งาน Job Expo Thailand 2020 ที่เพิ่งผ่านไป ได้รับความสนใจล้นหลาม
นั่นเพราะตรงกับสภาพความต้องการของประชาชน นักศึกษาจบใหม่ และตอบโจทย์การขับเคลื่อนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 อย่างยิ่ง
1. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การจัดงาน Job Expo Thailand 2020 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก มีหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนมาเปิดรับสมัครงานเป็นจำนวนมากถึง 570 หน่วยงาน
มีตำแหน่งงานว่าง 1,355,187 อัตรา
มีผู้เข้าร่วมงานจำนวน 125,383 คน
ทั้งนี้ มีการสมัครงานและรอบรรจุงานจำนวน 243,566 คน
สำหรับโครงการส่งเสริมการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ (Co-payment) มีนายจ้างเข้าร่วมโครงการจำนวน 1,048 ราย แจ้งความประสงค์รับสมัครงาน จำนวน 78,855 อัตรา และนักศึกษาจบใหม่ จำนวน 15,737 คน
“...การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ โดยการ Matching ตำแหน่งงานว่างให้ผู้สมัครงานและนายจ้างมาเจอกัน ซึ่งการดำเนินการต่อจากนี้ นายจ้างจะทยอยการบรรจุงาน โดยใช้ฐานข้อมูลการสมัครงานจากแพลตฟอร์มที่ผู้สมัครได้กรอกข้อมูลไว้ ซึ่งธรรมชาติของการสมัครงานแต่ละองค์กรจะมีขั้นตอนในการคัดเลือกพนักงานให้เหมาะสมตามตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งจากการพูดคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่พาลูกหลานมาร่วมงาน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจบใหม่ที่มาสมัครงานด้วยตนเอง พบว่า แต่ละคนมีความสุขที่ได้มาในงานนี้ เนื่องจากสามารถเลือกสมัครงานในตำแหน่งที่ชอบ และมีสิทธิ์เลือกและยื่นสมัครได้หลายสถานประกอบการในวันเดียวกัน ที่สำคัญช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและสะดวกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าอีกด้วย”
นับว่า งานนี้บรรลุผลตามที่นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำไว้ก่อนหน้านี้ โดยให้ความสำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการจ้างงานจากผลกระทบของโควิด-19 ตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติ เพื่อเยียวยาช่วยเหลือนักศึกษาจบใหม่ให้มีงานทำ รวมทั้งให้ประชาชนสามารถฟื้นตัว สร้างรายได้ให้แก่ภาคครัวเรือน เพื่อนำพาประเทศให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
2. ขอเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประเมินว่า ในปี 2563 จะมีแรงงานจำนวนสูงถึง 8.4 ล้านคน ที่เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง และคาดการณ์กันว่านักศึกษาจบใหม่จะมีโอกาสได้รับการว่าจ้างไม่ถึง 30%
2.1 ขอให้นายกฯ ลุงตู่ และรัฐมนตรีแรงงาน ได้เร่งพิจารณาดำเนินการให้มีการจัดงานเช่นนี้ ตามหัวเมืองใหญ่ๆ ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาใหญ่ๆ ที่จะมีนักศึกษาจบหางานเยอะๆ
เพื่ออำนวยความสะดวก และเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานสำหรับคนไทย
2.2 จะเห็นได้ว่า มาตรการส่งเสริมการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ จำนวน 260,000 คน ยังมีผู้สมัครไม่เต็มจำนวน ควรจะได้ตรวจสอบหาจุดอ่อนต่อไป เพราะเชื่อแน่ว่าหากมีการจ้างงานเด็กจบใหม่ตามเป้าหมายจริง จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งยวด
ยิ่งกว่านั้น ควรจะเพิ่มยอดเป้าหมายไปอีกเท่าตัว เป็น 500,000 ตำแหน่ง สำหรับเด็กจบใหม่
เป็นการร่วมมือกันระหว่างรัฐและเอกชน หรือ Co-Paymentโดยรัฐบาลจะช่วยเอกชนจ่ายเงินเดือนลูกจ้างใหม่ไม่เกิน 50% ของค่าจ้าง เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564 ตามวุฒิการศึกษา แบ่งเป็น
ผู้จบการศึกษาด้วยวุฒิ ปวช. รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนไม่เกิน 4,700 บาท ต่อเดือน
ผู้ที่จบการศึกษาด้วยวุฒิ ปวส. รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนไม่เกิน 5,750 บาท ต่อเดือน
ผู้ที่จบการศึกษาด้วยวุฒิปริญญาตรี รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือน
หากเพิ่มเป็น 500,000 ตำแหน่ง ก็จะใช้งบประมาณรวมไม่ถึง 50,000 ล้านบาท แต่จะได้ผลกลับมาคุ้มค่า ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งในทางเศรษฐกิจและทางสังคมการเมือง
2.3 ต้องไม่ลืมว่า ตำแหน่งงานเฉพาะกิจที่รัฐจะจัดจ้างนั้น มีลักษณะกระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยลงไปถึงระดับตำบลทุกตำบลเลยด้วยซ้ำ อาทิ
โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ กลุ่มเป้าหมายการจ้างงานคือ เกษตรกรตำบลละ 2 คน จำนวน 8,018 อัตรา งบประมาณ 865 ล้านบาท
โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน คือ เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานอพยพ ตำบลละ 2 คน จำนวน 6,942 อัตรางบประมาณ 701 ล้านบาท
โครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ด้านสัตว์ป่า กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน คือ ประชาชนทั่วไป จำนวน 1,250 อัตรา งบประมาณ 135 ล้านบาท
โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน 561 ศูนย์ จำนวน 3,366 อัตรา งบประมาณ 7 ล้านบาท
โครงการอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น เพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ประชาชนในพื้นที่ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 15,548 อัตรา งบประมาณ 928 ล้านบาท
โครงการพัฒนาต้นแบบบูรณาการ จ้างงานในทุกตำบล อำเภอ ทั่วประเทศ กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ได้แก่ ประชาชนในตำบลและอำเภอ ที่จบการศึกษาระดับ
ปริญญาตรี หรือ เทียบเท่า จำนวน 14,510 อัตรา งบประมาณ 2,611 ล้านบาท
โครงการเฝ้าระวังสร้างแนวกันไฟ สร้างรายได้ชุมชน กลุ่มเป้าหมายการจ้างงานประชาชนทั่วไป จำนวน 9,137 อัตรา งบประมาณ 246 ล้านบาท
โครงการศูนย์นวัตกรรมผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ผู้ที่จบการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี 30 อัตรา ปริญญาตรี 145 อัตรา ปริญญาโท 70 อัตรา ปริญญาเอก 5 อัตรา จำนวน 250 อัตรางบประมาณ 49 ล้านบาท
โครงการพัฒนาป่าไม้ สร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน กลุ่มเป้าหมายการจ้างงาน ได้แก่ แรงงานเครือข่ายความร่วมมือควบคุมไฟป่าเกษตรกร (เพาะกล้า) ประชาชนในชุมชนและผู้ที่จบศึกษาระดับปริญญาตรี 290 อัตรา รวมจำนวน 31,148 อัตรา งบประมาณ 928 ล้านบาท ฯลฯ
นั่นยิ่งต้องทำให้ข้อมูลข่าวสาร และการดำเนินการกระจายตัวออกไปให้มากที่สุด อันจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในทางเศรษฐกิจอีกด้วย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี