กรณีเรือขนสินค้าเดินทะเลขนาดยักษ์ แล่นเข้าไปในคลองสุเอซ แล้วถูก พายุทรายเสียหลัก ขวางลำ ขวางคลองไว้เกือบ 1 สัปดาห์แล้ว ทำให้เรือขนสินค้าที่จะสัญจรแล่นผ่านคลองสุเอซไม่ได้ จนถึงปัจจุบัน
ขณะนี้ เรือยักษ์ก็ยังอยู่ระหว่างปฏิบัติการกู้ เพื่อให้หลุดจากสันดอนทราย
เหตุการณ์นี้กลายเป็นที่กล่าวขานพูดคุยกันหลากหลายมิติ
1. ล่าสุด สำนักข่าว China Xinhua News รายงานว่า ปัจจุบัน มีเรืออย่างน้อย 321 ลำ ทั้งบริเวณตอนเหนือและตอนใต้ ที่กำลังรอเดินทางผ่านคลองสุเอซ (Suez Canal)
ขณะนี้ ใช้เรือลากจูง 14 ลำ พยายามทำให้เรือเอเวอร์ กิฟเวนหลุดออกจากฝั่ง
2. เรือบรรทุกสินค้าที่ขวางคลองอยู่ มีชื่อว่า เอเวอร์ กิฟเวน (Ever Given)
มีความกว้าง 59 เมตร ยาว 400 เมตร ขวางลำกลางคลอง
เหมือนจระเข้ขวางคลอง (คลองกว้าง 300 เมตร)
คลองสุเอซ จึงเสมือนถูกปิดไปโดยปริยาย
ถ้าเลือกที่จะไม่รอผ่านคลองสุเอซ ก็ต้องแล่นอ้อมแหลมกู้ดโฮป ที่ปลายทวีปแอฟริกา ไกลขึ้นกว่า 7,000 กิโลเมตร ใช้เวลานานกว่าตัดเข้าคลองสุเอซ กว่า 10 วัน ค่าเช่าเรือ ค่าน้ำมัน ค่าขนส่ง แพงขึ้นเป็นเงาตามตัว
3. เรือขนส่งที่ใช้ช่องทางผ่านคลองสุเอซ ก็เพื่อร่นระยะทางและระยะเวลาการเดินทาง
คลองสุเอซ (Suez Canal) เป็นคลองขุดเพื่อให้บริการเหมือนทางด่วนทางเรือ อยู่ในประเทศอียิปต์
เชื่อมระหว่างท่าเรือซาอิด ฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเมืองสุเอซ (Suez) บนฝั่งทะเลแดง
ความยาว 193 กิโลเมตร ความกว้าง 300-350 เมตร และมีความลึกกว่า 20 เมตร
รองรับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ที่มีความยาว 500 เมตร กว้าง 60-70 เมตร ได้สบายๆ
แต่ละปี จะมีเรือผ่านคลองสุเอซมากกว่า 20,000 ลำต่อปี ใช้เวลาเดินเรือจากท่าเรือสุเอซไปยังท่าเรือซาอิด ประมาณ 11 ชั่วโมง
เรือบรรทุกน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยุโรป ก็ใช้เส้นทางนี้ ถือเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญของโลก
4. เพจข่าว “ทันโลกกับ Trader KP” รายงานเพิ่มเติมว่า เรือ Ever Given ยังคงเกยตื้นขวางคลองสุเอซอยู่ แต่ข่าวดี คือ เรือเริ่มขยับออกมาได้ 29 เมตรแล้ว ส่วนใหญ่เชื่อว่าอาจยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วัน ในการขุดลอก ก่อนที่จะมีการล้างโคลนและทรายให้เพียงพอเพื่อพยายามที่จะทำให้ลอยขึ้นได้ใหม่เมื่อระดับน้ำสูงขึ้น
ทว่าข่าวร้าย คือ ความเสียหายอาจทะลุหลักล้านล้านบาทเข้าไปแล้ว !
จำนวนเรือที่รอข้ามช่องคลองสุเอซ ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 321 ลำแล้ว !
“...จำนวนเรือที่จ่อรอคิวนั้นยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีบริษัทเรือบางลำที่เริ่มตัดสินใจว่าจะส่งเรือวิ่งอ้อมโลกแล้วก็ตาม แต่การวนอ้อมทวีปแอฟริกานั้นอาจใช้เวลาเดินทางมากขึ้น 10-15 วัน และเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันมากถึงกว่า 10 ล้านบาทต่อลำ แต่เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คลองสุเอซจะทำการเคลียร์ทางสำเร็จจึงทำให้เรือบางลำต้องตัดสินใจเช่นนี้
เหตุการณ์ในครั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและการค้าของโลกสูงถึงชั่วโมงละ 1 หมื่นล้านบาท และยิ่งมีจำนวนเรือรอคิวมากขึ้นเรื่อยๆ ความเสียหายก็จะสูงขึ้น
หากนับจากตอนนี้ที่การเดินเรือหยุดชะงักไป 6 วันแล้ว ทำให้นับเป็นความเสียหายได้กว่า 1.7 ล้านล้านบาทเข้าไปแล้ว”
5. ผู้ใช้เฟซบุ๊ค “Seksit Pratoomsri” คือ กัปตันเรือไทย เศกสิษฎ์ประทุมศรี ให้แง่คิดว่า
“...ตอนนี้ Suez ก็เป็นอัมพาตไปเรียบร้อยแล้ว นึกถึงว่าถ้าเป็นคลองไทยที่เรามีโครงการว่าจะขุดที่ภาคใต้ ป่านนี้คงคิดหนักกันแล้วหล่ะครับ ถ้าเจอ case study แบบนี้
เรือลำนี้เจ้าของคือบริษัท Shoei Kisen Kaisha ของญี่ปุ่น และถูกเช่าโดย Evergreen Line ของไต้หวันครับ เรือลำนี้ได้รับการดูแลจากบริษัท Bernhard Schulte Shipmanagement (BSM) ซึ่งเป็น ship manager ดังของโลกเลย มาดูกันครับ ว่าตอนนี้ เขาจะทำยังไงให้เรือลอยขึ้นและหลุดจากที่ตื้นได้บ้าง
1. ขุดทรายที่หัวเรือออก ด้วยรถขุดหรืออื่นๆ ก็ต้องขุดทรายออกถึง 20,000 คิวบิกเมตร และลึกถึง 16 ม. Bow Bulbous เรือถึงจะหลุด เพราะด้วยโมเมนตัมของเรือ + ความเร็วของเรือ + แรงลม หัวเรือน่าจะเสียบเข้าไปที่ชายฝั่งลึกและแรงพอสมควรเลยทีเดียวครับ
2. ใช้เรือ Tug ช่วยดึง ให้พ้นที่ตื้น ดึงให้ตาย ก็ไม่น่าออกครับ ด้วยน้ำหนักเรือ + หัวเรือที่เสียบเข้าไปในทราย คงไม่น่ามี tug ที่มีแรงพอทีจะดึงออกได้…
...ผมหล่ะเป็นห่วง Evergreen Line จริงๆ เกิดมีการฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทน แล้วคนฟ้องชนะขึ้นมา ประกันภัยทางทะเลในเรื่องของ P&I ที่ดูแลบุคคลที่ 3 น่าจะอ่วมแหละครับ เพราะน่าจะเกินความรับผิดของเจ้าของเรือในส่วน Owner Liability แน่ๆ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ในฐานะคนประจำเรือคนหนึ่งครับ…”
6. วินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ เขียนถึงเหตุการณ์นี้ แฝงด้วยอารมณ์ขันว่า
“วันอังคารที่ผ่านมา เรือสินค้ายาว 400 เมตรลำหนึ่งแล่นผ่านคลองสุเอซ
ติดแหง็ก ไม่ขยับ ขวางคลองเต็มๆ
เป็นผลให้การจราจรทางน้ำติดขัด เรือสินค้าทั้งขาไปขากลับขยับไม่ได้
ถ้าเป็นจระเข้ขวางคลองที่อื่นในโลก อย่างมากก็บ่นๆ แล้วจบ
แต่จระเข้ขวางคลองสุเอซส่งผลกระทบไปทั้งโลก
คลองเส้นนี้มีเรือสินค้าผ่านวันละ 50 ลำ มูลค่าสินค้าหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ต่อวัน
12 เปอร์เซ็นต์ของสินค้าทั้งโลกผ่านคลองสายนี้
ตอนนี้มีเรือสินค้าเข้าคิวรอการจราจรคลี่คลายอยู่ราว 160 ลำ บรรทุกสินค้า น้ำมัน ยา ฯลฯ ที่จะส่งไปทั่วโลกแค่จระเข้ตัวเดียวขวางคลองกระทบทุกตลาดไปตามปฏิกิริยาลูกโซ่ โรงงานหลายแห่งในโลกต้องหยุด ราคาสินค้าพุ่ง
แล้วจะทำยังไงต่อ?
ก็ต้องเรียกไกรทองมาปราบจระเข้ชาละวัน
แล้วไกรทองจะทำยังไง? ก็ขุดดินขุดทรายออกเพื่อให้เรือลอยตัว แค่เจ็ดแสนลูกบาศก์ฟุตเท่านั้นเอง
เป็นบทเรียนว่า ถ้าเมืองไทยคิดจะขุดคอคอดกระ ก็ต้องขุดกว้างหน่อยนะ
และควรตั้งชื่อว่า “คลองไกรทอง” เอาไว้ข่มขวัญจระเข้แบบนี้
7. เหตุการณ์นี้ เรียกได้ว่า เป็นที่กล่าวขานสนทนากันทุกวงการ
ทำให้เราได้ทบทวนความรู้เกี่ยวกับคลองสุเอซ
ได้เทียบเคียงกับอภิมหาโปรเจกท์คลองไทย ว่ามันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ได้ตระหนักความสำคัญของการขนส่งทางเรือในยุคปัจจุบัน
และได้ทบทวนสุภาษิตไทยที่ว่า ไอ้เข้ขวางคลอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี