วันอังคาร ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันอังคาร ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.
อย่าฟอกขาวพวกเดียวกัน

ดูทั้งหมด

  •  

มันสะสมมาหลายคดีแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะกรณีสั่งไม่ฟ้องคดีบอส อยู่วิทยา, สั่งไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินพานทองแท้, สั่งไม่ฟ้องคดีเจ้าสัวธรรมกายฯ, สั่งไม่ฟ้องคดีค้ามนุษย์ภรรยาและลูกของเสี่ยกำพล,
สั่งไม่ฎีกาคดีคุณหญิงพจมาน ฯลฯ

ถามว่า สังคมคาดหวังแค่ไหน กับผลการสอบสวนของคณะทำงานอัยการฯ และคณะทำงานตำรวจ กรณีสั่งไม่ฟ้องคดีนายบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ?


ตอบตรงๆ คาดหวังไม่มาก

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ทั้งสององค์กร ซึ่งเป็นต้นธารกระบวนการยุติธรรม จะสามารถสอบกันแบบขอไปที หรือสรุปผลกันแบบ “ฟอกกันเอง” เพราะนั่นจะทำลายความเชื่อมั่น ตลอดจนบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือที่มีต่อระบบยุติธรรมส่วนรวมด้วย

พูดง่ายๆ ว่า แม้นสังคมจะคาดหวังน้อย แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นอัยการและตำรวจ ก็อย่าริอ่านเหยียบย่ำหัวใจของคนไทยซ้ำ ด้วยการสรุปผลการสอบสวนแบบปกป้อง หรือฟอกขาวพวกของตัวเอง อันเสมือนถ่มน้ำลายรดหน้าคนไทยที่เฝ้าติดตามบทสรุปของเรื่องนี้อยู่เป็นอันขาด

มิฉะนั้น ความอดทนของประชาชนอาจจะ “ขาดผึง” ในอีกไม่นาน

1. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) คณะทำงานชุดที่มีนายสมศักดิ์ติยะวานิชรอง อสส. เป็นหัวหน้าคณะฯ จะแถลงข่าวในวันที่ 4 ส.ค. เวลา 10.00 น. โดยจะแถลงผลการตรวจสอบในนามของสำนักงาน อสส. อย่างละเอียด

ส่วนผลการตรวจสอบก็จะรายงานอัยการสูงสุด นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ต่อไป

ขอฝากประธานคณะทำงานฯ ท่านรองอัยการสูงสุด “สมศักดิ์ ติยะวานิช” สังคมไทยจะจดจำหน้าและชื่อของคนที่แถลงผลการสอบสวนเรื่องนี้ ผลการสอบสวนที่ออกมาจะถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่า คณะทำงานชุดนี้ ทำหน้าที่เพื่อผดุงความยุติธรรมสังคม หรือเพื่อ“ฟอกขาวพวกเดียวกัน” ?

2. สถาบันอัยการ เป็นหน่วยงานสำคัญในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ

องค์พระประมุขทุกรัชสมัย ทรงเห็นความสำคัญ เคยพระราชทานบรมราโชวาทที่ลึกซึ้ง

ขออัญเชิญมาเตือนสติ และกระตุ้นข้าราชการอัยการทั่วประเทศกว่า 3,000 คน จะนิ่งเฉยไม่ได้ อย่าปล่อยให้สถาบันอัยการเป็นอื่น นอกจากการเป็นสถาบันที่ทำหน้าที่ “ทนายของแผ่นดิน” อย่างแท้จริง

ยกตัวอย่าง

2.1 เมื่อวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2554 ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด (ขณะนั้น) เป็นผู้นำคณะอัยการ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

“..ข้าพระพุทธเจ้า จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเที่ยงธรรม โดยปราศจากอคติทั้งปวง เพื่อความยุติธรรมแก่ประชาชน และความสงบสุขของราชอาณาจักรทั้งนี้จะรักษาไว้ และปฏิบัติตามการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

ในการนี้ได้มีพระบรมราโชวาท ความบางตอนว่า “ตามที่ท่านทั้งหลายได้กล่าวคำปฏิญาณตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และด้วยความตั้งใจดีในการรักษาความยุติธรรมในฐานะอัยการนั้น ท่านต้องนึกถึงว่าจะต้องรักษาคำปฏิญาณนี้ด้วยความเคร่งครัด ซึ่งจะทำให้ท่านมีส่วนสำคัญในการรักษาความสงบ ความยุติธรรมในประเทศ เรามีความต้องการ เพราะว่าประเทศชาติจะอยู่เย็นเป็นสุขต้องรักษาความยุติธรรมในหมู่ชนทุกหมู่ทุกเหล่า ถ้าท่านทำตามสัตย์ปฏิญาณนี้ด้วยความเคร่งครัด หมายความว่า ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ของท่านในฐานะข้าราชการชั้นสูงในประเทศ และมีส่วนในการรักษาความเจริญ ความสุขของประเทศ ในประเทศที่ต้องมีความขัดแย้งอยู่บ้างมากหรือน้อยก็แล้วแต่สถานการณ์ มีอยู่เสมอไม่ใช่ไม่มี แต่ว่าถ้ามีเจ้าหน้าที่ที่รักษาความยุติธรรม รักษาความสงบได้อย่างเคร่งครัด ก็จะทำให้ประเทศอยู่เย็นเป็นสุขได้ ท่านมีหน้าที่สำคัญจึงต้องรักษาในคำปฏิญาณอย่างเคร่งครัดตลอดชีวิต และท่านจะได้ชื่อว่าช่วยประเทศชาติให้อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเคร่งครัดเพื่อเป็นผู้ที่รักษาความสงบร่มเย็นของประเทศชาติ ในเวลาเดียวกันขอให้ท่านสามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ด้วยความเข้มแข็ง ท่านจะได้ทำหน้าที่ เมื่อทำหน้าที่แล้วท่านจะมีความสุข ความเจริญในส่วนตัวด้วย ขอให้ท่านสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ทุกคน อย่างเคร่งครัดทุกคน”

2.2 เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2555 ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่คณะอัยการ บางตอนว่า

“...ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้ฟังผู้ที่จะทำหน้าที่อัยการในประเทศชาติ ซึ่งอัยการเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติเพื่อความเจริญ เพื่อความยุติธรรมของประเทศ ถ้าท่านปฏิบัติดีจะเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศชาติมีความระเบียบเรียบร้อย การปกครองต้องมีระเบียบ ต้องมีความเรียบร้อย คือ จะต้องมีความยุติธรรม อัยการมีส่วนสำคัญในการสร้างความยุติธรรมของประเทศ ถ้ามีความยุติธรรม ทำให้ประเทศอยู่เย็นเป็นสุขได้ แต่ถ้าขาดความยุติธรรม ประเทศชาติไม่มีทางที่จะดำเนินงานไปโดยดี ฉะนั้น ประเทศชาติขึ้นกับท่านที่จะปฏิบัติ ช่วยให้มีความซื่อตรง มีความตรงไปตรงมาในการปฏิบัติงาน ขึ้นกับท่านอย่างมากที่จะทำให้เกิดความยุติธรรมในบ้านเมือง เพราะว่าคนมี ประชาชนมีจำนวนมาก จะต้องมีการขัดแย้งกันบ้าง ถ้าท่านสามารถแก้ไขเรื่องขัดแย้งระหว่างประชาชน ท่านก็จะช่วยให้บ้านเมืองไปโดยเรียบร้อย เป็นงานที่ไม่ใช่ง่าย ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านพยายามที่จะทำให้ความเป็นอยู่ระหว่างประชาชนมีความเรียบร้อย อะไรที่ขัดข้องกันก็ให้สามารถที่จะปัดเป่าความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้น ถ้าประชาชนมีความเดือดร้อน ท่านจะได้ช่วยให้ผ่านพ้นไปโดยดี ก็ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง บ้านเมืองจะอยู่เย็นเป็นสุขถ้าบ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ประชาชนก็อยู่เย็นเป็นสุข”

2.3 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่คณะอัยการ บางตอนว่า

“อัยการนั้นมีหน้าที่มากมายหลายอย่าง แต่ก็อยู่ในกรอบขอบเขตของการปฏิบัติการทางด้านกฎหมายและชีวิตของราษฎร ก็คือ ดูแลรักษาอำนวยความยุติธรรม หรือช่วยขบวนการแห่งการยุติธรรมให้ไปได้อย่างเรียบร้อยถูกต้อง อัยการมีหน้าที่กว้างขวาง ใส่หมวกหลายใบ มีหน้าที่มากมาย แต่จะต้องจำไว้ว่า มีหน้าที่ที่จะอำนวยความยุติธรรมและอำนวยการให้ขั้นตอนต่างๆ ของการปฏิบัติงานในการอำนวยการหรือให้ความยุติธรรมต่อประชาชน”

2.4 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2561 ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระราชดำรัส พระราชทานในพระราชวโรกาสให้นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด (ขณะนั้น) นำอัยการประจำกองเข้าเฝ้าฯความบางตอนว่า

“..ให้ทุกท่านได้มีความสุขสวัสดี มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังปัญญา ตลอดจนทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่ ต่อประเทศชาติ และประชาชน ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษา ตลอดจนเล่าเรียนมา และมีศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่นี้ ซึ่งตามคำปฏิญาณแล้ว หน้าที่นี้ก็มีความสำคัญ เกี่ยวพันกับความถูกต้อง ความสุข ความยุติธรรม และความเรียบร้อยของประเทศชาติและประชาชน การทำงานนั้น ทฤษฎี บทเรียนบทปฏิบัติ ตัวบทกฎหมายก็มี แต่ทางปฏิบัติ กาลเทศะ ศีลธรรม ความถูกต้อง หรือในเรื่องของความเมตตาธรรม มีส่วนเกี่ยวข้อง บางทีการปฏิบัติก็ต้องใช้การประยุกต์ในทฤษฎีต่างๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเที่ยงธรรม โดยไม่ใช้กฎหมายหรือช่องโหว่ของกฎหมายทำให้สิ่งใดที่เป็นอคติ หรือความรู้สึกที่ไม่ดี หรือเป็นทาสของสิ่งต่างๆ ที่ไม่ดี ก็คือ รู้จักตัวเอง รู้จักความถูกต้อง รู้จักศีลธรรม หรือความเมตตาธรรม เพราะปัญหามีตลอด หน้าที่ของท่านคือทำงาน และต้องแก้ปัญหา เพื่อให้บ้านเมืองและส่วนรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสิริมงคลก็จะเกิดขึ้นแก่ตัวเอง และส่วนรวม...”

3. ทิ้งท้าย ฝากข้อคิดความเห็นของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ต่อกรณีการสั่งไม่ฟ้องคดีอื้อฉาวดังกล่าว ว่าในมุมมองอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมท่านนี้ ชี้ตรงเป้าอย่างไร เช่น

“ยุติธรรมค้ำจุนชาติ : ความเร็ว กับ ความผิด

...ผมเห็นว่าขณะนี้ ประเด็นหนึ่งที่สังคมกำลังถูกทำให้สับสนคือเรื่องความเร็วของรถกับความผิดฐานกระทำโดยประมาท

กรณีที่เป็นปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกที่ต้องเถียงกันเรื่องความเร็วของรถนะครับ แต่เป็นความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามกฎหมายอาญา ซึ่งความผิดอาญาที่เกิดจากการขับรถ
โดยประมาทไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับความเร็วเสมอไป และไม่จำเป็นว่าจะต้องขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดเท่านั้นจึงจะมีความผิด แต่ไม่ว่าจะขับรถด้วยความเร็วต่ำหรือด้วยความเร็วสูงกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ไม่ใช่องค์ประกอบหลักของความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

กฎหมายอาญามาตรา 59 วรรคสี่ บัญญัติว่า “กระทำโดยประมาท ได้แก่การกระทำผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่”

จากหลักกฎหมายนี้จะเห็นว่าถ้ามี “เจตนา” ก็ไม่ผิดฐานประมาท แต่จะผิดฐานประมาทต้อง 1) ไม่มีเจตนา แต่ 2) กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่

มาตรา 291 บัญญัติต่อไปว่า ผู้ใดกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ฯลฯ

ประเด็นคือ แม้จะขับรถด้วยความเร็วต่ำหรือด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดแต่เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุชนคนตายก็มีความผิดอาญาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ หากมีพยานหลักฐานว่าผู้นั้นขับรถโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่แล้วก็ย่อมมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม มาตรา 291 ได้เสมอ ทั้งนี้ ไม่ว่าคู่กรณีจะมีส่วนประมาทด้วยหรือไม่ ก็ไม่ใช่ประเด็นและไม่ใช่เหตุที่จะนำมาลบล้างความผิดที่เกิดจากการกระทำโดยประมาทของผู้นั้นได้

ดังนั้น แม้ผู้ที่ถูกชนตายจะมีส่วนประมาทด้วยก็ไม่เป็นเหตุให้ผู้กระทำผิดโดยประมาทไม่มีความผิดหรือไม่ต้องรับโทษทางอาญา หากแต่เป็นเพียงเหตุลดหย่อนความรับผิดทางแพ่งเท่านั้น ส่วนทางอาญานั้นอย่างมากก็เป็นเพียงเหตุให้ศาลลงโทษน้อยลงได้บ้างก็เท่านั้น แต่ไม่ใช่เหตุที่จะสั่งไม่ฟ้องผู้กระทำผิดในฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามกฎหมายอาญา มาตรา 291 ได้เลย!!!

อย่างไรก็ตาม ความเร็วของรถก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อเท็จจริงที่จะเป็นหลักฐานของความประมาทได้

...เมื่อดูจากสภาพความเสียหายของรถของผู้กระทำผิดกับสภาพที่มีน้ำมันไหลตลอดทาง แสดงว่ารถของผู้กระทำผิดได้รับความเสียหายอย่างมากซึ่งน่าจะเกิดจากการชนอย่างแรง ดังนั้น ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะขับรถมาด้วยความเร็วเท่าใดก็ตามแต่ต้องไม่ใช่ความเร็วปกติตามวิสัยและพฤติการณ์ของการขับรถในเมืองหรือในทางสาธารณะในเวลากลางคืนแน่นอน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการขาดการใช้ความระมัดระวังที่ผู้กระทำผิดอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ตามองค์ประกอบความผิดของกฎหมายอาญา มาตรา 291 แล้ว

นี่ยังไม่นับรวมถึงผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่พบสารเสพติดในร่างกายของผู้กระทำผิดด้วยซ้ำ

ดังนั้น เมื่อผู้กระทำผิดขับรถคันดังกล่าวไปชนตำรวจที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างหน้าหลังจากผ่านจุดที่บันทึกคลิปวงจรปิดได้ไม่นาน ก็ถือได้แล้วว่ามีมูลเพียงพอที่จะเชื่อได้ในเบื้องต้นว่าเป็นการขับรถที่ขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์แล้ว ส่วนผู้กระทำผิดจะแก้ตัวว่าอย่างไรหรือมีพยานหลักฐานหรือพยานบุคคลประการใดก็เป็นเรื่องที่ต้องนำไปพิสูจน์ไปว่ากันในชั้นศาล

การที่มีพยานที่เพิ่งระลึกชาติได้หลังเหตุการณ์ผ่านไป 8 ปี มาบอกว่าตนอยู่ในเหตุการณ์ และเห็นว่าผู้กระทำผิดขับรถไม่เร็วนั้น นอกจากจะเป็นพยานบอกเล่า เพราะนอกจากการแสดงตนหลังเหตุการณ์ผ่านไป 8 ปี ที่ไม่ใช่พฤติการณ์ปกติของพลเมืองดี แต่กลับมีพิรุธน่าสงสัยอีกหลายประการจึงต้องรับฟังพยานปากนี้ด้วยความเคร่งครัด รอบคอบ และระมัดระวัง อีกทั้งไม่มีหลักฐานอะไรที่ยืนยันได้แน่ชัดว่าพยานผู้นั้นอยู่ตรงจุดเกิดเหตุจริง ยังมีข้อสงสัยอีกมากมายเกี่ยวกับพยานผู้นี้ เช่น เหตุใดพยานผู้นี้จึงไปอยู่ ณ จุดเกิดเหตุตามวันและในเวลาเกิดเหตุซึ่งเป็นเวลาดึกมากแล้ว เหตุใดจึงเพิ่งจะมาแสดงตัว ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องโด่งดัง และหากพยานผู้นี้ขับรถตามหลังมาจริงอย่างที่เป็นข่าวจะต้องปรากฏรถของพยานผู้นี้ในคลิปกล้องวงจรปิด แต่ไม่ปรากฏว่าผู้เกี่ยวข้องกับการสั่งไม่ฟ้องแสดงได้ว่ารถคันไหนคือรถของพยานผู้นี้คำบอกเล่าของพยานผู้นี้จึงไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังได้ในทางกฎหมายและในทางสอบสวนเลย

นอกจากนั้น การที่พยานผู้นี้จะมาช่วยบอกว่าผู้กระทำผิดขับรถไม่เร็วก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะนำมาพิสูจน์หรือลบล้างพยานหลักฐานอื่นที่แสดงให้เห็นถึงการขาด “ความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และได้ใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นแล้ว” เพื่อให้หลุดพ้นจากบทสันนิษฐานและองค์ประกอบความผิดของกฎหมายว่ากระทำโดยประมาทได้ ดังนั้น การที่ผู้มีอำนาจใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยเป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดโดยอ้างพยานผู้นี้ นอกจากจะไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐานและเรื่องความรับผิดในการกระทำโดยประมาทแล้ว ยังเป็นการล้มล้างเสาแห่งความยุติธรรมที่ค้ำจุนชาติในความเชื่อของประชาชนอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย และยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่ผู้กระทำผิดอื่นในอนาคตจะใช้เป็นข้ออ้างปฏิเสธความรับผิดตามกฎหมายโดยอ้างว่าแม้เกิดอุบัติเหตุมีคนบาดเจ็บหรือล้มตายแต่ไม่มีความผิดเพราะตน “ขับรถด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด” เช่นเดียวกับคดีนี้ เช่นนี้แล้วจะถูกต้องหรือไม่ และสังคมจะอยู่กันต่อไปได้อย่างไร...”

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
08:33 น. รวบแล้ว!! 2 ใน 7 คนร้ายปล้น 3.4 ล้านบาท ห้างดังย่านลาดพร้าว
08:27 น. 'ปากีสถาน'อ่วม! ฝนถล่มหนักทั้งสัปดาห์ คร่าชีวิต 46 ราย
08:01 น. ล้างไพ่-ล้างกระดาน! ‘เทพไท’ฟันฉับ‘ยุบสภา’คือทางออก-นับหนึ่งใหม่
07:56 น. หนุ่มใหญ่โมโหฟันรุ่นน้องดับ อ้างถูกท้าทายในวงเหล้า
07:35 น. ลูกเขยคลั่ง! มีดฟันพ่อตา-แม่ยาย-เมียสาหัส สุดท้ายผูกคอดับหนีผิด
ดูทั้งหมด
วอน'ญี่ปุ่น'ช่วยหย่าศึก! 'ฮุน เซน'ขอร้องให้ช่วยพูดกับไทย จี้ให้ศาลโลกช่วยตัดสินปมพื้นที่พิพาท
‘มาครง’เผยคุย‘แพทองธาร’แล้ว ลั่นคนไทยไว้วางใจมิตรภาพจาก‘ฝรั่งเศส’ได้เสมอ
‘หม่อมปนัดดา‘ ปรากฏตัวกลางม็อบ ‘รวมพลังแผ่นดิน’ ของดให้สัมภาษณ์สื่อ
'ลุงเตีย'ลำบากใจ!ร่วม'ฮุนเซน'ตรวจชายแดนท่ามกลางสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด
'ปานเทพ' พอใจภาพรวมชุมนุม 28 มิ.ย. เผยยอดเงินหนุน 'มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน' 24 ล้านแล้ว
ดูทั้งหมด
แวดวงการเงิน : 1 กรกฎาคม 2568
หุ้นเด่น : 1 กรกฎาคม 2568
วิกฤตกัญชาในพายุการเมือง
ขำกันหลังวันม็อบ
กูไม่ออก?
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'ปากีสถาน'อ่วม! ฝนถล่มหนักทั้งสัปดาห์ คร่าชีวิต 46 ราย

หนุ่มใหญ่โมโหฟันรุ่นน้องดับ อ้างถูกท้าทายในวงเหล้า

ลูกเขยคลั่ง! มีดฟันพ่อตา-แม่ยาย-เมียสาหัส สุดท้ายผูกคอดับหนีผิด

‘ชูวิทย์’เลคเชอร์‘เรื่องตลก’พรรคร่วมฯ เหน็บจุกๆทุกครั้ง‘เพื่อไทย’เป็นรัฐบาล ต้องไล่ถึงจะลง

'หมอสุรพล'ชี้ทางออก!!! 'ถ้าไม่เปลี่ยนวัฒนธรรมพลเมืองวันนี้ ประเทศไทยจะไม่มีวันเปลี่ยน'

ไม่พบข้อมูลเดินทาง! คาด'อดีตเจ้าคุณอาชว์'ยังอยู่ในไทย มีคนให้ที่พักพิง

  • Breaking News
  • รวบแล้ว!! 2 ใน 7 คนร้ายปล้น 3.4 ล้านบาท ห้างดังย่านลาดพร้าว รวบแล้ว!! 2 ใน 7 คนร้ายปล้น 3.4 ล้านบาท ห้างดังย่านลาดพร้าว
  • \'ปากีสถาน\'อ่วม! ฝนถล่มหนักทั้งสัปดาห์ คร่าชีวิต 46 ราย 'ปากีสถาน'อ่วม! ฝนถล่มหนักทั้งสัปดาห์ คร่าชีวิต 46 ราย
  • ล้างไพ่-ล้างกระดาน! ‘เทพไท’ฟันฉับ‘ยุบสภา’คือทางออก-นับหนึ่งใหม่ ล้างไพ่-ล้างกระดาน! ‘เทพไท’ฟันฉับ‘ยุบสภา’คือทางออก-นับหนึ่งใหม่
  • หนุ่มใหญ่โมโหฟันรุ่นน้องดับ อ้างถูกท้าทายในวงเหล้า หนุ่มใหญ่โมโหฟันรุ่นน้องดับ อ้างถูกท้าทายในวงเหล้า
  • ลูกเขยคลั่ง! มีดฟันพ่อตา-แม่ยาย-เมียสาหัส สุดท้ายผูกคอดับหนีผิด ลูกเขยคลั่ง! มีดฟันพ่อตา-แม่ยาย-เมียสาหัส สุดท้ายผูกคอดับหนีผิด
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ถ้าไม่มีนายกฯอุ๊งอิ๊งค์  ประเทศไทยดีกว่านี้

ถ้าไม่มีนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ประเทศไทยดีกว่านี้

1 ก.ค. 2568

ชูวิทย์ กลับมาเพื่อใคร? ฮุนเซน(และทักษิณ) ต้องการอะไร ที่ประเทศไทยให้ไม่ได้?

ชูวิทย์ กลับมาเพื่อใคร? ฮุนเซน(และทักษิณ) ต้องการอะไร ที่ประเทศไทยให้ไม่ได้?

30 มิ.ย. 2568

ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไม่อยู่  ประเทศชาติก็ไม่เสียหาย

ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไม่อยู่ ประเทศชาติก็ไม่เสียหาย

27 มิ.ย. 2568

ดันก.ม.นิรโทษกรรมแบบใด?

ดันก.ม.นิรโทษกรรมแบบใด?

26 มิ.ย. 2568

ยังพูดความจริงไม่หมด

ยังพูดความจริงไม่หมด

25 มิ.ย. 2568

ผู้นำเขมรเล่นกับน้ำมัน  เตะหมูเข้าปากหมา

ผู้นำเขมรเล่นกับน้ำมัน เตะหมูเข้าปากหมา

24 มิ.ย. 2568

ไทยต้องประกาศสงครามกับขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชา

ไทยต้องประกาศสงครามกับขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชา

23 มิ.ย. 2568

คลิปหลุด หรือตัวนายกฯหลานฮุนเซน  ใครคือภัยความมั่นคงของชาติ ?

คลิปหลุด หรือตัวนายกฯหลานฮุนเซน ใครคือภัยความมั่นคงของชาติ ?

20 มิ.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved