ในช่วงสิบวันมานี้มีข่าวเล็กๆ สั้นๆ ปรากฏในโซเชียลมีเดียทั่วไปสรุปใจความว่าองค์การอนามัยโลกมีมติให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ซึ่งหมายความรวมถึงกัญชงซึ่งเป็นญาติกับกัญชาด้วย
เหตุที่องค์การอนามัยโลกต้องมีมติเช่นนั้นก็เพราะองค์การอนามัยโลกเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับ เรื่องยาเรื่องสุขภาพ เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และย่อมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย
การที่กัญชาและกัญชงซึ่งแต่ก่อนร่อนชะไรมาไม่ใช่ยาเสพติด ต้องถูกขึ้นบัญชีเป็นยาเสพติดที่มีโทษร้ายแรงก็เพราะองค์การอนามัยโลกภายใต้สหประชาชาติที่เคยมีมติเช่นนี้ ดังนั้นจึงทำให้ประเทศไทยและประเทศทั้งหลายที่เป็นภาคีสมาชิกของสหประชาชาติต้องตรากฎหมายบัญญัติให้กัญชาและกัญชงเป็นยาเสพติด
ทำให้กัญชาและกัญชงซึ่งเป็นทั้งอาหารและยาของประชาชาติไทยมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์และใช้สอยกันเป็นปกติแทบทุกครัวเรือนต้องกลายเป็นยาเสพติดโดยผลแห่งกฎหมาย ทั้งๆ ที่ตัวตนของทั้งกัญชงและกัญชานั้นไม่มีฐานะเป็นยาเสพติด
กัญชานั้นผู้ที่เสพแล้วจะหยุดเสพเสียเมื่อใดก็ได้และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ที่ร้ายแรง แม้เสพกัญชาแล้วก็มิได้ก่อเรื่องวิวาทบาดหมางกับใคร เพราะต่อให้เมากัญชาก็เพียงแค่อยู่ในความฝันในโลกส่วนตัวซึ่งไม่กระทบกระเทือนกับใคร ดังนั้นโดยลักษณะจึงไม่ใช่ยาเสพติด
ส่วนกัญชงนั้นติดบัญชีเป็นยาเสพติดก็เพราะชื่อกัญชง เพราะทำให้เข้าใจว่าเป็นญาติสนิทของกัญชา ทั้งๆ ที่มีสารแบบกัญชาเพียง 0.1% ของกัญชาเท่านั้น และเสพไม่ได้ เพราะไม่ว่าสูบหรือกินก็จะปวดศีรษะ แต่สามารถใช้ทางยาและใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้สารพัด ท่านใดสนใจเรื่องนี้ก็ให้ไปค้นคว้าศึกษาผลการวิจัยของโครงการหลวงอันเป็นโครงการตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งวิจัยผลสำเร็จไว้อย่างงดงาม
ดังนั้นทั้งกัญชาและกัญชงจึงต้องกลายเป็นยาเสพติดเพราะกฎหมายบัญญัติให้เป็นไป ไม่ต่างอันใดกับบัวในเขตคุ้มครองสัตว์น้ำที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นสัตว์น้ำด้วย ดังนี้ก็จะเห็นและเข้าใจอย่างชัดเจนว่านักเขียนกฎหมายในเมืองไทยนั้นสามารถเขียนให้พืชเป็นสัตว์ก็ได้ และสัตว์ชนิดเดียวกันอาจจะเป็นทั้งสัตว์ป่าและสัตว์น้ำก็ได้ ดังเช่นนกบางชนิดขณะลงเล่นน้ำอยู่ก็กลายเป็นสัตว์น้ำตามกฎหมายคุ้มครองสัตว์น้ำ แต่พอโผบินไปในอากาศก็กลายเป็นสัตว์ป่าตามกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า
แม้กระทั่งก้อนหินเล็กๆ เศษไม้เล็กๆ หรือแม้แต่เห็ดเพียงไม่กี่ดอกก็อาจจะเป็นป่าตามกฎหมายป่าสงวนแห่งชาติ เพราะบัญญัติให้ถือว่าไม่ว่าอิฐหินดินทรายพืชพันธุ์ใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติก็ให้ถือว่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติด้วย จึงเป็นเหตุให้ใครหยิบของเหล่านี้ออกไปต้องถูกดำเนินคดีกล่าวหาว่าทำลายป่าสงวนแห่งชาติ
เมื่อต้องคดีและถูกถามว่าได้เอาเห็ด 5 ดอกออกไปจริงหรือไม่ ตาสีตาสายายมายายมีซึ่งรู้ดีว่าเป็นแค่เห็ดที่ชาวบ้านเก็บไปเป็นอาหารมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายก็รับว่าเป็นความจริง โดยไม่ทราบว่าเห็ดเป็นป่าสงวนแห่งชาติ จึงถูกจำคุก 5 ปี ก็เคยปรากฏให้เห็นมาแล้ว
เพราะการเขียนกฎหมายเป็นเช่นนี้จึงทำให้เกิดความวิปริตแปรปรวนขึ้นในวงการกฎหมายของประเทศไทย แต่ยังโชคดีที่การเขียนกฎหมายยังไม่ถึงขั้นเขียนให้คนเป็นหมาหรือให้หมาเป็นคน
ดังนั้นเมื่อองค์การอนามัยโลกมีมติให้ประเทศต่างๆ ต้องปลดกัญชาและกัญชงออกจากบัญชียาเสพติด จึงเป็นหน้าที่ของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ที่จะต้องรีบตรากฎหมายเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ถ้าหากออกเป็นพระราชกำหนดได้ก็จะยิ่งดี เพราะไม่ถึงเดือนเท่านั้นกัญชาและกัญชงก็จะไม่ใช่ยาเสพติดผิดกฎหมายอีกต่อไป
ถึงวันนี้คนไทยทั้งประเทศจับได้ไล่ทันและรู้เช่นเห็นชาติของนักการเมืองและผู้มีอำนาจเป็นอย่างดีว่าโกหกลวงโลกหลอกลวงประชาชนอย่างไร
ปากหลอกลวงว่าปลูกกัญชาได้แล้ว ใช้กัญชาได้แล้ว ทุกบ้านปลูกกัญชาได้แล้ว ใช้ทำอาหารทำยาได้แล้ว
แต่แฝงตัวหนังสือตัวเล็กๆ ที่ชาวบ้านแทบไม่สังเกตหรือไม่ทันได้อ่านว่าทั้งนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนด
คนทั้งหลายได้เห็นการพาดหัวข่าวและการแถลงในลักษณะเช่นนี้ก็เชื่อถือพากันปลูกกัญชากัญชงในหลายพื้นที่ แม้คนชราอายุ 78 ปี ปลูกกัญชาเพียงต้นเดียวหวังใช้เป็นยารักษาโรคประจำตัว ปรากฏว่าต้นกัญชาโตได้เพียง 7 นิ้ว ก็ถูกจับดำเนินคดี แต่ในที่สุดก็ได้รับความเมตตาจากผู้เกี่ยวข้องปล่อยตัวไป เพราะแบบนี้เอาไปขังคุกติดตะรางก็เปลืองข้าวประเทศชาติเปล่าๆ หาประโยชน์อันใดมิได้ ชะดีชะร้ายคุณปู่เกิดไปโพล่งขึ้นกลางศาลว่าที่ปลูกเพื่อรักษาโรคประจำตัวนั้นก็เพราะหลงเชื่อการแถลงข่าวต่างๆ ก็จะยิ่งขายหน้ากันไปใหญ่
เพราะเงื่อนไขที่เขียนซุกไว้โดยคนไม่ทันสังเกตนั้นนั่นแหละคือเงื่อนไขที่จะทำให้การปลูกกัญชาโดยทั่วไปทำได้ยากเย็นแสนเข็ญหรือทำไม่ได้ ไม่ว่าในกระบวนการขออนุญาตหรือในกระบวนการปลูกที่ต้องใช้ทุนรอนจำนวนมากเกินกำลังของชาวบ้านทั่วไปจะทำได้ จึงเป็นเงื่อนไขที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของทุนใหญ่หรือทุนผูกขาดเท่านั้น
นอกจากนั้น ยังหมกเม็ดไว้อีกว่าเม็ดกัญชาและดอกกัญชาเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย แม้ได้รับอนุญาตให้ปลูกก็มีหรือใช้ไม่ได้ ดังนั้นใครปลูกกัญชาก็มีโอกาสเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางกันทั้งสิ้น เพราะวันเวลาใดที่กัญชาออกดอกมีเมล็ดก็ผิดกฎหมาย เว้นแต่จะยอมเอาไปขายให้กับทุนต่างชาติหรือทุนผูกขาดที่ได้รับอนุญาตให้ผลิต แปรรูป จำหน่าย และส่งออกกัญชา
นี่คือการลวงโลกที่จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นสูญไปให้จงได้เพราะปัจจุบันนี้ก็ยอมรับกันอยู่แล้วว่ากัญชา กัญชง คือทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าของชาติ เปิดเสรีเมื่อใดประเทศไทยจะหายจน ประชาชนจะหายป่วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี