เป็นอันว่า การก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ เสร็จไม่ทันวันที่31 ธันวาคม 2563 ตามที่เคยได้รับการขยายระยะเวลาก่อสร้างครั้งที่ 4 เมื่อปีที่แล้ว
หลังจากนี้ เรื่องค่าปรับจะทำอย่างไร?
แล้วฝ่ายบริษัทซิโน-ไทยฯ ว่าอย่างไร?
1. นายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ รองเลขาธิการสภาฯเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มีมติไม่ขยายสัญญาการก่อสร้างครั้งที่ 5 ให้แก่บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) (ที่จะสิ้นสุดสัญญาก่อสร้างในวันที่ 31 ธันวาคม 2563)
หากบริษัทฯ ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญาจะถูกปรับวันละ 12 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ
“เหตุผลที่ไม่ต่อสัญญาการก่อสร้างให้ เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัทฯไม่สามารถชี้แจงเหตุผลเรื่องระบบท่อร้อยสายที่สัมพันธ์กับสัญญาก่อสร้างหลัก จนเป็นเหตุให้การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เสร็จไม่ทันตามกำหนดนั้น จะทำให้การก่อสร้างเกิดความล่าช้าไปกี่วัน ทางบริษัทฯไม่สามารถพิสูจน์รายละเอียดเรื่องนี้ได้ชัดเจน แม้จะให้โอกาสพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วก็ตาม จึงพิจารณาเห็นว่าไม่ควรต่อสัญญาครั้งที่ 5 ขั้นตอนต่อไปจะนำมติการประชุมส่งให้นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยยึดข้อมูลเหตุผลของคณะกรรมการประกอบการพิจารณา” นายสาธิตกล่าว
2. คาดว่า บริษัทซิโน-ไทยฯ ย่อมจะพยายามเร่งรัดดำเนินงานก่อสร้างต่อไปให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
คงจะไม่ทิ้งงาน เพราะจะมีผลเสียหายร้ายแรงต่อการรับงานก่อสร้างมูลค่ามหาศาลกว่านี้ในอนาคต
แต่ขณะเดียวกัน ก็คงจะพยายามเจรจาเรียกร้องให้ขยายระยะเวลาก่อสร้าง และ/หรือ ต่อสู้ในทางระเบียบข้อกฎหมายเพื่อไม่ต้องจ่ายค่าปรับ หรือจ่ายน้อยที่สุด
3. เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2564 บริษัทซิโน-ไทยฯ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์
ชี้แจงการดำเนินงานโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ฯ กรณีการขยายเวลาก่อสร้างครั้งที่ 5
เนื้อหาสาระสำคัญ 3 ประเด็น ได้แก่
ระบุว่า งานประกอบอาคารด้านสายสัญญาณ (ท่อ สาย เต้ารับ) งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและงานระบบโสตทัศนูปกรณ์ ของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ถูกจัดจ้างขึ้นในภายหลังเป็นปัญหาและอุปสรรคทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถทำงานก่อสร้างได้ตามแผนและกำหนดระยะเวลาในการก่อสร้างงานตามสัญญาของบริษัทฯ และบริษัทฯ ได้มีหนังสือโต้แย้งแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ระบุว่า บริษัทฯ ได้มีหนังสือขอให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณางดหรือลดค่าปรับให้ หรือขยายระยะเวลาทำงานตามสัญญาหรือข้อตกลงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ระบุว่า บริษัทฯ ได้มีหนังสือขอใช้สิทธิรับความช่วยเหลือในฐานะผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท โดยขอใช้สิทธิในการรับความช่วยเหลือโดยการลดหรืองดค่าปรับเป็นจำนวน 150 วัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ แสดงความเชื่อมั่นว่า “สามารถดำเนินงานโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และอาคารประกอบได้จนแล้วเสร็จและไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของบริษัทแต่อย่างใด”
4. น่าสังเกตว่า บริษัทซิโน-ไทยฯ ยังไม่ได้กล่าวถึงกรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 1,590 ล้านบาท
5. ล่าสุด นายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ฐานะประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาฯ เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (กจว.) กรมบัญชีกลาง เพื่อขอให้พิจารณาต่อกรณีที่บริษัทซิโน-ไทยฯ ขอใช้สิทธิให้สำนักงานพิจารณาลดหรืองดค่าปรับ ซึ่งบริษัทซิโน-ไทยฯ อ้างถึงผลกระทบในหลายประเด็น อาทิ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19, การเสนอขอขยายเวลาจัดทำป้ายข้อความที่ใช้ติดตั้งภายในอาคารรัฐสภาเช่น ป้ายหน้าห้องกรรมาธิการ, ป้ายหนีไฟ ที่มีกว่า 4,000 รายการแต่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการไปเพียงบางส่วน และขณะนี้ติดปัญหาการนำเข้าวัสดุจากต่างประเทศ, การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2556 เป็นต้น ว่าตามเงื่อนไขและรายละเอียดของกฎหมายสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนระยะเวลาที่ กจว. จะพิจารณานั้นไม่สามารถระบุได้ เพราะเป็นดุลยพินิจของกรรมการ ที่จะนัดประชุมเดือนละ 1 ครั้ง
ประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้างานก่อสร้างตามสัญญาหลัก คือ อาคารรัฐสภาพร้อมอาคารประกอบนั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับแจ้งว่าแล้วเสร็จไป 95.06% และงานขณะนี้ยังเหลือส่วนของอาคารโถงกลาง ที่เป็นห้องทำงานของสส. ที่งานก่อสร้างแล้วเสร็จและเหลืองานตกแต่ง การติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
6. น่าสนใจติดตามว่า สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้ว่าจ้าง จะเรียกค่าปรับจากคู่สัญญาวันละ 12 ล้านบาทนั้นเมื่อไหร่ อย่างไร และสุดท้ายจะได้เงินค่าปรับมาจริงหรือไม่?
1 วัน 12 ล้าน
ถ้า 10 วัน ก็ 120 ล้านบาท
ถ้า 30 วัน ก็ 360 ล้านบาท
ถ้า 100 วัน ก็ 1,200 ล้านบาท
ถ้า 150 วัน ก็ 1,800 ล้านบาท
ซึ่งขณะนี้ ฝ่ายเอกชนก็ยังโต้แย้ง และขอใช้สิทธิรับความช่วยเหลือ โดยหยิบยกเหตุผลพัลวันเลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่เรื่องโควิด ไปจนถึงค่าแรง 300 บาท
ถ้าได้เงินค่าปรับมาจริงๆ จะต้องชื่นชมว่า ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา (เสียที)
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี