาคดีกับบุคคลนั้นๆ จนสิ้นสุด แต่เป็นเรื่องตลกที่แสนมหัศจรรย์คือ คุกไทยกลายเป็นผู้ขังผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก เพราะคนจำนวนมากเหล่านั้นต้องติดคุก ทั้งๆ ที่ศาลยังไม่ได้พิจารณาคดีจนถึงที่สุด
คนจำนวนไม่น้อยต้องติดคุกเพราะไม่มีเงินประกันตัวการไม่มีเงินประกันตัวทำให้ต้องเข้าไปถูกขังในคุก แล้วคำพูดเดิมที่บอกว่าคนบริสุทธิ์ต้องไม่ติดคุก หมายความว่าอย่างไร แล้วคำพูดนี้จะใช้ได้กับสังคมไทยหรือ
เมื่อเงินตราถูกใช้เป็นเครื่องตัดสินว่าใครจะถูกกักขังในคุกหรือไม่ จึงหมายความว่าคนจนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายก็ย่อมไม่มีเงินประกันตัวในขณะที่กำลังต่อสู้กับคดีแต่สำหรับคนรวยที่มีเงินมากพอก็สามารถออกมาอยู่นอกคุก แล้วสู้คดีต่อไปได้ หากสู้คดีไม่ได้ ก็หนีคดีความไปอยู่นอกพระราชอาณาจักรไทย หรือบางรายก็ยังคงอยู่ภายในพระราชอาณาจักรไทย แต่ทว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการนำตัวผู้กระทำผิดไปรับโทษ ก็ไม่สามารถนำตัวคนทำผิดไปรับโทษได้ เรื่องเล่านี้เป็นความจริงของสังคมไทย ที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรับรู้กันเป็นอย่างดีมาเป็นระยะเวลายาวนาน
ความจริงที่ยิ่งกว่าจริงคือการใช้เงินเป็นหลักประกันตัวคือปมปัญหาหนึ่งของความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย หากอ้างตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญา มาตรา 110 ระบุว่าในการปล่อยตัวชั่วคราวนั้น ศาลจะกำหนดหลักประกันในคดีอาญาหรือไม่ก็ได้ นี่แสดงให้เห็นชัดว่าทั้งหมดอยู่ในดุลพินิจของศาล ซึ่งไม่ได้กำหนดว่าต้องวางเงินเป็นหลักประกันเท่านั้น
คนทุกคนเมื่อต้องคดีความใดๆ ก็จะต้องทำทุกหนทางเพื่อให้ตนเองไม่ต้องถูกลงโทษ และไม่ถูกคุมขัง แต่หากเป็นคนมีเงิน มีอำนาจ มีเส้นสาย การถูกคุมขังก็ดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนจำพวกนี้ได้ยาก แต่สำหรับคนยากจน ไร้เส้นไร้สาย ก็ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำไปใช้เป็นเงินประกันตัว หากหาเงินกู้ได้ก็คงจะรอดตัวจากคุกไป แต่หากจะต้องเสียดอกเบี้ยแพงมหาศาลเพื่อให้ได้เงินกู้ คนจนก็จำต้องยอม เพราะไม่ต้องการติดคุก
เมื่อปัญหาเช่นนี้ยังคงเกิดขึ้นในสังคมไทยเรื่อยมา จึงทำให้เกิดคำถามคลาสสิกว่า คุกไทยมีไว้ขังใคร พร้อมๆ กับคำว่า คุกไทยมีไว้ขังหมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี