เมื่อม็อบคณะราษฎรพังพาบกันไป ด้วยการเปิดประเด็นโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศึกที่ “เกินตัว” และกระทำด้วยวิธีการที่ต่ำทราม หยาบคาย ก้าวร้าว เถื่อนถ่อยไม่มีข้อมูลที่ดี ที่จริง มีแต่โพยที่ผู้ใหญ่ระยำหลอกใช้ยัดใส่มือ ยัดใส่ปาก ยัดใส่หัว มีแต่คำด่าทอ การล้อเลียน เยาะหยัน ก้าวล่วง
“คดีกับคุก” จึงเป็นสิ่งที่ “คู่ควร” แล้ว กับ “กรรม” ที่ก่อ!!
เมื่อกระแสอิทธิพลคนรุ่นใหม่ ที่นิยมชมชอบแนวคิดและท่าทีแบบ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล ที่หลายคนแซวว่าเป็นพรรคก้าวก่ายบ้าง พรรคใกล้กาวบ้าง ซาลง เพราะมุ่งแต่เล่นการเมืองแบบไร้กาลเทศะ เอา “อารมณ์” มาใช้อย่างบุ่มบ่าม เป็นนักพูดมากกว่านักปฏิบัติ เข้าข้างพรรคพวกมากกว่าสร้างมาตรฐานการเมืองใหม่ๆ
ผี “ทักษิณ” และ “คนของทักษิณ” ก็เริ่ม “ป่าช้าแตก” ออกมาอาละวาด หลอกหลอนสังคมไทยอีกครั้ง
กระนั้นก็ตาม มีคำถามว่า การเมืองไทย ภายใต้การเปิดเกมรุกไล่แบบ “สหบาทา” หลังสงกรานต์นี้ นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะ “ตั้งรับ” จะเคลียร์ข้อกล่าวหา จะเอาชนะ และจะ “พาตัวเองรอด” ในทางการเมืองอย่างไร ในสภาพที่
1) เกิดเกมสามัคคีชุมนุมของกลุ่มญาติวีรชนพฤษภา 35 + จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. + กลุ่ม Oct.Dem. (คนเดือนตุลา) และกลุ่มของ ปิยบุตร แสงกนกกุล กับไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ ที่จะออกเดินสายล่ารายชื่อประชาชนเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งหมดจะแฝงไปด้วยการกล่าวถึง + โจมตี + ชี้ให้เห็น “ปัญหาและจุดอ่อน” ในยุค พล.อ.ประยุทธ์ กับพวก “ครองเมือง”
2) เกิดแรงกระเพื่อมของดุลอำนาจใหม่ในพรรคพลังประชารัฐ ที่กลุ่ม กปปส. (ซึ่งใกล้ชิดกับลุงตู่มากกว่าลุงป้อมและคนในพรรค) หมดอิทธิพลลง กลุ่มบิ๊กป้อมเข้ายึดโควตา กปปส. ส่ง 2 รัฐมนตรีใหม่เข้าแทนที่ โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นแผนกปฏิบัติการ รวบรวมไพร่พล สส. ในพรรค มารองรับอำนาจต่อรองของตน กับสร้างความดีความชอบในสายตา “ลุงป้อม” ที่แม้แต่เดินก็ยังลำบาก แต่มีอิทธิพลมากในพรรคสามมิตรเริ่มไม่ครบสาม มีข่าวลือเรื่องเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคดังออกมาถี่ยิบ ขณะที่กลุ่มภาคใต้ ที่เพิ่งได้ชัยชนะจากนครศรีธรรมราชมา ก็เตรียมหมายตาสร้างผลงานต่อที่ชุมพรกับสงขลา หากว่า “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส กับ ถาวร เสนเนียม ต้องพ้นสถานภาพ สส.ไป แล้วต้องเลือกตั้งซ่อม ซึ่งหากกลุ่มด้ามขวานได้รับแรงหนุนจาก “ลุงป้อม 4 นาที” ขึ้นเวทีโชว์ตัวให้ข้าราชการท้องถิ่นเห็นเหมือนเดิม แล้วชนะในพื้นที่เลือกตั้งซ่อมขึ้นมา การ “เขย่า” ทั้งในพลังประชารัฐ และในคณะรัฐมนตรี อาจเกิดขึ้นอีกระลอกก็เป็นได้
3) เกมโยกโย้ ซื้อเวลา เจ้าเล่ห์ ในเรื่อง “การแก้ไข เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ” กับความแนบแน่นในพรรคร่วมรัฐบาล แม้มีความเสี่ยงไม่มาก เพราะยากที่ภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์จะถึงขั้นถอนตัว แต่ “ความกินแหนงแคลงใจ” ที่เกิดจากพฤติกรรม “ทรยศ หักหลัง พลิกลิ้น” รอบแล้วรอบเล่า ก็สะสมรอยปริร้าวเอาไว้อยู่เสมอ ในขณะที่เสียงยิ่งเพิ่ม มารยาทของพลังประชารัฐก็ยิ่งลด บิ๊กป้อมและวิปรัฐบาล จะประคองสัมพันธภาพให้นิ่งและแน่นได้นานเพียงใด โดยไร้ “การต่อรอง” อื่น
4) สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ประเภท “ลูกกรอกคะนอง” ก็ต้องระมัดระวัง เพราะคุณคือ “ใบเสร็จ” ของ “การต่อท่ออำนาจ” เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี “เกราะคุ้มกัน” ทั้งทางการเมืองและทางเสียงที่มั่นคงในรัฐสภา หากคะนองมากๆ จะเป็นพิษเป็นภัยและความเชื่อใจในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ของ “คนกลางๆ” ในสังคมการเมืองได้
ทุกข้อที่ได้กล่าวมา ล้วนพร้อมที่จะ “เปิดแผล-แหย่จุดอ่อน” ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เริ่มจะถูกนิยาม จำกัดความใหม่ ด้วยคำว่า “ระบอบประยุทธ์” ขึ้นมาแล้ว!!
ไหนจะถูกรุมเร้าด้วยปัญหาโรคระบาด “โควิด-19” ที่ยังไม่อาจควบคุมให้นิ่งได้ เพราะ “คน” คือ “ตัวแปร” และ “กิจกรรมทางเศรษฐกิจ” ที่ต้องผ่อนปรน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในภาวะ “เครียด” ทุกวี่ทุกวัน
1.ฝ่ายการเมืองที่ตัวเองก็มิได้ชอบแต่ต้องใช้
2.โรคระบาดที่ตามนิสัย ก็อยากจะสั่งปิดทั้งหมดให้มันเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็ทำไม่ได้ เพราะมันมีผลกระทบทางความรู้สึกของผู้คนว่าอยู่กับ “เผด็จการ” และผลกระทบทาง “เศรษฐกิจ” ที่เยียวยาไม่ไหว
ดังนั้น ในแง่โรคระบาด ที่เป็น “จุดแข็ง” เป็น “ราคาคุย” ที่บริสุทธิ์ จะเสียหายไม่ได้ เพราะเป็น “ผลงานที่เด่นชัด”ที่พล.อ.ประยุทธ์ กับทีม ศบค. “เอาอยู่” แต่ในเรื่อง “เศรษฐกิจ” ยังลูกผีลูกคน ยิ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ยาวจนครบเทอม และต่ออีกรอบ ก็ต้องเป็นตัวเขาเองที่แบกรับสภาพ “รัฐบาลรายรับต่ำ รายจ่ายสูง” ต่อไป ซึ่งมันจะ “หนัก” ขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อ “อยู่นาน” ในอำนาจ แล้วไม่มีวิวัฒนาการใดๆ นอกเหนือจากใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งแตกแยกของคนในสังคมช่วยพยุง ในเวลาที่สังคมยังนึก “ตัวเลือกอื่น” ไม่ออก ก็มิใช่ “บั้นปลายชีวิต” ที่น่าพิสมัยนัก!
มิใช่วัยชราและความทรงจำที่สวยงามของใครเลย!
ในสภาพการณ์แบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่อย่างไร และจะรอดปากเหยี่ยวปากกาทางการเมืองไปได้อีกกี่น้ำ
เมื่อ... “ศัตรูก็รุกไล่ คนในก็มิได้รักจริง แค่มาพักพิงเพื่อผลประโยชน์ที่ลงตัว”
กองเชียร์ มิตรสหายสายสลิ่ม แฟนานุแฟนของค่ายท็อปนิวส์ จะประคอง พล.อ.ประยุทธ์ ไปได้นานแค่ไหน ในสภาพที่ตลอดมาทำได้แค่ช่วย “ปิดจุดอ่อนฝ่ายลุง เปิดจุดเน่าฝ่ายตรงข้าม” แต่ไม่มีวิสัยทัศน์และความก้าวหน้าของประเทศไปเป็นจุดขาย หรือเป็น “ความหวัง” ในวันข้างหน้า เห็นแต่สงครามห้ำหั่น และต้องถูกบีบให้ “เลือกข้าง”รบกันเท่านั้นเอง!!
โชคดีว่าฝ่ายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้สร้าง “เนื้องานใดๆ” ให้เป็นที่ประจักษ์ ให้เป็นความรัก ให้เป็นความหวัง เอาแต่โจมตีอย่างบ้าคลั่ง และหลายครั้งใช้ความเท็จ ส่อความ “เบาหวิวทางปัญญา” ด้วย
ยิ่งหลักดันฝูงเด็กออกมาด่าทอ โจมตี “พระมหากษัตริย์” ที่คนไทยมีทั้งความรู้สึกรัก หวงแหน และเห็นคุณค่า ฝ่ายต้านประยุทธ์ ก็ไร้ค่า ตกต่ำ ตามไปด้วย โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ และทำงานแบบ “ข้าราชการ” ไปก็พอ เพราะยังไง คนก็ต้องรักษาไว้เป็น “ไม้กันหมา” เป็น “ยันต์กันผี”
แต่ถามจริงๆ นะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นได้แค่นี้ หรือจะเป็นอยู่แค่นี้อย่างนั้นหรือครับ?
สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้อง “ตอบให้ได้ และทำให้เห็น” คือ
1.มีวิสัยทัศน์
เป็นนายกรัฐมนตรีมานานกว่าใครเขาแล้ว รู้จักประเทศไทย รู้ปัญหา รู้โอกาสของประเทศอย่างจริงจังแค่ไหน และผลิตนโยบายหรือแผนการบริหารจัดการและพัฒนาประเทศอะไรขึ้นมาได้บ้าง?
อะไรคือวิสัยทัศน์ในการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย-พล.อ.ประยุทธ์ต้องตอบ
อะไรคือวิสัยทัศน์ของการเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี-คนที่เลือกต้องตอบ
ไม่ใช่ “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่” เพราะเห็นแล้วว่าไม่สงบ และลุงตู่เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ปลุกคนขึ้นมาก่อความไม่สงบ แต่หมายถึง “ความมีวิสัยทัศน์ด้านการพัฒนา” และอย่าไปยกตัวอย่างถนนเส้นต่างๆ รถไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องของการเร่งงาน ติดตามงาน ไม่ใช่วิสัยทัศน์ของท่าน แต่เป็นงานที่ถูกกำหนดมาก่อนแล้ว ลงมือมาก่อนแล้ว โอเคนะ
2.ความเชี่ยวชาญ
พล.อ.ประยุทธ์ มีความเชี่ยวชาญใด เป็นนักบริหารที่เก่งกาจหรือไม่ อันนี้พอจะเห็นเรื่องการบริหารการเมืองและบริหารสถานการณ์ แต่โจทย์ของบ้านเมืองกำลังเปลี่ยนไปเป็นเรื่อง การขุดบ้านเมืองขึ้นจาก “หล่มของโรคระบาด เศรษฐกิจ และความขัดแย้ง” นายกฯจะทำอย่างไร จะมี“ผู้เชี่ยวชาญ” มาอยู่รอบตัว แทนนักตอบโต้ทางการเมือง อย่างแรมโบ้ สิระ ธนกร บ้างไหม?
3.ความรักและความเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
ไม่เป็นที่กังขาหรอกว่า พล.อ.ประยุทธ์รักและเทิดทูนสถาบันไหม แต่กังขาว่า ท่ามกลางการโจมตีด่าทออย่างบ้าระห่ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปกป้องสถาบันด้วยวิธีการใด
ในมือของพล.อ.ประยุทธ์ มี “คลื่นความถี่” ที่ “ใช้การได้” แต่ไม่ถูกใช้ในการ “ส่งเสริมและเผยแพร่พระเกียรติคุณ” ของสถาบันพระมหากษัตริย์เลย ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีมา มีการใช้สื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และประสานสื่อของกองทัพบก เรือ อากาศ ตำรวจ วิทยุโทรทัศน์รัฐสภาเผยแพร่องค์ความรู้ พระปรีชาญาณ พระมหากรุณาธิคุณ ของพระมหากษัตริย์ ให้ประชาชนได้รับรู้ รับทราบ เพิ่มเติมขึ้นไหม ทั้งๆ ที่งานที่ในหลวงรัชกาลต่างๆ ได้ทรงไว้ โดยเฉพาะในหลวงรัชกาลที่ 9 กับรัชกาลปัจจุบัน ยังอยู่ใน “ชีวิตจริง” ของราษฎร ยังคงส่งเสริม ผลักดัน ให้ชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่านเคยเห็น “การลงมือ” เผยแผ่พระเกียรติคุณ โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กันกี่ครั้ง?
จากนี้ไป สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเผชิญ เพราะเขาเปลี่ยนเป้ามา “เล่น” ท่านโดยตรงแล้ว
ก) จตุพร กับแนวร่วมฯ จะตอกย้ำพฤติกรรมหย่อนประสิทธิภาพ ตระบัดสัตย์ และการใช้ประโยชน์เรื่องความจงรักภักดี
ข) กลุ่ม Oct.Dem ซึ่งเป็นบริวารใกล้ชิดทักษิณ ชินวัตร จะมุ่งทำลายท่าน ว่าไม่ใช่นักบริหารมืออาชีพ เป็นแค่ทหารยึดอำนาจและไม่ยอมไปจากอำนาจ จะเน้นเรื่องเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ประชาชนที่อดอยาก ตกงาน สูญเสียโอกาสในชีวิต มาตีกระหนาบคู่ไปกับพวกของจตุพร
ค) กลุ่มของปิยบุตร จะใช้รัฐธรรมนูญ เป็นตัวย้ำความเป็น “เผด็จการสืบทอดอำนาจ” ด้วยการใช้ “กติกาที่เอาเปรียบ” มาตีแผ่ “ระบอบประยุทธ์”
ผมไม่ทราบว่าคนใกล้ตัวท่านเคยวิเคราะห์ให้ท่านฟังแบบนี้มาบ้างหรือไม่ สำคัญกว่านั้น คือท่านเห็นสิ่งเหล่านี้
บ้างหรือไม่ นับจากนี้ท่านจะปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไรรับมืออย่างไร เป็นเรื่องของท่านแล้ว ผมได้วิเคราะห์ให้ท่านฟังแล้ว จะให้ลูกหาบมาด่าผมเพลินๆ หรือนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์
ก็แล้วแต่จะพิจารณา!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี