พยานที่นำมาสู่การพลิกคดีบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา มี 6 ราย
เป็นพยานปากเอก 2 ราย (อ้างเป็นประจักษ์พยาน)
2 รายหลังนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบเพิ่มเติมตามคำสั่งอัยการ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2562 (7 ปีหลังเกิดเหตุ) หลังฝ่ายบอสร้องขอความเป็นธรรมที่อัยการสูงสุด และ กมธ.การกฎหมายฯ สนช.)
1. พยาน พันตำรวจตรี ธ. เคยยืนยัน นายบอสขับรถเร็ว 177 กม./ชม. ก่อนกลับคำให้การอีกครั้งในวันที่ 2 มีนาคม 2559 ระบุว่า จากการคำนวณหาความเร็วโดยวิธีใหม่ ได้ความเร็วของรถยนต์ที่บอสขับ ความเร็วประมาณ 79.23 กม.ต่อชั่วโมง
2. พยาน พันตำรวจโท ส. และ พันตำรวจโท ส. (สองคน) เปรียบเทียบความเสียหายรถจากคดีเฉี่ยวชนอื่น ยืนยันไม่ใช่ความเร็ว 170 กม./ชม.
3. พยาน รศ.ดร. ส. คำนวณความเร็วของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ได้ความว่า ความเร็วของรถยนต์ Ferrari FF ก่อนเกิดเหตุ จะได้ความเร็วประมาณ 76.175 กม.ต่อชั่วโมง
พยานปากนี้ ยอมรับว่า มีความสัมพันธ์รู้จักกันกับตัวแทนฝ่ายนายบอส ที่ไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ สนช.
4. พยานปากเอก 2 คน คือ พลอากาศโท จ. และ นาย จ.เข้าให้การเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562
7 ปี หลังเหตุการณ์!!!
อ้างว่า อยู่ในเหตุการณ์ โดยพยานทั้งสองขับรถยนต์แล่นตามหลังรถจักรยานยนต์ของตำรวจที่เสียชีวิต
ยืนยันว่า นายบอสขับรถยนต์มาด้วยความเร็วประมาณ 50-60 กม.ต่อชั่วโมง
ยืนยันว่า ตำรวจผู้ตายเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์เปลี่ยนช่องทางระยะกระชั้นชิด จึงทำให้รถยนต์คันที่บอสขับขี่มา ชนท้ายรถจักรยานยนต์ เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิต รถทั้งสองคันได้รับความเสียหาย
5. ในที่สุด รองอัยการสูงสุด นายเนตร นาคสุข จึงชี้ว่า พยานสองปากนั้น เป็นประจักษ์พยานในขณะเกิดเหตุ
เมื่อเหตุที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้ต้องหาที่ 2 (นายตำรวจผู้ตาย) ขับขี่รถจักรยานยนต์เปลี่ยนช่องทางเดินรถ เข้าไปในช่องทางเดินรถที่ผู้ต้องหาที่ 1 (นายบอส) ขับขี่มา ด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะกระชั้นชิด ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 (นายบอส) ไม่สามารถหลบหลีกและหยุดรถได้ทันท่วงที เหตุที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหตุสุดวิสัย มิใช่เกิดจากความประมาทปราศจากความระมัดระวังของผู้ต้องหาที่ 1 (นายบอส) แต่เกิดจากความประมาท ปราศจากความระมัดระวัง ของผู้ต้องหาที่ 2 ที่เปลี่ยน ช่องทางเดินรถในระยะกระชั้นชิด การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 (นายบอส) จึงไม่มีความผิด ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแต่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 คดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ในความผิดฐานนี้ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องในที่สุด
5. พยาน พลอากาศโท จ. ยังเงียบอยู่ ยังไม่ชี้แจงรายละเอียด
สื่อมวลชนสืบค้นพบว่า พยานปากนี้ มีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกับมารดาของนายบอส รู้จักกันดี ในชื่อ “กลุ่มเด็กดอน”
6. ล่าสุด พยานปากเอก นาย จ. เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน
เมื่อเวลา 01.40 น. วันที่ 30 ก.ค.2563 ที่ถนนห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พ.ต.อ.รณชัย รอดลอย ผกก.สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ ชี้แจง พร้อมกับเปิดเผยคลิปวงจรปิดขณะเกิดอุบัติเหตุ
ยืนยันว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นอุบัติเหตุทางถนน ฝ่ายนายจารุชาติ ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 125 หมายเลขทะเบียน ครข 221 เชียงใหม่ ตามรถจักรยานยนต์คู่กรณี ฮอนด้าดรีม 7ค 2340 เชียงใหม่ หลังจากนั้นได้นายจารุชาติพยายามขับแซงคู่กรณี และเกิดการเฉี่ยวชน โดยนายจารุชาติเป็นผู้ชนท้าย แล้วเกิดการแฉลบเสียหลักล้มไปชนกับขอบฟุตบาท ทำให้ศีรษะของนายจารุชาติไปกระแทกฟุตบาท เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ให้การช่วยเหลือ ก่อนที่นายจารุชาติจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
จากการตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ทั้งในตัวนายจารุชาติและคู่กรณี พบว่ามีแอลกอฮอล์ทั้งคู่
ส่วนที่เกี่ยวข้องคดีใหญ่ในขณะนี้ ทางตำรวจเพิ่งทราบเช่นเดียวกัน และอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับคดีดังอย่างแน่นอน
ส่วนของคู่กรณีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะนี้ได้กลับไปรักษาตัวที่บ้านต่อแล้ว หลังจากนี้ ตำรวจจะมีการเชิญคู่กรณีมาสอบปากคำอีกครั้ง
7. เมื่อพยานปากเอก นาย จ. ซึ่งชื่อจริง คือ นายจารุชาติ มาดทอง เสียชีวิตกะทันหันเช่นนี้
เท่ากับว่า หมดโอกาสที่สื่อมวลชน คณะกรรมการอิสระ ฯลฯ จะได้ซักถามจากเจ้าตัวว่า เข้าไปเป็นพยานปากเอกเมื่อปี 2562 ได้อย่างไร? เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ในเดือน ก.ย. 2555 ได้อย่างไร? แล้วช่วงเวลาที่ผ่านมาไปอยู่ที่ไหน สัมพันธ์กับใคร อย่างไร? เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของพยานปากเอกรายนี้
เป็นความบังเอิญที่เหมาะเจาะ คำให้การมีผลไปแล้ว คดีอัยการสั่งไม่ฟ้อง ตำรวจไม่แย้ง เด็ดขาดไปแล้ว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี