ปรากฏการณ์ความโด่งดังปรอทแตกของ “ลุงพล” ถึงขนาดรับงานบันเทิง รับงานโฆษณา บ้านมีทัวร์ลง (ทัวร์จริงๆ) ฯลฯ ล้วนเป็นผลิตผลจากการแข่งขันปั้นแต่งของสื่อโทรทัศน์ยุคดิจิทัล 2 ช่อง อย่างแท้จริง
1. ล่าสุด นายทรงพล เรืองสมุทร หัวหน้าช่างภาพของสถานีโทรทัศน์ที่ขายข่าวลุงพลมาต่อเนื่อง โพสต์เฟซบุ๊ค Songpon Ruengsamut ประกาศทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ระบุว่า
“ขอโทษกับความเน่าเฟะกรณีลุงพล ป้าแต๋น และบ้านกกกอกจากน้ำมือของ “สื่อมวลชนอย่างพวกเรา” ที่หยิบยื่นให้กับสังคม ตลอด4 เดือนที่ผ่านมา
ผมทำหน้าที่เป็นหัวหน้าช่างภาพข่าวของหนึ่งในสถานีโทรทัศน์ที่นำเสนอข่าวนี้มาโดยตลอด ผมทำงานที่นี่มา 6 ปี ตั้งแต่วันแรกของการออกอากาศ จนวันนี้ไม่สามารถอดทนกับเรื่องที่เกิดขึ้นและได้ตัดสินใจเดินออกมาแล้ว
จากคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ที่ถูกนำเสนอโดยสื่อมวลชนกลุ่มหนึ่งและ “ผมคือหนึ่งในนั้น” ที่มีส่วนทำให้คดีความ 1 คดี กลายเป็นเรียลิตี้ชีวิตของลุงพล-ป๋าแต๋น เรียลิตี้ความแตกแยกของครอบครัวๆ หนึ่ง ชีวิตคนในหมู่บ้านกกกอก เรื่องไสยศาสตร์ ความงมงาย และการมอมเมา
“เราขายข่าวรายวัน” “เราหน้าไม่อาย” “เราไม่สนผิดถูก” “เราไร้จรรยาบรรณ” คือสิ่งที่สังคมตั้งคำถาม และมันถูกต้องทั้งหมด
เรานำเสนอเรื่องราวที่ห่างไกลจากสิ่งที่ควรจะเป็นจนกู่ไม่กลับ หาประโยชน์และปล่อยให้กลุ่มคนที่ต้องการผลประโยชน์จากเรื่องนี้เข้ามารุมทึ้ง “เราอยากได้กระแส และต้องการเพียงแค่ยอดคนดู ยอดกดไลค์ ยอดแชร์”
บางคนแก้ต่างว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สื่อฯอย่างพวกผม ทำไปเพื่อตอบสนองความกระหายใคร่รู้ของคนในสังคม หรือช่วยเหลือให้ชาวบ้าน 2 คนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
มันไม่ใช่แค่สิ่งนั้นแน่นอน มันคือผลประโยชน์ทั้งนั้น
ยอมรับกันสักทีเถอะว่า “เรา” คือตัวแปรสำคัญ
และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดความบิดเบี้ยวทั้งหมดนี้
เพราะเราหิวกระหายเรตติ้งกันเหลือเกิน
“เรตติ้ง” คือทุกสิ่งทุกอย่าง
“เรตติ้ง” คือปัจจัยที่จะบอกได้ว่าคุณอยู่หรือไป
และ “เรตติ้ง” ก็กลายเป็นข้ออ้าง ที่ทำให้คนบางกลุ่มยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มา
ผมเป็นหนึ่งคนที่รับรู้เรื่องราว ที่ถูกสร้าง ปั้นแต่งและถูกนำเสนอผ่านหน้าจอมาโดยตลอด และตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า “พวกเราทำอะไรกันอยู่” “มันไม่ใช่ปรากฏการณ์ ไม่ใช่ความแปลกใหม่ ไม่ใช่ห่าอะไรทั้งสิ้น”
วันนี้ ผมซึ่งระลึกเสมอว่าตัวเองเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ และพยายามจะแก้ไขอะไรบ้าง แต่สุดท้าย “ผมขอยอมแพ้กับความบิดเบี้ยว และยอมรับว่าตัวเองไม่สามารถท้วงติง หรือเปลี่ยนแปลงอะไรที่เกิดขึ้นจากต้นทางได้”
ทุกอย่างยังดำเนินต่อไป ด้วยเหตุผลที่สรรหากันมา
ผมขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และหวังว่าเมื่อเหตุการณ์จบลงทั้งเราและคนดูบางกลุ่มน่าจะได้บทเรียนจากเรื่องนี้บ้าง และขออย่าเหมารวมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือภาพทั้งหมดของ “สื่อมวลชน” ผมยืนยันว่าในสภาวะที่มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องเผชิญ วันนี้ยังคงมีเพื่อนสื่อมวลชน ที่พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง ทำหน้าที่ของสื่ออย่างที่ควรจะเป็นให้ได้ดีที่สุด ผมขอบคุณและขอให้กำลังใจเพื่อนสื่อมวลชนที่ยังยืนหยัดทำหน้าที่อย่างถูกต้องต่อไป...”
2. จากผู้ต้องสงสัย สู่ดาราหน้าจอ
ในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ
“ลุงพล” ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ก่อนจะถูกป้อนข้อมูลข่าวสาร ดราม่า นำความเห็นอกเห็นใจล้นทะลัก นำเสนอข่าวต่อเนื่องกว่า 3 เดือน คนจำนวนมากปักใจเชื่อว่าลุงพลคือผู้บริสุทธิ์ล้านเปอร์เซ็นต์
จากข่าวอาชญากรรม กลายเป็นเหมือนละครเส้นทางดารา
ข้อมูลที่ถูกนำเสนอ กลายเป็นเรื่องราวส่วนตัวของลุงพล เติมแต่งให้คนดูใกล้ชิด และหลงรัก
คนดูบางคน ควักเงินสร้างบ้านใหม่ ซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านให้แต่งเพลงให้ ซื้ออาหารการกินไปฝาก จัดทัวร์ไปเยี่ยม จัดหางานวงการบันเทิงไปให้ทำ ฯลฯ
3. เทคนิคละครในข่าว ผลจากการทำข่าวเสมือนละคร
การแข่งขันเรตติ้งในทีวีดิจิทัล ทำให้สื่อทีวีลงทุนแข่งขัน หาจุดขาย หาเรื่องราวที่ดึงดูดอารมณ์และความสนใจ ความผูกพันของคนดูถึงขนาดที่ช่องข่าวบางช่อง นำเทคนิคละครมาใช้ในการทำข่าว เพื่อหวังผลทางพาณิชย์อย่างโจ่งแจ้ง
immersive graphic ลงทุนนับร้อยล้าน ถูกนำมารับใช้การเล่าเรื่องอย่างจัดเต็ม กระทั่งล้นเกิน ในเรื่องผีสางนางไม้ และเรื่องราวของลุงพลด้วย นั่นดึงดูดความสนใจของผู้คน ผสมกับเรื่องราวรายละเอียดชีวิตของลุงพล ต่อเนื่อง ตอกย้ำ ยิ่งทำให้คนเกิดความรู้สึกเสมือนได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ผูกจิตผูกใจเข้าไปด้วย
ไม่ต้องสงสัยว่า การนำเสนอเรื่องราวแบบนี้ ย่อมกระทบถึงการทำงานของพนักงานสอบสวนคดีฆาตกรรม อาจชี้นำความคิดของคนในสังคม อาจทำให้รูปคดีผิดไป จนวันนี้ คดีฆาตกรรมดังกล่าวก็ยังจับกุมใครไม่ได้เลยในขณะที่ลุงพล-หนึ่งในผู้ต้องสงสัย กลายเป็นดาราโด่งดังเงินทองไหลมาเทมาบดบังสถานะการเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยไปจนเกือบหมดแล้ว
4. ถามว่า วิชาชีพสื่อตรวจสอบกันเอง ได้จริงมั้ย
คำตอบ ก็เห็นๆ กันอยู่
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี