สถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้ประเมินว่า คณะราษฎร 63 กลุ่มปลดแอกและแนวร่วมต่างๆ ตกเป็นรองอำนาจรัฐหลายขุม เพราะการชุมนุมนี้
ไม่ได้มีพื้นฐานเพื่อประโยชน์แห่งสาธารณะโดยแท้จริง มีวาระซ่อนเร้น เรียกร้องทะลุรัฐธรรมนูญ ผู้คนจึงถอยห่างการชุมนุมออกมาเรื่อยๆ ดูตัวอย่างเสาร์ที่ผ่านมา ประกาศจะจัดกิจกรรมแบบเบิ้มๆ สุดท้ายก็กลายเป็นโจ๊ก ใส่ไข่
ส่วนแกนนำหลายคนถูกดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องเพราะกระทำผิดกฎหมาย ข่าวว่ามีอีกเกือบร้อยคนที่ต้องถูกดำเนินคดี
แล้วถามว่าการชุมนุมจะมีต่อไปอีกไหม??
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การชุมนุม ทางการเมือง จะจบอย่างไร” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 27-28 ตุลาคม 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,317 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่ประชาชนกังวลว่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด จากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 22.63 ระบุว่า ความรุนแรงทางการเมืองระหว่างประชาชนด้วยกัน รองลงมาร้อยละ 20.73 ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศจะย่ำแย่ไปกว่านี้, ร้อยละ 13.36 ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบที่ 2
ร้อยละ 12.30 ระบุว่า การเกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง ในสังคมไทย, ร้อยละ 11.47 ระบุว่า ไม่มีเรื่องใดให้น่ากังวล, ร้อยละ 7.67 ระบุว่า การเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ, ร้อยละ 6.00 ระบุว่า มีมือที่สามสร้างความรุนแรงทางการเมือง และร้อยละ 5.84 ระบุว่า การเกิดรัฐประหาร
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ว่าจะจบอย่างไร พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 19.44 ระบุว่า รัฐบาลยอมทำตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม รองลงมา ร้อยละ 15.79 ระบุว่า มีความรุนแรงทางการเมืองแล้วรัฐบาลลาออก, ร้อยละ 12.53 ระบุว่า มีความรุนแรงทางการเมือง ต่อด้วยรัฐประหาร, ร้อยละ 11.39 ระบุว่า มีความรุนแรงทางการเมืองแต่รัฐบาลควบคุมได้ และผู้ชุมนุมลดน้อยลงจนต้องเลิกชุมนุมไปเอง ในสัดส่วนที่เท่ากัน
ร้อยละ 11.31 ระบุว่า ภาครัฐสามารถบังคับใช้กฎหมายควบคุมการชุมนุมได้, ร้อยละ 7.52 ระบุว่าผู้ชุมนุมประกาศยุติการชุมนุมเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด, ร้อยละ 4.25 ระบุว่า เกิดการรัฐประหาร ก่อนที่จะมีความรุนแรงทางการเมือง, ร้อยละ 0.53ระบุว่า รัฐบาล และผู้ชุมนุมสามารถเจรจาต่อรองกันได้ และร้อยละ 5.85 ระบุว่า เฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ว่าจะจบลงเมื่อไร พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.29 ระบุว่า การชุมนุมจะยืดเยื้อไม่จบ รองลงมา ร้อยละ
12.15 ระบุว่า ภายในปลายเดือนธันวาคม 2563, ร้อยละ 11.92 ระบุว่า ภายในต้นปี 2564, ร้อยละ9.79 ระบุว่า ภายในกลางเดือนพฤศจิกายน 2563,ร้อยละ 6.68 ระบุว่า ภายในปลายเดือนพฤศจิกายน2563, ร้อยละ 3.42 ระบุว่า ภายในกลางเดือนธันวาคม 2563 และร้อยละ 1.75 ระบุว่า เฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
สำหรับผมมองว่า ตราบใดที่ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะหรือส่วนรวม ตราบนั้นไม่มีวันชนะ
แม้จะชุมนุมต่อ ก็จะเป็นแค่ชุมนุมเรียกร้องเพื่อเอาตัวรอด จากผลกระทำของตัวเองที่ฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งง่ายต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
แกนนำผู้ชุมนุมได้บทเรียน กองเชียร์ถอยห่าง สังคมไม่เอาด้วย คงไม่มีอีกแล้วบิ๊กเซอร์ไพรส์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี