“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” แน่นด้วยเนื้อหาสาระ ตรงประเด็นด้วยข้อเท็จจริงฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ยังมั่นคงกับข้อเรียกร้องให้พลิกวิกฤติโควิด-19 ให้เป็นโอกาส “จัดระเบียบสังคม – ปฏิรูประบบราชการ” เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติในอนาคต นั่งๆ ยืนๆ ทู่ซี้มา 6-7 ปี ฝากผลงานการปฏิรูประบบราชการให้เล่าขานเซ็งแซ่ในภายภาคหน้า เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ “จันทร์โอชา” ไม่ควรหรือ...
nn เรื่องบางเรื่องชาวบ้านเขาก็รอดูว่าจะเอวังอย่างไร อย่างกรณีผลตรวจสอบของ “อาจารย์วิชา มหาคุณ” สรุปขบวนการทุจริต “คดีบอส-กระทิงแดง หรือ วรยุทธ อยู่วิทยา” จวบจนวันนี้ ทั้งประดาอัยการ ตำรวจ และฝ่ายการเมืองที่สนับสนุนในการเป่าคดียังอยู่ดีเสวยสุขกันถ้วนทั่ว เยี่ยงนี้จะกระชากลากถู “อาจารย์วิชา มหาคุณ”มาออกหน้าตรวจสอบเพื่อ?!?!? อย่างนี้แหละที่เขาเรียกกันว่า “มวยล้มต้มคนดู”...
nn เลือกสรรคนดีมาใช้งาน ถีบคนอัปรีย์ให้หลุดพ้นจากอำนาจ นี่คือหลักการบริหารราชการแผ่นดินที่โปร่งใสเที่ยงธรรมขจัด “วงจรอุบาทว์” เช่นกันสมบัติของชาติมีอยู่พร้อมต้องหยิบฉวยนำมาใช้ ไม่ใช่หลงใหลรอปลื้มไปกับกระแสยานอกยาวิทยาศาสตร์ “วัคซีน” ที่ยังไม่มีความปลอดภัย เพราะผลทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างที่รับวัคซีนเมืองผู้ดียังทำให้พยาบาลสาวสัญชาติโปรตุกีสเสียชีวิตอย่างปริศนา หลังจากรับวัคซีนโควิด-19 ได้เพียง 2 วัน...
nn หลายวันมานี้มี “ผู้รู้และสู่รู้” หลากหลายออกมาให้ความเห็นเรื่องการกำจัดและการรักษา “โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19”ด้วยสมุนไพรและตำรับยาแพทย์แผนไทยหลายคน “ไม้หน้าสาม” เห็นว่าเป็นวิทยาทานที่น่าสนใจจึงนำมาบอกเล่ากันต่อ “เขาบอกว่า “ยาเขียวไทย”ซึ่งข้างซองจะเขียนว่า “ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้หัดอีสุกอีใส” ซึ่งความจริงยาเขียวเป็นยาไทยโบราณเป็นร้อยปีมาแล้ว สมัยนั้นยังไม่มีใครรู้จักคำว่า “เชื้อไวรัส” แต่อีสุกอีใสมีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งยาเขียวเป็นยาประจำในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย “สามารถระงับขับเชื้อไวรัส” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยาตำรับจีนไม่มียาเขียว แต่ตำรับยาไทยนั้นมียาเขียวซึ่งเมื่อทานยาเขียวเข้าไปแล้วก็จะขับออกมาจากร่างกายดีกว่ายาวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเชื่อว่าหากทานยาเขียวเพื่อขับเชื้อไวรัสนี้อย่างต่อเนื่อง 3 วัน 5 วันก็น่าจะหายได้ในช่วงที่สงสัยว่าติดเชื้อไวรัสหรือไม่ การทานยาเขียวไม่มีผลข้างเคียงไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ ยาเขียวไม่มีฤทธิ์ร้อนหรือฤทธิ์เย็นจึงไม่มีอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19”)ชื่อก็บอกอยู่แล้วอย่าลืมว่าเมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายมันจะเกาะผนังเซลล์และกระจายตัวออกไปทั่วร่างกาย ดังนั้นการทานยาเขียวแล้วขับออกจากร่างกายจึงเป็นผลดีต่อร่างกาย...
nn อย่างไรก็ดี “สมุนไพรไทยโดยปราชญ์ชาวบ้าน”หรือแพทย์แผนไทยโบราณนั้นมีหลายตำรับ หนึ่งในนั้นคือตำรับ “ยาตั้งไฟธาตุ” ทานเพื่อเป็นการปรับสมดุลร่างกายให้แข็งแรงตำรับยาโบราณของ “ชัยรัตน์ นนทชัย” หรือหมอเณร ราชาสมุนไพรแห่งเมืองกาญจนบุรี ก็เป็นหนึ่งในตำรับยาบรรพบุรุษ ซึ่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
“ศาลปกครองกลาง” มีคำพิพากษาให้ “หมอเณร” ชนะคดีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกฐานละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่รับรองตำรับยาหมอเณรหลังเป็นโจทก์ยื่นฟ้องร้องต่อสู้กันมานานนับทศวรรษ หลังผลการรักษาด้วยตำรับยาภูมิปัญญาบรรพบุรุษของ “หมอเณร” นี้ชี้ชัดว่าสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีบาดแผลเน่าเรื้อรัง สามารถรักษาหายได้ไม่ต้องตัดขาไม่ต้องผ่าตัดฝังแบตเตอรี่หัวใจ จากอาการป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ผลลัพธ์ที่ได้เหล่านี้กลับไม่เพียงพอที่กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุขจะให้ความสนใจสนับสนุนวิเคราะห์วิจัยต่อยอดสร้างสรรค์คุณประโยชน์เพื่อพี่น้องประชาชนเพื่อประเทศชาติเลยหรือ ฤๅ...!!! บุคลากรทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขจักรู้จักเพียงแค่หนทางการเสพสุขกับภูมิปัญญาและแนวคิดเดิมๆ ในการนำงบประมาณไปใช้สนับสนุนวิเคราะห์วิจัยยาเชิงเดี่ยว อาทิ “ยาหม่อง, ขมิ้นชัน, ฟ้าทะลายโจร” ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น โดยละทิ้งและไม่ใส่ใจ “มหาทรัพย์มหาสมบัติ" ของประเทศ เช่น “ตำรับยาภูมิปัญญาบรรพบุรุษของชาติ”การแพร่ระบาดโควิด-19 น่าจะเป็นโอกาสทองที่เหมาะสมที่ควรฉกฉวยวิเคราะห์วิจัยนำมาทดลองใช้กับความเป็นจริง หากเปิดใจรับตำรับยาสมุนไพรที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันปรับไฟธาตุสร้างสมดุลร่างกายคนไทย เชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ไม่อาจแพร่ระบาดจนสร้างความตื่นตระหนกให้คนไทยได้ และหากวงการสาธารณสุขไทยทำสำเร็จ ยังสามารถช่วยเหลือคนทั่วโลกให้ต่อสู้กับ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19”) เหมือนสังคมไทยรายได้ที่จะไหลเข้ามายกระดับเศรษฐกิจไทยให้อยู่ระดับแถวหน้าของโลกก็ไม่น่าจะไกลเกินฝัน เช่นเดียวกับสาธารณรัฐประชาชนจีน สามารถเอาชนะโควิดได้นั้น ล้วนเกิดจากความร่วมไม้ร่วมมือของแพทย์แผนจีน และแพทย์แผนปัจจุบันทั้งสิ้น...
nn “ไม้หน้าสาม” ชวนย้อนไปดูตัวเลขผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งปีนี้ยังเกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากมายเช่นเดิม ทั้งที่เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลขอความร่วมมือสังคมไทยงดการเดินทางไปสังสรรค์ไปท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัด เพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19...nn รัฐบาลหลายยุคหลายสมัยพยายามหามาตรการมาลดจำนวนอุบัติเหตุ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้น ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือ ความประมาทใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับยานพาหนะ คำถามคือ การบังคับใช้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ แม้จะมีการกำหนดโทษที่สูงแต่เหตุใดจำนวนผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจึงไม่ลดลง ประเทศเวียดนามสวมหมวกกันน็อกได้ 100% เพราะตำรวจบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นจับปรับขั้นต่ำ 1,000 บาท ไม่ไว้หน้า แต่เวียดนามไม่สามารถบังคับให้ผู้คนหยุดสูบบุหรี่ในที่สาธารณะหรือในร้านภัตตาคารห้องปรับอากาศได้ แต่ประเทศไทยสามารถใช้กฎหมายบังคับห้ามสูบบุรี่ในพื้นที่ต้องห้ามได้ 100% ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า หากเจ้าหน้าที่รัฐเอาจริงเอาจัง ย่อมจะบังคับกฎหมายทำสังคมให้น่าอยู่ มีระเบียบเรียบร้อย ป้องกันความสูญเสียที่จะตามมาได้ ที่สำคัญกฎหมายต้องบังคับใช้อย่างเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ ลดความเหลื่อมล้ำทางกฎหมาย ได้อย่างแน่นอนเช่นกัน...
nn ทิ้งท้ายฉบับนี้ สส.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ ร้องคณะกรรมาธิการการปกครอง-คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ช่วยแก้ปัญหา “วัดเขาไชยราช” สร้างพระอุโบสถมูลค่า 25 ล้านบาท นาน 13 ปีถึงแล้วเสร็จ แต่ใช้ประกอบพิธีสงฆ์ไม่ได้ !! แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ???
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี