l พายุร้าย ที่พัดกระหน่ำใส่รัฐบาล จากที่คนไม่หวังดี คือ “อคติ”
ผ่าน ๒ เรื่องหลัก
๑.เรื่องโควิด-19 และวัคซีน
ประเด็นหัวใจของการเข้าใจอย่างถูกต้อง ต่อเรื่อง โควิด-19 และวัคซีน คือ
-เรื่องนี้ เป็นชะตากรรมร่วมกันของมนุษยชาติ และคนไทยทุกคนทุกฝ่าย
-เรื่องนี้ยังไม่จบ มีความไม่แน่นอน และขณะนี้ยังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นไปทั่วโลกและทั่วไทย
เรายังไม่สามารถสรุป และนำมาเป็นบทเรียนได้อย่างครบถ้วนถูกต้อง แต่คงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย ประมาณอีก ๑-๒ ปี เมื่อโลกผลิตวัคซีนได้เพียงพอ และสังคมมีภูมิคุ้มกันเชื้อโควิด-19 : เหตุการณ์คงดีขึ้น และคงยุติลง
๒.เรื่อง การเมือง เศรษฐกิจ และทุกเรื่อง
เรื่องนี้ ยังอีกยาวนาน และนานไปอีกเป็นหลายสิบปีและมีแนวโน้มที่จะหนักรุนแรงมากขึ้น ตราบที่
(๑) พวกอคติชังชาติ ไม่ยอมรับทุกเรื่อง ทั้งรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญฯ
(๒) ยังมีการปฏิวัติหรือปฏิรูป “โครงสร้างและระบบที่เหลื่ยมล้ำไม่เป็นธรรม” และยังไม่ได้ “พัฒนาคุณภาพของประชาชนส่วนใหญ่”
l วันนี้ จะขอพูด เรื่อง “โควิด-19 และเรื่องวัคซีน”
เรื่องนี้ เป็นเรื่องส่วนรวมของประชาชนทุกพรรคทุกฝ่าย และบ้านเมือง
ฉะนั้นโปรดกรุณา อย่านำ “เรื่องนี้” มาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีกล่าวหากันและกัน โดยเฉพาะต่อ “รัฐบาลและคณะแพทย์” ที่ทำหน้าที่ในการดูแลรักษาป้องกันพี่น้องประชาชนไทย
l เราต้องแสวงหา ข้อมูลข่าวสาร ให้ครบถ้วนถูกต้อง ให้มากที่สุด ด้วยสติปัญญา ความจริงในเรื่องหลักสำคัญดังนี้
1.การบริหารจัดการ เรื่อง โควิด-19 และวัคซีน ของรัฐบาล
(๑) อาศัยองค์ความรู้ ความสามารถ สติปัญญา ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ จากคณะหมอที่มี
หน้าที่และผู้เกี่ยวข้องที่ได้ศึกษาติดตาม แสวงหา “ความรู้ความเข้าใจ เรื่องโควิดและวัคซีน” อย่างต่อเนื่องทั้งเหตุการณ์ในประเทศไทย และของโลก
(๒) รัฐบาลทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงาน ในส่วนที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ให้ดำเนินไปด้วยดี มีประสิทธิภาพได้ประสิทธิผล
2.ปัญหา โควิด-19 และเรื่องวัคซีน มิใช่เรื่องโดดๆแต่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญ คือ
๑.เรื่องเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ การทำงานหารายได้ และเรื่องอื่นๆ
๒.เรื่องความคิด การจัดการ ให้เกิดความสมดุล และก้าวผ่านไปได้ (ซึ่งไม่ง่ายเลย) ระหว่าง
(๑) “การจัดการ ป้องกันโควิด-19” โดยการใช้มาตรการเด็ดขาด
(๒) “เรื่องความคิด” ต้องเอา “เศรษฐกิจ” มาก่อน
๓.ความจำกัด ของรัฐและหมอ ในการบริหารจัดการ ในเรื่องนี้ ในหลายปัจจัยต่างๆ ที่เป็นข้ออ่อนของสังคมไทยระบบการเมือง ระบบราชการ ระบบธุรกิจ นักวิชาการ สื่อ และประชาชน
๔.การคิด การจัดการ การวางแผนล่วงหน้า ของรัฐและหมอ มีความจำกัดทั้งเรื่อง การผลิตวัคซีน การแพร่พันธุ์กลายพันธุ์ของเชื้อโควิด การสั่งซื้อวัคซีนที่กลายเป็นเครื่องมือของประเทศมหาอำนาจของโลก การผลิตวัคซีน ที่ “โลก” ยังทำได้จำกัด ไม่เพียงพอแก่ความต้องการของ “ประเทศต่างๆ”
โดย “การจำหน่ายวัคซีน” เป็นตลาดของผู้ขาย มิใช่ของผู้ซื้อ
๕.วัคซีน ซึ่งโดยปกติการผลิตและการพัฒนาฯจนสามารถรักษาป้องกันได้จริง ใช้เวลา ๘-๑๐ ปี
แต่ด้วยความจำเป็นอย่างรีบด่วนของโลก จึงรีบผลิตออกมาใช้ ในเวลาเพียง ๑-๒ ปี จึงมีข้อจำกัด และมีปัญหามากมาย ตามมา บางผลิตภัณฑ์ใช้ได้ผลน้อยลง ต้องมีการผลิต พัฒนาขึ้นใหม่ ตัวโควิด-19 มีการพัฒนากลายพันธ์ุไม่หยุด มีความรุนแรงมากขึ้น และมีความคิดเห็นขัดแย้งกันสูงในระดับโลก
วัคซีน กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง เศรษฐกิจ (เก็งกำไร) และการช่วงชิงกันของประเทศผู้ซื้อ
วัคซีน บริษัทหรือประเทศผู้ขาย เป็นตัวกำหนด เพราะความไม่เพียงพอกับความต้องการโลกต้องการวัคซีน ร่วม ๙,๐๐๐ ล้านโดส แต่ขณะนี้ผลิตได้ประมาณ ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ ล้านโดส การที่แต่ละประเทศจะได้มา มิใช่เรื่องง่ายตามปกติ
3. การแก้วิกฤตินี้ ที่ทำได้จริง คือ
๑.รัฐ เอกชน สื่อ และประชาชน ต้องร่วมมือกัน
(๑) รัฐ และหมอ ต้องทำงานหนัก เอาจริง โดยการให้ข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้อง แก่สาธารณะ
(๒) สื่อที่ดี มีจรรยาบรรณ ต้องช่วยกันเผยแพร่“ข้อมูลจากรัฐและหมอ” และลดเสนอข่าวในเชิงลบด้านเดียว
(๓) ประชาชนอย่าเผยแพร่ข่าวเท็จ หรือรีบโพสต์ข้อมูลที่ยังไม่ได้กลั่นกรองฯ ขณะเดียวกัน ต้องช่วยกันคิดอย่างสร้างสรรค์ ส่งเสริมสนับสนุนรัฐและหมอและผู้ที่เสียสละฯ
๒.เป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้าน และฝ่ายที่ชิงชังรัฐบาลและกองทัพฯ
๓.ความรัก ความสามัคคี ความร่วมมือ ช่วยเหลือ ของประชาชนไทยทุกคนทุกฝ่ายทั้งการป้องกันตัวเอง และครอบครัว ชุมชน การช่วยเหลือ ในทุกด้านที่ผู้มีกำลังฯควรจะต้องช่วยคิด ช่วยทำ ทั้งความคิด การแนะนำข้อคิดดีๆ กำลังกายใจ และทุนต่อผู้ที่ขาด ผู้ที่ทุกข์ฯ
4.หลักการมองปัญหาในเรื่องนี้ ให้ถูกต้อง เป็นจริง
๑.เรื่องนี้ เป็นผลประโยชน์ของส่วนรวม ของประชาชนทุกคนทุกฝ่ายและประเทศชาติไม่มีใครพรรคใด คนกลุ่มใด จะได้ผลประโยชน์หรือเสียประโยชน์ แต่ฝ่ายเดียว มีแต่ประชาชน และประเทศชาติ จะเป็นฝ่ายชนะ (ได้) หรือ ฝ่ายเสีย (แพ้)
จึงต้องร่วมมือร่วมใจ ในการรักษาป้องกัน และกอบกู้ให้พ้นจากวิกฤติโควิด-19
๒.ต้องมองภาพรวมทั้งหมด มิใช่มองบางด้าน หรือเฉพาะจุด ที่เป็นข้ออ่อนฯ ของรัฐบาลและหมอหรือข้อจำกัดของระบบฯ และสังคม
๓.การแก้วิกฤติโควิด-19 มิสามารถทำได้ในเวลาอันสั้น รวดเร็วและยังจะต้องมีการแก้และจัดการปัญหาอื่นๆ ของบ้านเมืองทั้งที่สำคัญมากและรอง ควบคู่กันไปด้วยจึงต้องการความอดทน ความเข้าใจ ในการร่วมแบกรับวิกฤติ และการแก้ปัญหาต่างๆ ควบคู่กันไปของคนทุกฝ่าย ที่รักและหวงแหนแผ่นดินไทย และอนาคตของประเทศชาติ ร่วมกัน
๔.ความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อรัฐบาลและหมอรวมทั้งผู้ทำหน้าที่ฯ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่จะนำไปสู่การแก้วิกฤติโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว
เราต้องการ ใจที่สงบ ใช้สติปัญญา ความจริง มาพิจารณา
การบริหารจัดการในเรื่องนี้ของรัฐบาลไทย ทำได้ดีใช้ได้ ตามเงื่อนไขและความจำกัดของโลกและไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี