สงกรานต์ปีนี้ คนไทยจะต้องร่วมใจกันต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19
มิฉะนั้น คนติดเชื้อ หรือคนตายรายต่อไป อาจเป็นคนในครอบครัว หรือคนที่เรารัก หรือตัวเราเองก็ได้
1. ขณะนี้ มีความพยายามกล่าวโทษ ดิสเครดิตทางการว่าฉีดวัคซีนล่าช้า จึงทำให้มียอดผู้ติดเชื้อรายวันจำนวนหลายร้อยคนทั่วประเทศ
นับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 11 เม.ย. 2564 ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็ม 1 และ 2 แล้ว รวม 570,052 โดส
แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 498,791 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 71,261 ราย
เป็นไปตามแผน
อันที่จริง ลองดูตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ของประเทศต่างๆ จะเห็นว่าหลายประเทศที่ฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่าเรา แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันก็สูงกว่าไทยเราอย่างเทียบกันไม่ติด เช่น
อินเดีย ผู้ติดเชื้อเพิ่มวันเดียว 1.69 แสนคน
ฝรั่งเศส ผู้ติดเชื้อเพิ่มวันเดียว 3.4 หมื่นคน
อิตาลี ผู้ติดเชื้อเพิ่มวันเดียว 1.5 หมื่นคน
เยอรมนี ผู้ติดเชื้อเพิ่มวันเดียว 1.6 หมื่นคน
ญี่ปุ่น ผู้ติดเชื้อเพิ่มวันเดียว 3.6 พันคน
ฟิลิปปินส์ ผู้ติดเชื้อเพิ่มวันเดียว 1.1 หมื่นคน
อินโดนีเซีย ผู้ติดเชื้อเพิ่มวันเดียว 4.1 พันคน
มาเลเซีย ผู้ติดเชื้อเพิ่มวันเดียว 1.7 พันคน
ขณะที่ประเทศไทยเรา ล่าสุด เมื่อวานนี้ มีผู้ติดเชื้อ 985 คน(เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 980 คน)
หลายประเทศฉีดวัคซีนมากกว่าไทย แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันก็ยังสูงกว่าประเทศไทยมาก (แม้นจะไม่นับอินเดีย เพราะจำนวนประชากรเยอะกว่าไทยก็ตาม)
2. วัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ในระยะยาว
ในสถานการณ์เฉพาะหน้า หรือระยะที่ยังไม่เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แม้นฉีดวัคซีนแล้ว แต่ถ้ายังมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง ก็ยังอาจติดเชื้อได้ แต่ความรุนแรงจะน้อยลง
ประการสำคัญ คนที่ฉีดวัคซีนอาจจะรอด แต่ก็ยังสามารถนำเชื้อไปแพร่ระบาดต่อให้คนอื่นๆ ได้ และอันตรายถึงชีวิตอยู่ดี
เพราะฉะนั้น ปัจจัยสำคัญสุดในช่วงเวลานี้ คือ การหยุดยั้งการแพร่ระบาดโดยความร่วมแรงร่วมใจกำหนดพฤติกรรมของคนในสังคมเอง
3. ปัจจัยสำคัญในเวลานี้ ไม่ใช่การฉีดวัคซีน แต่คือความร่วมมือร่วมใจหยุดพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิดต่อไป
นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเตือนสติที่น่าสนใจว่า
เดือนหน้า ผู้ป่วยโควิด-19 เป็นเท่าไร ?
3,000 ราย/วัน หรือ 300 ราย/วัน ขึ้นกับมาตรการ และพลังความร่วมมือ
แบบจำลองคณิตศาสตร์คาดประมาณจำนวนผู้ป่วยโควิดต่อมาตรการ
• มาตรการสำคัญในการลดการแพร่เชื้อ โดยแบบจำลองนี้ได้เปรียบเทียบ 4 มาตรการหลัก ดังนี้
1.สถานการณ์ระบาดที่ไม่มีมาตรการใดๆ ซึ่งไม่มีเกิดขึ้นจริง
2.มาตรการในปัจจุบัน คือ ปิดสถานบันเทิงใน 41 จังหวัด
3.มาตรการในปัจจุบันร่วมกับปรับพฤติกรรมส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น
4.มาตรการในปัจจุบันร่วมกับปรับพฤติกรรมส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น ร่วมกับงดการรวมตัวกัน
5.มาตรการในปัจจุบัน ร่วมกับปรับพฤติกรรมส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น ร่วมกับงดการรวมตัวกัน และร่วมกันการทำงานที่บ้าน
สรุป
1) ปิดผับบาร์ ลดติดเชื้อทำเหลือผู้ป่วย 32.8%
2) หากเพิ่มพฤติกรรมส่วนบุคคล จะเหลือ 10.2%
3) หากเพิ่มลดกิจกรรมปาร์ตี้ จะเหลือ 6.5%
4) หากทำมาตรการทุกอย่างร่วมทำงานที่บ้าน คาดเหลือผู้ป่วย 4.3%
• คาดว่ามาตรการแต่ละระดับที่เพิ่มขึ้นจะลดการแพร่เชื้อได้
- การปิดสถานบันเทิงจะลดได้อย่างน้อย 25%
- การปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล เช่น เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยลดแพร่เชื้อได้ 30%
- การกำหนดให้บุคลากรองค์กรต่างๆ ทำงานที่บ้าน รวมทั้งลดการรวมตัวกันในกิจกรรมต่างๆ จะลดได้อย่างละ 15%
หากไม่มีมาตรการใดๆ ซึ่งไม่จริงก็จะมีเชื้อพุ่งสูงมากเป็น 2 หมื่นราย ในช่วงเวลาเดือนเศษ
• ขณะนี้ เรามีมาตรการการปิดสถานบันเทิง ก็จะลดผู้ติดเชื้อเหลือ 1 ใน 3 หรือ 32.8% จึงขอให้ทุกจังหวัดเข้มงวดในเรื่องสถานบันเทิง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อต่อ ซึ่งขณะนี้มีคนทำงานจำนวนไม่น้อยที่รับเชื้อไปแล้ว และอยู่ระหว่างฟักตัวของโรค เริ่มมีอาการแต่ยังไม่ทันสังเกต
• ประชาชนทุกคนร่วมใจกันในการปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล
- สวมหน้ากากอนามัย 100% จำนวนการติดเชื้อก็จะลดลงไปอีกเหลือ 10.2%
- ลดการรวมตัว ร่วมกิจกรรมต่างๆ สังสรรค์ปาร์ตี้ก็จะลดลงไปอีกเรื่อยๆ เหลือ 6.5%
- หลังสงกรานต์ส่งเสริมมาตรการองค์กร ให้พนักงาน บุคลากรทำงานที่บ้านก็จะลดตัวเลขการติดเชื้อลงไปอีกเหลือเพียง 4.3%
4.จะเห็นว่า ปัจจัยที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิดได้ในขณะนี้ คือ ความร่วมมือร่วมใจของคนในสังคมนี่เอง คือ วัคซีนสำคัญที่สุด
สงกรานต์นี้ จึงเป็นปีที่เราจะต้องรักษาระยะห่าง
ท่านใดไม่ได้กลับบ้านไปใกล้ชิดคนในครอบครัว เพื่อนฝูง ไม่ได้เล่นสาดน้ำไม่ได้เที่ยวเตร่สถานบันเทิง ก็ขอให้ภูมิใจว่า ได้ช่วยลดความเสี่ยงให้กับสังคม
ลดกิจกรรมชุมนุมสังสรรค์ ลดการเดินทางข้ามจังหวัดที่ไม่จำเป็น
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ทำงานหนักและเสี่ยงกว่าเรามาก ในการคัดกรองเชิงรุก นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่การรักษา ลดโอกาสการแพร่เชื้อต่อ รักษาผู้ป่วย ป้องกันการเสียชีวิต ฯลฯ
เพราะฉะนั้น เราควรทำในสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ แต่มีผลมากที่สุด คือ การสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ลงทะเบียนเข้า-ออกสถานที่ตรวจวัดอุณหภูมิ หากมีอาการสงสัยตรวจหาเชื้อ ผู้ที่ประวัติเสี่ยงให้กักตัว 14 วัน
จำง่ายๆ “อย่าลืมสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ เช็คชื่อใน “ไทยชนะ” และ “หมอชนะ”
ประเทศไทยเราจะผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ได้ จะต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากประชาชน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี