นิทานเรื่อง “หางโผล่” เกิดขึ้นมาอย่างหลากหลายจากหลายชาติ หลายภาษา ตั้งแต่นิทานอีสป เทพนิยายของประเทศต่างๆ นิทานพื้นบ้านและตำนานเล่าขานเฉพาะถิ่น เช่น เรื่องหมาป่าคลุมหนังราชสีห์ พระฤๅษีตัวปลอมหางโผล่หนูน้อยหมวกแดงกับคุณยายหมาป่า และพญามารแปลงร่างเป็นนักบุญ เป็นต้น

ทุกเรื่องล้วนเป็นการ “แปลงกาย” ของสัตว์ร้าย หรือวิญญาณโหด หรือจอมมารทั้งหลาย เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทั่วไปเข้าใจผิด แต่จบท้ายก็จะ “ถูกจับได้” ว่าเป็น หมาป่าแปลงกายมา เป็นจอมมารหรือซาตานแปลงร่าง เพราะเกิดรายการ “หางโผล่” ออกมาอย่างกะทันหัน “ฟ้องความจริง”ให้โลกรู้ว่า “เจ้าคือจอมมารตัวจริง”

วันนี้ในประเทศไทย เป็นวันที่ “ม็อบมนุษย์สามนิ้ว”ชูความรุนแรงในการก่อม็อบทุกครั้ง มี “เป้าหมาย” ต้องการ “ศพคนตาย” นำไปเป็น “จุดขาย” ในการ “จุดประกาย” ให้เกิด “สงครามกลางเมือง” เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือเปลี่ยนขั้วอำนาจในประเทศไทย

ดูเหมือนสื่อจอมซนปากบุกซุกปากบอนจำนวนไม่น้อยต่างรู้เท่าทันว่า “มีไอ้โม่งที่เป็นอาจมและอาเจียนอยู่เบื้องหลังม็อบ” แถมมีสส.จากบางพรรคให้ท้าย มีนักการเมืองนอกสภาให้ทุน และมีเจ้าหน้าที่รัฐจากต่างชาติที่เป็นนักไล่ล่าเมืองขึ้นเป็นผู้สนับสนุน

หลังจากบุคคลต่างๆ ที่ถูกระบุอาชีพดังกล่าว “ได้มุดอยู่ใต้กระโปรงเยาวชน” มานาน ในวันนี้ต่างก็เริ่ม “หางโผล่” ออกมาจากใต้ผ้าห่มคุณยาย ใต้กระโปรงเยาวชน ใต้เสื้อคลุมนักบุญและใต้หนังราชสีห์

ดังนั้น “ไม่ว่าจะเป็นสส.เตี้ยแอบหลังม็อบ อาจมขยันปั่นหัวเด็ก อาเจียนผู้บูชาฝรั่งอั้งม้อยิ่งกว่าบิดา และนักการเมืองนอกสภา ที่แตะมือกันให้เกิดรายการ ยุให้รำตำให้รั่วในแผ่นดินไทย” ต่างถูก “สื่อที่ไม่เลือกข้าง” ทำหน้าที่เป็น “ไอ้เปี๊ยกหางเปียคู่” ตะโกนเสียงดัง “หางโผล่แล้ว หางโผล่แล้ว” จนคนไทยเริ่ม “ตาสว่าง”

แม้วันนี้คนไทยส่วนใหญ่จะ “เห็นหางโผล่มาจากใครบ้าง?” แต่จอมหางโผล่ทั้งหลายก็ “ไม่แคร์” โดยมั่นใจว่า “แม้หางข้าจะโผล่ ใครก็ทำอะไรข้าไม่ได้”

ที่มั่นใจเช่นนี้ เพราะ “จอมหางโผล่” ต่างเชื่อว่า “ขาใหญ่ข้ามชาติ” คงจะไม่ทอดทิ้งพวกตน?

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม