คลิปที่ฝ่ายประชาธิปไตยแชร์กันเยอะมาก ยอดคนดูเกือบ 2 ล้านวิวแล้ว
นั่นคือ คลิปการพูดของ “อั่งอั๊ง” นางสาวอัครสร โอปิลันธน์ ในเวทีเสวนา “ถ้าการเมืองดี นักเรียน-นักศึกษาจะ “รักชาติ” กันอย่างไร” ที่ห้องประชุมคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ชั้น 4 อาคารคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563
มีการตัดต่อและนำไปเผยแพร่ใน “ยูทูบ” ตั้งชื่อคลิปให้น่าสนใจว่า “ขนลุก! เด็ก ม.5 สอนประยุทธ์ พูดถึงการเมืองไทย อนาคตลงสนามแน่”
คลิปนี้ ถูกแชร์ต่อในกลุ่มการเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็ว
บางคน แค่เห็นหัวข้อชื่อคลิปที่ตั้งไว้เพื่อโจมตีและดิสเครดิตรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก็แชร์และแสดงความเห็นต่อไปแล้ว
เนื้อหาคลิปนี้ เป็นอย่างไร?
1. ตอนต้นเป็นการแนะนำปูมหลังตัวเอง นางสาวอัครสร โอปิลันธน์เกิดมาก็เรียนนานาชาติ
เธอตั้งข้อสังเกตว่า เด็กถูกสอนว่า การเมืองเป็นเรื่องสกปรก เพราะปัจจุบันมันเป็นการเมืองของการแบ่งแยก เป็นนิติสงคราม คนเห็นต่างจุดจบไม่สวยงาม
จากนั้น เธอก็ร่ายยาว ตามสคริปต์ที่เตรียมมา ถึงการเมืองที่เธอเห็น ที่มันสิ้นหวัง โดยนางสาวอัครสร โอปิลันธน์ หยิบยกกล่าวถึงสารพันปัญหา เช่น
รถไฟฟ้าใน กทม. สายไฟระโยงระยาง ทางเดินบนฟุตปาธ ไม่พัฒนา
ถ้าการเมืองดี จะต้องมีเบี้ยคนพิการ เงินผู้สูงอายุเพียงพอ
ธุรกิจปัจจุบัน คนชั้นบน ทำนาบนหลังคน ธุรกิจเล็กน้อยไม่สามารถต่อสู้นายทุนผูกขาด
เงินประกันสังคมถูกไปจ่ายค่าก่อสร้างรีสอร์ทหรู 5 ดาวบนภูเขาแห่งหนึ่ง
ตุลาการไม่เที่ยงธรรม ตายายเก็บเห็ดติดคุก คนที่ฆ่าเสือดำลอยนวล สร้างบ้านบนอุทยานป่าสงวน ขับรถชนคนตายก็ลอยนวล ค้อนตุลาการแพ้กระดาษ (เงิน)
เธอมุ่งไปสู่ข้อสรุปในความฝันสวยงามว่า “ถ้าการเมืองดี สังคมจะดีชีวิตความเป็นอยู่คนจะดี”
นอกจากนี้ ยังเทศนาเรื่องอำนาจนิยม เรื่องคนไทยไม่เป็นไทจากอำนาจนิยม ฯลฯ
2. ฟังมาแค่นี้ ก็จับได้ไล่ทันแล้วว่า เธอเสพรับข้อมูลแบบไหนมา?
ข้อมูลจริง หรือเท็จ หรือบิดเบือน อย่างไร?
2.1 ที่ว่า “การเมืองแบ่งแยก นิติสงคราม คนเห็นต่างจุดจบไม่สวย”
ถามว่า ใครกันแน่ที่แบ่งแยกคนในสังคมเป็น “สลิ่ม” “ไดโนเสาร์”“มินเนียน” “คนรุ่นเก่า” “คนรุ่นใหม่” “ก้าวหน้า” “พวกล้าหลัง” ฯลฯ ?
ใครใช้ถ้อยคำต่ำช้าหยาบคายจาบจ้วงสถาบันอย่างรุนแรง ด่าสาดเสียเทเสียบนเวที ในพื้นที่ชุมนุม ยังไม่นับป้ายสารพัดคำด่า ฯลฯ ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่จริงเหตุใดไม่กล้าปฏิเสธ ไม่กล้าปรามพฤติกรรมเหล่านี้
นิติสงคราม คือ คำที่นายปิยบุตรใช้ด้อยค่าเวลาที่พวกตนถูกดำเนินคดี ในขณะที่พวกตนก็ใช้กฎหมายฟ้องเล่นงานผู้อื่น และคดีที่พวกตนถูกดำเนินคดี บางคดีอัยการสั่งไม่ฟ้อง ก็น้อมรับ ยินดี แต่พอศาลพิพากษาว่ามีความผิด กลับโจมตีศาล โจมตีองค์กรอิสระว่าเป็นนิติสงคราม
คนเห็นต่างมีจุดจบไม่สวยงาม ในความจริง คนที่หนีคดีไปเพราะเห็นต่าง แต่ส่วนใหญ่เพราะทุจริตโกงกิน และบางคนมีพฤติกรรมให้ร้ายสถาบันเบื้องสูง ล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูง แล้วก็หนีคดีไปเอง ส่วนที่มีหายตัวไปในต่างประเทศ ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเชื่อมโยงถึงผู้มีอำนาจในประเทศไทยเลย นอกจากจินตนาการจับแพะชนแกะ เพื่อใส่ร้ายป้ายสีโดยคนที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศกลุ่มหนึ่ง
2.2 ที่ว่า ตุลาการไม่เที่ยงธรรม ตายายเก็บเห็ดติดคุก คนที่ฆ่าเสือดำลอยนวล สร้างบ้านบนอุทยานป่าสงวน ขับรถชนคนตายก็ลอยนวล ค้อนตุลาการแพ้กระดาษ (เงิน) - เงินประกันสังคมถูกไปจ่ายค่าก่อสร้างรีสอร์ทหรู 5 ดาวบนภูเขาแห่งหนึ่ง ฯลฯ
ไม่น่าเชื่อ... แม้แต่คดีตายายเก็บเห็ด ก็ยังยกขึ้นมาตามคำบิดเบือนที่พูดต่อๆ กันมา โดยคดีนี้มีการชี้แจงหลายรอบแล้วว่าจำเลยนั้น เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า คนที่ถูกเรียกว่า “ตายาย” อายุ 48 ปี เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 การตรวจค้นบ้านพักของจำเลยพบไม้สัก และไม้กระยาเลย ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. เป็นจำนวนรวม 1,148 ท่อน เป็นเงินมูลค่ารวม 552,160 บาท ซึ่งถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่า มีความเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า
ความจริงในคดีฆ่าเสือดำ มหาเศรษฐี เจ้าสัวเปรมชัยก็ไม่ได้ลอยนวล ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดทุกคดี มีโทษจำคุก ไม่ว่าจะคดีล่าเสือดำ คดีสินบน คดีครอบครองอาวุธปืน ขณะนี้รอคดีถึงที่สุดเท่านั้นเอง
ความจริงกรณีสร้างบ้านบนอุทยาน หากหมายถึงบ้านพักศาล บ้านป่าแหว่ง รัฐบาลที่อนุมัติเงินค่าก่อสร้างบ้านบนที่ดินตรงนั้นก็คือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แล้วรัฐบาลประยุทธ์เป็นคนสั่งชะลอ และไม่ให้ใช้งาน
ความจริงกรณีเงินประกันสังคมถูกไปจ่ายค่าก่อสร้างรีสอร์ทหรู 5 ดาวบนภูเขาแห่งหนึ่ง หากหมายถึงศรีพันวา ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเขาสร้างมาก่อนหน้านี้ 10 กว่าปีแล้ว สร้างบนที่ดินเอกสารสิทธิ ขออนุญาตเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในขณะนั้น ส่วนเงินประกันสังคมไปลงทุนในกองทรัสต์ก็ลงตั้งแต่ปี 2556 ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
ความจริงคดีบอส ก็เป็นรัฐบาลประยุทธ์ที่สั่งรื้อคดี และไล่ตรวจสอบขบวนการวิ่งเต้นแทรกแซงคดี แต่ในยุครัฐบาลที่เกิดเหตุ ปี 2555 ปล่อยให้คดีขาดอายุความไปหลายคดี
ส่วนข้อกล่าวหา ค้อนตุลาการแพ้กระดาษ (เงิน) ก็กล่าวลอยๆ โดยไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีหลักฐาน ไม่ระบุถึงว่าเป็นคดีใด ทั้งๆ ที่ ในยุคนี้ มีนักการเมืองและคนรวย ต้องคำพิพากษาศาลติดคุกกันระนาว สารพัดคดี ต่อสู้เพิกถอนค่าโง่อีกหลายคดีส่วนคดีที่รอด เกือบทั้งหมด ล้วนเป็นปัญหาที่ต้นธารกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็น คดีฟอกเงินกรุงไทย คดีธรรมกาย ฯลฯ
2.3 ที่ว่า รถไฟฟ้าใน กทม. สายไฟระโยงระยาง ทางเดินบนฟุตปาธ ไม่พัฒนา - ถ้าการเมืองดี จะต้องมีเบี้ยคนพิการ เงินผู้สูงอายุเพียงพอ - ธุรกิจปัจจุบัน คนชั้นบน ทำนาบนหลังคน ธุรกิจเล็กน้อยไม่สามารถต่อสู้นายทุนผูกขาด ฯลฯ
หลายเรื่องบิดเบือนอย่างน่าใจหาย
ภายใต้คำพูดที่คล่องแคล่ว หน้าใสซื่อแบบคนรุ่นใหม่
รถไฟฟ้าสารพัดสายเกิดขึ้นกำลังจะเสร็จในยุคนี้ เช่น สายสีทอง สายสีชมพู สายสีเหลือง ฯลฯ อีกหลายสายที่สร้างมาก่อนก็ได้รับการสานต่อจนจะเสร็จและเปิดในยุคนี้ เช่น สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีเขียวส่วนต่อขยาย สายสีแดง สถานีกลางบางซื่อ ยังไม่นับรถไฟทางคู่นับพัน กม.ที่สร้างจะเสร็จแล้ว รถไฟความเร็วสูงสนามบินต่างจังหวัดขยายตัวและสร้างใหม่อีกมากมาย
สายไฟลงดินถนนหลายสายก็เสร็จยุคนี้ รวมถึงทางเท้า แต่กลับไม่กล่าวถึงเลย
ความจริงเรื่องเบี้ยคนพิการ เบี้ยผู้สูงวัย ก็เพิ่มเติมในยุคนี้ ยังไม่นับเงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เงินประกันรายได้สินค้าเกษตร ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
ส่วนข้อเรียกร้องที่คุยโม้ในการชุมนุม จะเอาสวัสดิการยิ่งกว่าประเทศในยุคยุโรปนั้น ต้องดูความเป็นจริงว่า ในยุโรปเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าเรามากและยังมีภาษีเงินได้สูงลิ่ว ฐานผู้จ่ายภาษีในประเทศเหล่านั้นมีสัดส่วนสูงมากต่อจำนวนประชากร ผิดกับประเทศไทยมากมายนัก เราพร้อมจะเก็บภาษี VAT เพิ่ม และขยายฐานภาษีเงินได้หรือไม่ เพราะจะเรียกร้องเอาทุกอย่างโดยไม่ดูฐานรายได้จริงของประเทศไม่ได้ ไหนจะมีหนี้จากโครงการจำนำข้าวมหาศาลหลายแสนล้านที่ต้องทยอยผ่อนเดือนละ 2-3 หมื่นล้านบาทอีก
ประเด็นที่น่าสนใจ เช่น นายทุนผูกขาด ก็ไม่มีการขยายอย่างลึก และจริงจัง
แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะความจริงแล้ว นางสาวอัครสร โอปิลันธน์ก็คือลูกสาวของคุณชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจผู้เป็นแม่ทัพกุมบังเหียนไทยซัมมิทตัวจริง และเคยยอมรับว่า นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำให้ไทยซัมมิทมีรายได้สูงที่สุดถึง 7.5 หมื่นล้านบาท
พูดง่ายๆ คือ หลานของนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจแกนนำคณะก้าวหน้า (น้องสาวชนาพรรณ) ผู้นำทางความคิดของคณะปลดแอก-คณะราษฎร ที่จาบจ้วงสถาบันอยู่ในขณะนี้นั่นเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี