เขียนวันนี้จะกล่าวหาว่าฟื้นฝอยหาตะเข็บก็ต้องยอม แต่ความจริงคือความเป็นจริง เหตุแห่งการแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” นั้น ปฐมเหตุเบื้องต้นไม่ใช่จากแรงงานต่างด้าว แต่เริ่มต้นจากความเห็นแต่ตัว ความไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่และสังคม ขาดจิตสำนึก จนเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อภาพรวมของสังคม และเศรษฐกิจอย่างสาหัสสากรรจ์
เหตุจากเจ้าหน้าที่รับอามิสสินจ้างจนเกิดขบวนการขนแรงงานต่างด้าวเถื่อน เมื่อเถื่อนเสียแล้วการดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลทหารแก่เขียนไว้ก็ถูกละเว้น ไม่เกิดการปฏิบัติอย่างจริงจัง แรงงานต่างด้าวผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาจากบ้านตนเองจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาณาเขตติดต่อกันจึงถูกนำพาเข้าสู่ชุมชนคนไทย
อีกด้านหนึ่งความละโมบไม่รู้จักพอของเจ้าหน้าที่ทางราชการทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายปฏิบัติการรับส่วยอามิสสินจ้างปล่อยให้มีการตั้งบ่อนพนันกลางชุมชน นี่ก็เถื่อน เมื่อเถื่อนเสียแล้วจะมีการดำเนินการคัดกรองตามมาตรการและมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลทหารแก่แถลงไว้ก็เป็นแค่เสียงผายลมจากปากผู้นำรัฐบาล ที่พ่นออกมาแล้วคนที่ได้ยินก็ลุกหนีก็เมินเฉย
ทั้งสองเหตุการปฐมเหตุแห่งการแพร่ระบาดของ“โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19” ครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากส่วยคอร์รัปชั่นทั้งนั้น สิ่งที่นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน แถลงไว้ก่อนหน้านี้จึงเป็นเหตุสมควรคือ “ล็อกดาวน์ประเทศ” ไปก็ไร้ผล รังแต่จะเกิดอาการเจ็บปวดของสังคมไทยมากขึ้น
“ล็อกสันดานสร้างสามัญสำนึก”ให้เจ้าหน้าที่ที่รับส่วยทั้งหลายก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะจิตสำนึกไม่ได้มีให้เช่าแบบบ้านหอพักหรืออื่นๆ ทั้งหลายทั้งปวง
ดีที่สุดหลังจากเกิดเหตุพิบัติครั้งนี้ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมทหารแก่ ต้องตระหนักว่า “กระจก” ไม่ได้มีแค่ส่องความงามบนใบหน้าเท่านั้น แต่ส่องให้เห็นความเป็นจริงและความถูกต้อง
ที่ผ่านมาสังคมไทยเห็นแล้วว่าจักต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการ หลังจากเกิดกรณีอัยการสูงสุดลงนามในคำสั่งไม่ฟ้องนายบอส – วรยุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถหรูชนจยย.ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตและหลบหนีไปกบดานต่างประเทศ
มาบัดนี้มีพิบัติจากการแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19” จนเป็นที่ตื่นตระหนกตกใจของสังคมไทย และ 2 ปฐมเหตุก็มาจากเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นรับส่วยรับอามิสสินจ้าง ท่ามกลางเสียงปฏิเสธของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบซึ่งตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือน ทหารแก่ก็ทำเสมือนไม่มีเรื่องส่วยทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่จริง กระทั่งล่าสุดที่ตั้ง“วอร์รูมปราบบ่อน – แรงงานเถื่อน” งานนี้ต้องเอาให้จริงทำให้ได้เพราะทั้ง 2 ประเด็น “ตั้งบ่อน-ค้ามนุษย์” เข้าฐานมูลเหตุความผิดตามกฎหมายป.ป.ง.ต้องรีบจับกุมดำเนินคดีตามความผิดฐานฟอกเงิน ต้องยึดทรัพย์เข้าหลวง เพราะเป็นต้นเหตุให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณ
พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.อย่าคะนองปากออกมาคำราม รู้อย่างนั้นเห็นอย่างนี้ไม่เกิดประโยชน์กับฝ่ายใด ลงมือกระทำเกิดประโยชน์มากกว่า
ทหารแก่ต้องเร่งปฏิรูประบบราชการเสีย อย่าให้ทุกอย่างที่แถลงเมื่อครั้งรัฐประหาร เป็นแค่อาการสำรอก, ถ่มน้ำลายรดฟ้าให้อาย “กวิ้น – รุ้ง –ไมค์ – มายด์ – ไผ่ และกลุ่มนักเรียนเลว” เลย จะให้บอกว่าอายหมาอายสุนัขก็เกรงใจอยู่
แต่ถ้าไม่กระดิกไม่คิดทำอะไรในวิกฤตินี้ 6 ปีที่ผ่านมาช่วยตอบที ประชาชน – สังคมไทย ได้อะไร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี