“พรรคเพื่อไทย” ซึ่งรู้กันทั่วไปว่า เป็น “พรรคชินวัตร”อยู่ในความควบคุมของ “นายทักษิณ ชินวัตร” กับ “คุณหญิงพจมาน” และครอบครัว กำลังย่ำแย่ ย่ำแย่ที่ลูกสาว คือ “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” ต้องหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี พร้อมๆ กับถูกตีตราว่า “มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ซึ่งดาบถัดไปที่จะตามมา คือ การตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และอาจต้องหลุดจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย
ขณะที่ “ทักษิณ” ก็ยังมีชนักปักหลัง คดี“ติดคุกทิพย์ ป่วยทิพย์” ที่จะถูกตัดสินในวันที่ 9 กันยายนนี้ สิ่งที่ควรเห็นและถอดรหัสกันให้ชัดๆ คือ “ท่าที” ของบุคคลในกลุ่มต่างๆ ที่พร้อมใจกัน“ปฏิเสธ” การร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยต่อไป แม้ยังมีชื่อ “นายชัยเกษม นิติสิริ” รอให้โหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้อีกคนก็ตาม
1) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ตัวแทนทางการเมืองของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า แถลงข่าวจุดยืนของพรรคภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้คณะรัฐมนตรีชุดเดิมสิ้นสุดลงโดยทันทีว่า เราต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ โดยยึดหลักประโยชน์ 3 สถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ส่วนเราจะจับมือร่วมกับใครนั้น ขอดูทิศทางการบริหารประเทศของทั้ง 2 ฝ่าย และสอดคล้องกับแนวทางของกล้าธรรมหรือไม่ ทั้งนี้ เราจะต้องฟังมติของสมาชิกพรรคด้วย
“จุดยืนของพรรคกล้าธรรม คือ การแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญเราก็พร้อมที่จะร่วมมือกันแก้ไข และกฎหมายอื่นๆ ที่จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาของประชาชนและประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้” นางนฤมล กล่าว
เมื่อถามว่าทำไมพรรคกล้าธรรม ถึงไม่ได้เดินทางไปร่วมแถลงข่าวกับอดีตพรรคร่วมฯ นางนฤมล บอกว่า ตอนที่ศาลท่านอ่านคำวินิจฉัย ตนอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลกับคณะรัฐมนตรี กับท่านนายกฯ หลังจากท่านนายกฯแถลงเสร็จ เราจะเดินหน้าต่ออย่างไร ตนเองตัดสินใจเป็นตัวคนเดียวไม่ได้ เพราะเราเป็นพรรคการเมืองเราต้องมารับฟังความเห็นของสมาชิกพรรคทุกคน และต้องขอมติของทุกคนในพรรคว่าเราจะเดินไปในทิศทางใด จึงเดินทางมาที่พรรคก่อน เพื่อที่จะถามพี่น้องพรรคกล้าธรรมว่า จะเดินหน้าต่ออย่างไร จึงต้องมารับฟังความเห็นของสมาชิกพรรคก่อน
ในเวลาต่อมา พรรคกล้าธรรมก็ออกแถลงการณ์ว่า
“...เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้จำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้งปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่างๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก พรรคกล้าธรรม ได้แสดงจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ
...พรรคกล้าธรรม ยึดถือ 3 สถาบันหลักได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดังนั้น หากมีการเสนอแก้กฎหมายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมายฉบับต่างๆ จะต้องไม่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นศูนย์รวมใจของคนไทย อย่างเด็ดขาด
...การยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรกว่า30 ล้านคนในประเทศ ด้วยการปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรเหนือผลประโยชน์ของกลุ่มทุน
...โดยพรรคภูมิใจไทย ยอมรับเงื่อนไขของพรรคกล้าธรรม และขอให้ร่วมมือกันในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้กติกาของระบอบรัฐสภา
พรรคกล้าธรรม ขอเรียนว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก โดยไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์การเมือง ทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะสุญญากาศขาดทิศทางการพัฒนา และนโยบายที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องได้ ณ วันนี้ประเทศไทย จำเป็นต้องมีกลไกของฝ่ายบริหารที่ต้องเรียกคืน และสร้างความเชื่อมั่นจากนานาประเทศอย่างเร่งด่วน พรรคกล้าธรรม พร้อมยืนอยู่เคียงข้างประชาชนคนไทย ในช่วงวิกฤตของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในครั้งนี้ โดยยึดระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
เป็นอันว่า พรรคกล้าธรรม “ไม่ไปต่อ” กับพรรคเพื่อไทยแล้ว
2) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นสัญญาณชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ได้หมดความชอบธรรมที่จะอาสามาบริหารราชการแผ่นดินต่อไป เพราะขาดคุณธรรมและจริยธรรมในการดำรงตำแหน่งมาแล้วถึงสองคน ซึ่งสอดคล้องกับจุดยืนของพรรคไทยสร้างไทยที่ยึดมั่นการเมืองสุจริต และคำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชนว่าจะรักษาหลักคุณธรรมเป็นสำคัญ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เหตุผลที่พรรคไทยสร้างไทยไม่สามารถยอมรับให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศต่อ มี 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. หมดความชอบธรรมด้านจริยธรรมการเมือง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดว่า นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยขาดความซื่อสัตย์สุจริตและคุณธรรม ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของผู้นำประเทศ ส่งผลให้หมดสิ้นความไว้วางใจจากประชาชนและไม่ควรดำรงตำแหน่งต่อ
2. ไร้ศักยภาพในการดูแลความมั่นคงของชาติ โดยศาลชี้ให้เห็นว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติได้อย่างมั่นคงและรอบคอบ ทำให้เกิดข้อกังขาต่อความสามารถในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ
3. ล้มเหลวด้านเศรษฐกิจ มุ่งประชานิยมที่อาจแฝงด้วยผลประโยชน์อื่นใด ที่ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการบริหารที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนได้อย่างยั่งยืน แต่มุ่งใช้นโยบายประชานิยมระยะสั้นและนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องขณะเดียวกันยังผลักดันแนวคิดทางเศรษฐกิจที่สุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายต่อประเทศ อาจสร้างหนี้สินมหาศาลในอนาคต กระทบต่อฐานะการคลังและประชาชนโดยตรง
คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่า พรรคไทยสร้างไทยจะยืนหยัดผลักดันการเมืองที่สุจริตและมีคุณธรรม พร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เห็นพ้องในหลักการนี้ เพื่อสร้างอนาคตการเมืองไทยที่โปร่งใสและยั่งยืน
นี่เท่ากับว่า คุณหญิงสุดารัตน์ถือ “คมแฝก”มาฟาดเปรี้ยงๆๆๆ ใส่พรรคเพื่อไทยแบบไม่ต้องยั้งมือ
3) นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่าตนเลือกที่จะใช้เอกสิทธิ์ สส.ไม่โหวตให้ นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี การตัดสินใจนี้เพิ่งเกิดขึ้น ด้วยเหตุผล หลักคือ
1.พรรคเพื่อไทยบริหารประเทศมา 2 ปี นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยแถลงไว้ แทบจะไม่สามารถปฏิบัติได้เป็นผล โดยเฉพาะราคาข้าว ราคา มันสำปะหลัง ราคาวัว ตกต่ำเป็นอย่างมาก
2.จากเหตุการณ์คลิปอังเคิลหลุด และเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะที่อำเภอกันทรลักษ์ ประชาชนได้รับบาดเจ็บ ล้มตาย เดือดร้อนกันอย่างแสนสาหัส นั่นหมายถึงรัฐบาลบริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ไม่ดีพอ มาถึงฟางเส้นสุดท้ายคือ คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้ นายกฯ มีความผิดส่งผลให้พ้นจากตำแหน่ง
สิ่งเหล่านี้ทำให้ตนต้องกลับมาคิด อย่างจริงจังว่า ตนและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้น ควรต้องมีส่วนแสดงความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน และควรจะต้องเสียสละไม่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นนายกฯ ไม่ฉุดลากประเทศให้ตกต่ำเดือดร้อนเสียหายไปมากกว่านี้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อันจะนำไปสู่การยุบสภาฯ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนกำหนดอนาคตของตัวเองอีกครั้งในเร็ววัน
นี่คือเหตุผลที่ตนจะไม่สนับสนุนให้นายชัยเกษม เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯ
สรุป : ไม่ว่าทางข้างหน้า พรรคเพื่อไทยโดยตระกูลชินวัตรจะดีลกับใครสำเร็จหรือไม่สำเร็จอย่างไร สองนายกฯที่ผ่านมา ภายใต้การกำกับฯของทักษิณ คือ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กับแพทองธาร ล้วนนำมาสู่จุดอวสานของพรรคเพื่อไทยแล้ว!!
จิตกร บุษบา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี