รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อดีตคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.)ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คเรื่อง “เพื่อไทย เตรียมร่วมเตรียมรบหรือเตรียมถอย” มีเนื้อหาว่า
1. เตรียมร่วม
ร่วมรัฐบาลประยุทธ์โดยหากรรมการบริหารพรรคใหม่ที่เข้ากันได้กับประยุทธ์และประวิตร
วิธีการ คือ รัฐบาลปรับครม. เอา ปชป. ออก และ เอาเพื่อไทยเข้าแทน
ผลกระทบ - มวลชนทั้งสองฝ่ายขุ่นเคือง กปปส.เคืองประยุทธ์ เสื้อแดงเคืองเพื่อไทย ความนิยมของเพื่อไทยอาจลด แต่ผู้นำได้ประโยชน์กับการเข้าร่วม
ความเป็นไปได้ของการร่วม - มีความเป็นไปได้ต่ำ หากแกนนำพรรคใส่ใจความรู้สึกของมวลชน แต่มีความเป็นไปได้สูง หากแกนนำคำนึงผลประโยชน์มากกว่าความรู้สึกของมวลชน
ความเห็นของผม ในข้อนี้ ผมขอแย้ง ดร.พิชาย ว่ามวลชน กปปส. ที่จะเคืองประยุทธ์ ไม่น่าจะมีมากเท่าไหร่ เพราะคนกลุ่มนี้ “ประยุทธ์ทำอะไรก็ได้” ก็ขนาดปูทางผ่านรัฐธรรมนูญเพื่อนำทางมาสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีขนาดนั้น ยังไม่ได้ขุ่นข้องหมองใจเลยว่า กติกาไม่เป็นธรรม แต่ออกไปในทำนองว่า ทำอะไรก็ได้ ให้ชนะ “ปีศาจฝั่งตรงข้าม” พล.อ.ประยุทธ์ คือ พระศรีอาริย์ครับ ดังนั้น อย่าไปกังวลเลยว่า กปปส. จะขุ่นเคือง เพราะยังไงก็ตาม คนรอบตัว พล.อ.ประยุทธ์ในรอบนี้ ก็เป็น “ลูกน้องทักษิณ” เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ก็ไม่เห็นว่าพวก กปปส. เขาตำหนิติเตียนอะไรนี่ครับ เขาถือว่า “แมวสีอะไรก็ได้ ขอให้จับหนูได้” ยิ่ง “ตัวพ่อ” ของ กปปส. คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ไม่เห็นออกอาการอะไรนี่ครับ หนุน พล.อ.ประยุทธ์ โปรรัฐธรรมนูญว่ามีการปฏิรูปมากกว่าที่ขอเสียอีก แถมช่วยทุบอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ เสียน่วม ระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ในทำนองว่าไปจับมือกับฝั่งธนาธร ฝั่งทักษิณ เรียบร้อยแล้ว เวลานี้ กปปส. เขาไม่รังเกียจทักษิณกันแล้วกระมังครับ เพราะเห็นกิ๊วก๊าวกันใหญ่ ที่คุณหญิงพจมาน สวมเสื้อเหลือง เข้าเฝ้าฯ ศัตรูร่วมของพวกเขาตอนนี้คือ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” มากกว่าครับ
2. เตรียมรบ
เปลี่ยนกรรมการชุดใหม่ นำคนรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์เข้มข้นเข้ามาเป็นกรรมการ ยกระดับปรับยุทธศาสตร์ต่อสู้โดยประสานเชื่อมโยงมวลชนนอกสภา เพิ่มพลังกดดันรัฐบาลให้ลาออกหรือยุบสภาให้ได้โดยเร็ว
การเตรียมรบมีความเสี่ยงต่อถูกยุบพรรค โดยเฉพาะหากไม่ชนะอย่างเด็ดขาด
แต่โอกาสชนะเด็ดขาดมีน้อย ดังนั้น การเตรียมรบจึงมีความเป็นไปได้ต่ำ
ความเห็นผม ในข้อนี้ เห็นด้วยกับ ดร.พิชายครับ เพราะรบในสภา ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นทั้งฝีมือและความมุ่งมั่น พรรคก้าวไกลยังมีฝีมือดีกว่า และมุ่งมั่นมากกว่า ในขณะที่เพื่อไทยแค่หาเวทีโชว์ไปครั้งๆ หนึ่งเท่านั้น ซึ่งหนักไปทาง “โชห่วย” เสียด้วยซ้ำ บวกกับข่าว “ลูกฝากเลี้ยง” อีก เราจึงไม่ค่อยเห็นความจริงจังแบบ “นักสู้” เท่าไรนัก
ส่วนนอกสภา การขนคนเสื้อแดงมาร่วม แล้วแกนนำม็อบ ดันพาไปทำกิจกรรมบ้าๆ บอๆ หนกซ้ำยังก้าวล่วงเกินเลยไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย เพื่อไทยคงไม่เสี่ยงกับแนวรบนอกสภาแบบนั้นแล้วล่ะครับ
3. เตรียมถอย
ถอยจากการสนับสนุนการเคลื่อนไหวนักศึกษาทั้งด้านการสนับสนุนเชิงจุดยืนอย่างเปิดเผยในพื้นที่สาธารณะ และการสนับสนุนอื่นๆ ในเชิงรูปธรรม
เหตุที่ต้องถอย : เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่า พรรคและเครือญาตินายทุนของพรรคอาจถูกเล่นงานจากอำนาจรัฐ หากยังแสดงท่าทีแบบเดิม
การถอยจะทำให้มวลชนเสื่อมความนิยม และมวลชนจำนวนหนึ่งหันไปสนับสนุนพรรคก้าวไกลแทน
อย่างไรก็ตาม การถอยเป็นทางเลือกที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุด แม้ว่าพรรคอาจเสื่อมความนิยมบ้าง แต่คาดว่าแกนนำพรรคคงประเมินว่าสามารถจัดการได้
ความเห็นของผม ข้อนี้ ได้แสดงไปในข้อที่แล้วบ้างแล้ว เชื่อว่าสุดท้าย เพื่อไทยเลือกจะประคองตัว นำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ และรอการเลือกตั้งรอบใหม่ ที่เขาเชื่อว่า ยังมีผู้สนับสนุนอยู่มาก หากได้กติกาการแข่งขันที่เป็นธรรมและเท่าเทียม พวกเขาอาจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งก็ได้
อย่างไรก็ตาม ข่าวลือการจัดกระบวนทัพใหม่ในพรรคเพื่อไทย ถูกนับมามโนว่า เป็นการปรับเพื่อรองรับ “รัฐบาลแห่งชาติ”
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย จะมาร่วมเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ว่า เรื่องรัฐบาลแห่งชาติไม่มีขึ้นอย่างแน่นอน โดยกระแสดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือที่อาจเกิดจาก นายวารินทร์บัววิรัตน์เลิศ เจ้าของฉายาโหรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ออกมาระบุว่า ตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไปไม่เกินสิ้นปีนี้ จะเกิดการรวมตัวจับมือกันเป็นเหมือนรัฐบาลแห่งชาติ พร้อมๆ กับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยในการปรับโครงสร้าง จึงมีข่าวลือเกิดขึ้น และนำมาการปั่นกระแสในโซเชียลมีเดียเพื่อหวังดิสเครดิตรัฐบาล และตนมองว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยังมีเสถียรภาพและยังทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมามีการแก้ไขปัญหารวมถึงการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ จนเป็นที่ยอมรับจากคนในประเทศและนานาประเทศ
“ข่าวลือหรือข่าวลวงที่แชร์กันในโชเชียล อย่าไปหลงเชื่อเป็นข่าวปลอมทั้งสิ้น รัฐบาลยังมีเสถียรที่มั่นคง พรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นกลมเกลียว ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ไม่มีการกินเกาเหลาใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องมีรัฐบาลแห่งชาติ ตามที่ปล่อยข่าวลือกันไปทั่ว ขอให้เชื่อมั่นในเอกภาพของรัฐบาล ท่านนายกฯ และคณะรัฐมนตรีทุกคนพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ยังมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความทุ่มเทตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีความขัดแย้งแคลงใจใดๆ ต่อกันทั้งสิ้น และรัฐมนตรีทุกคนยังมีความเคารพรักผูกพันให้กับนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมิตรแท้ใจถึงใจ ไม่ต้องกังวลจะมีการกินเกาเหลากันใน ครม.ชุดนี้ ตรงกันข้าม กับมีเสถียรภาพแน่นแฟ้นรักกันมากขึ้นทุกๆ วัน”นายสุภรณ์ กล่าว
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ในการจะมีรัฐบาลแห่งชาติ ว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่รู้นะ ที่รู้มาไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็ต้องฟังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ด้วยสถานการณ์ในประเทศขณะนี้ ควรจะมีรัฐบาลแห่งชาติเข้ามาช่วยกู้วิกฤติเศรษฐกิจและบ้านเมืองหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก็ต้องคุยกันหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ต้องพูดคุยกัน แต่ตนมองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะยังไม่เห็นมีการคุยอะไรกัน ตอนนี้ต่างคนต่างทำงาน
เมื่อถามอีกว่า แต่ถ้าเศรษฐกิจและการเมืองมันไปต่อไม่ได้ ควรจะรีบหารือกันถึงรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ความจริงบ้านเมืองเราควรหันหน้าพูดคุยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเดิน ต้องคุยกัน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เคยเป็นอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยยังสามารถพูดคุยกับคนในพรรคเพื่อไทยได้อยู่หรือไม่ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ส่วนใหญ่ก็เป็นพรรคเพื่อไทยทั้งนั้นที่เคยอยู่ด้วยกันมา
เมื่อถามว่า หากเพื่อไทยปรับโครงสร้างใหม่แล้วจะทำให้การทำงานในสภาฯ รวมถึงการทำงานกับรัฐบาลราบรื่นหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ยังไม่เห็นเลยว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม โดยปกติตนกับทางนายสมพงษ์อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็พูดคุยกันอยู่แล้ว ถ้าทุกฝ่ายเห็นแก่ประเทศชาติก็ต้องพูดคุยกันไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง กระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทย(พท.) จะเข้าร่วมงานกับรัฐบาลหลังปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ว่า ผมว่าไปเขียนกันเอาเองมั้งผมยังไม่เห็นเขาทำอะไรเลย เป็นเรื่องของพรรคพท.เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ผมก็นึกอยู่แล้วว่า สื่อต้องมาถามผม สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่มีการปรับเปลี่ยน กก.บห.ถือเป็นเรื่องปกติ ยืนยันผมไม่เคยคุยเรื่องเหล่านี้กับใครทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าไปตั้งประเด็นกันขึ้นมา บางครั้งผมก็อึดอัดใจเหมือนกัน บางทีไปตั้งโน่นตั้งนี่ เขียนกันออกมา แต่มันไม่ใช่ การจะปรับปรุงพัฒนาถ้าเป็นไปในทางที่ดีกับประเทศชาติก็ทำไปเถอะ ผมไม่ได้ว่าอะไรท่าน ส่วนการที่จะร่วมหรือไม่ร่วม เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันวันข้างหน้า เพราะวันนี้ยังเป็นรัฐบาลนี้อยู่ มันเป็นพรรคการเมืองกันอยู่แบบนี้นั่นแหละ จะเปลี่ยน กก.บห.อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องของกก.บห.ซึ่งทุกพรรคก็มีการปรับมาตลอด”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกระแสข่าวลือถึงขั้นว่า ถอดใจและเตรียมลาออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ใจไม่เคยถอดอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องของประเทศชาติ ไม่มีถอด ถ้าเพื่อประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชน นายกฯไม่เคยถอดใจในเรื่องเหล่านี้ เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบสุขและมีการพัฒนาไปตามขั้นตอน ตามกฎหมายที่มีอยู่เพราะฉะนั้นผมขอยืนยันว่า ไม่มีถอดใจอยู่แล้ว” ผู้สื่อข่าวถามทำไมถึงมีข่าวลือในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะรู้หรือไม่ล่ะ ก็มันเป็นข่าวลือ ยืนยันว่า ไม่มี
ในความเห็นของผม – “รัฐบาลแห่งชาติ” ยังไม่มีในเวลานี้หรอกครับ เพราะไม่มีช่องในรัฐธรรมนูญให้เกิด และมันเป็นการประจาน “ความล้มเหลว” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งแกคงไม่ยอมเสียหน้าแบบนั้นแน่ๆ ยิ่งถึงขั้นที่ฝันเฟื่องกันว่า เอานายทักษิณ ชินวัตร มาเป็นนายกฯ คนกลาง แก้ปัญหาเศรษฐกิจ กระนั้นก็ตาม ประชาธิปัตย์คงไม่ออกจากการร่วมรัฐบาลหรอก และ “ลุงตู่” ก็ไม่ผลักประชาธิปัตย์มาเป็นฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของตัวเองด้วย อยู่กับฝ่ายค้านแบบในปัจจุบันดีกว่า จะมี “ฝ่ายค้านมืออาชีพ” ไว้ประหารตัวเอง!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี